บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

“อื้อ…” ณชาณัธฐ์ร้องอู้อี้ เธอมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวเช่นเคย เพราะเขาน่ากลัวจริงๆ ตัวสูงใหญ่แถมยังไว้หนวดเคราเหมือนโจร โดยเฉพาะสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรนั่นอีก ต้องเป็นโจรเรียกค่าไถ่แน่ๆ ณชาณัธฐ์นั่งขดตัวมองใบหน้าชายหนุ่มอยู่เป็นนาน ความอ่อนเพลียและร่างกายที่บอบช้ำทำให้เธอเผลอหลับแบบไม่รู้ตัว หญิงสาวนั่นคอพับคออ่อนอยู่บนแคร่ไม้ ทั้งๆ ที่พยายามบอกตัวเองไว้แล้วว่าอย่างง่วงนอนแต่กลับสั่งไม่ได้เลย

อธิเมศร์ส่ายหน้าให้เมื่อเห็นว่าเธอหลับไปแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้นไปพยุงตัวณชาณัธฐ์ให้มานอนใกล้กองไฟร่างบางสะดุ้งแต่ไม่ยอมตื่น เขาแก้เชือกที่มัดมือไขว่หลังของเธอออก รวมทั้งแก้มัดที่ข้อเท้าและเอาผ้าปิดปากออกให้เธอด้วย เมื่อเป็นอิสระจากเชือกร่างบางของณชาณัธฐ์ก็นอนกอดตัวเองแน่น ชายหนุ่มมองรอยแดงเพราะถูกมัดด้วยเชือกมานานที่ข้อมือและข้อเท้าของเธอด้วยสายตาของความว่างเปล่า

ไม่เข้าใจว่าเอกรัฐทำแบบนี้ทำไมกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องถามหรือใส่ใจมากไป ที่สนใจคือไอ้สองคนที่เขาสอยร่วงนั่นต่างหาก มันเป็นใคร ตามฆ่าเขาอย่างนั้นเหรอ หรือตามฆ่าเธอคนนี้ แต่เท่าที่ผู้ชายคนนั้นพูดมาเหมือนมันกำลังตามของที่เขาต้องนำไปส่งเสียมากกว่าจะเป็นเขาเอง อธิเมศร์มองไปยังคนที่นอนกอดตัวเองแน่น ผู้หญิงตัวเล็กๆ ดูไร้ทางสู้ แต่กลับมีมือปืนคอยไล่เก็บแบบนี้ ชักไม่ธรรมดาแล้ว

หน้าห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลชั้นนำ ที่ตอนนี้การผ่าตัดหัวใจของสุทินก็ยังไม่เสร็จสิ้น รังสิณาเองก็เฝ้ารอผลการผ่าตัดและรอการมาของณชาณัธฐ์เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่เธอได้ข่าวมาจากเอกรัฐคือณชาณัธฐ์หายตัวไปจากสนามบินและไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

“ว่าไงนะ หนูปอไม่รู้หายตัวไปที่ไหนอย่างนั้นน่ะเหรอ” รังสิณาถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้หน้าห้องผ่าตัด ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้

“เธออาจจะไปเที่ยวก่อนเข้าบ้านก็ได้ครับ” เอกรัฐเอ่ยขึ้น เพราะเรื่องของณชาณัธฐ์ที่ตอนนี้อยู่ที่ไหนอะไรยังไง รังสิณานั้นไม่รู้ความจริง เพราะสุทินต้องการปิดเป็นความลับ

“ไปเที่ยว…ไม่รู้หรือไงว่าพ่อกำลังไม่สบาย” คนเป็นน้าส่ายหน้าให้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าณชาณัธฐ์กำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่

“เรื่องนั้นคุณหนูไม่ทราบเลยครับ”

“ทำไมหนูปอไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ” คนฟังดูตกใจไม่น้อย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ณชาณัธฐ์ยังไม่รู้ เป็นไปได้ยังไงกัน

“เพราะคุณสุทินสั่งไม่ให้ใครพูด”

“พี่สุทิน” รังสิณามองไปยังประตูห้องผ่าตัด จะว่าไปเรื่องที่ สุทินป่วยจนต้องผ่าตัดด่วนแบบนี้เธอเองก็พึ่งรู้ก่อนการผ่าตัดไม่กี่วันเหมือนกัน คนใกล้ชิดเห็นกันแทบทุกวันยังพึ่งรู้ ไม่แปลกใจที่ ณชาณัธฐ์ที่อยู่ไกลครึ่งค่อนโลกจะไม่รู้เรื่อง เพราะตั้งแต่หลานสาวเธอไปเรียนก็ไม่กลับมาบ้านเลยสักครั้งนี่นาทำไงได้ กลับมาทั้งทีกลับเลือกไปเที่ยวก่อนมาหาพ่อตัวเองที่ป่วยอย่างนั้นน่ะเหรอ ถ้าเจอหน้าคงต้องอบรมให้หนักเสียหน่อย

“คุณกวางกลับไปพักก่อนดีไหมครับ เพราะอีกนานกว่าการผ่าตัดจะเสร็จเรียบร้อย” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของเอกรัฐเอ่ยถาม เพราะรังสิณานั่งอยู่แบบนี้ตั้งแต่มาถึงแล้ว

“ไม่เป็นไร ฉันขอนั่งรอที่นี่แล้วกัน”

“แต่ผมว่า…”

“บีม พอเถอะ ฉันจะรอที่นี่” น้ำเสียงตึงๆ เอ่ยขึ้น รังสิณาละสายตาจากห้องผ่าตัดมองไปยังเอกรัฐ รู้ว่าเขาห่วง แต่เวลานี้คนที่เธอห่วงมาที่สุดคือสุทิน

“ครับ” เอกรัฐอยากตื้ออีกหน่อย แต่พอเห็นแววตาเหมือนจะรำคาญแบบนั้นของรังสิณาเขาก็เปลี่ยนใจ ไม่ได้หวังจะทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“บีม…ทำไมเธอถึงจงรักภักดีต่อพี่สุทินนักล่ะ” น้ำเสียงและแววตาของเธอดูเปลี่ยนไป เพราะรู้ว่าทำตัวไม่ดีใส่เอกรัฐไปเมื่อครู่

“เพราะคุณสุทินช่วยชีวิตเด็กเกเรอย่างผมไว้ครับ” เอกรัฐนั้นตอบแบบไม่ปิดบัง รวมทั้งแววตายามที่ชายหนุ่มมองมายังรังสิณาด้วย เขาเปิดเผยว่าคิดยังไงกับเธอ

“เด็กเกเร เธอนะเหรอ?” รังสิณาดูจะไม่ค่อยอยากเชื่อคำที่ได้ยินสักเท่าไหร่ ขณะที่กำลังนั่งคุยกันอยู่เธอก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นจมูกโชยออกมาจากตัวเอกรัฐ

“ครับ…เมื่อก่อนผมเป็นนักเลงหัวไม้ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง วันๆ มีแต่ชกต่อยหาเรื่องเขาไปทั่ว จนถูกอริดักซ้อมและหวังฆ่า ผมโซซัดโซเซเลือดท่วมตัวมาหยุดที่รถของคุณสุทิน ตอนนั้นคิดว่าตัวเองต้องตายแล้วแน่ๆ แต่คุณสุทินกลับช่วยผมเอาไว้ ท่านดูแลผมอย่างดี เมื่อหายผมจึงขอเป็นลูกน้องรับใช้มาจนถึงตอนนี้” เอกรัฐเล่าความเป็นมาเป็นไปของตนให้รังสิณารู้ จะว่าไปเธอเองไม่เคยถามความเป็นมาเป็นไปของเขาเลยนี่นา

“พี่สุทินเป็นคนดีจริงๆ อย่างที่บีมว่านั่นแหละ” น้ำเสียงเนือยๆ ของรังสิณาเอ่ยขึ้น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกหลังจากปิดอยู่นานกว่าสิบชั่วโมงเพราะผ่าตัดใหญ่ รังสิณาและเอกรัฐรีบรุดไปหาหมอที่เดินออกมาทันที

“ผลการผ่าตัดเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” รังสิณาเอ่ยถามทันที เธอเฝ้าภาวนาให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี ขอให้ไม่เกิดเรื่องร้าย ส่วนเอกรัฐก็รอฟังคำพูดของหมอเช่นเดียวกัน

“ดี…ไม่มีปัญหาครับ คนไข้เก่งมาก ที่เหลือคงต้องรอตรวจอย่างละเอียดตอนที่คนไข้ฟื้น” คำพูดของหมอทำให้รังสิณายิ้มบางๆ ออกมาได้บ้าง ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเป็นการใหญ่

“ค่ะๆ ขอบคุณมาก”

“คนไข้คงต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อก่อน ถ้าร่างกายแข็งแรงดีแล้วค่อยย้ายขึ้นไปบนห้องพักฟื้น”

“ค่ะ ไม่ทราบว่าจะขอเข้าไปเยี่ยมได้ไหมคะ”

“เชิญครับ” พูดจบหมอผ่าตัดก็ขอแยกตัวไปทันที รังสิณากับเอกรัฐเข้าไปในห้องผ่าตัด ทั้งคู่สวมชุดปลอดเชื้อ พร้อมกับทำความสะอาดร่างกายบางส่วน เวลานี้สุทินนอนอยู่บนเตียงท่ามกลางสายระโยงระยางเต็มไปหมด

รังสิณายกมือขึ้นทาบอก ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งที่เขาจะหายดีอีกไม่ช้า แต่อีกใจก็สงสารที่เขาต้องเจ็บปวดกับการผ่าตัดใหญ่ขนาดนั้น รวมทั้งรู้สึกโกรธที่ณชาณัธฐ์มาทำตัวเหลวไหลตอนนี้ด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel