บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เสียงฮำเพลงอย่างคนอารมณ์ดี ดังขึ้นภายในห้องส่วนตัวของอพาร์ทเม้นท์แห่งใหม่ ณชาณัธฐ์ย้ายเข้ามาอยู่หลังจากที่สอบเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยมีชื่อของที่นี่ได้ ซึ่งที่พักแห่งนี้ถือได้ว่าดีกว่าอพาร์ทเม้นท์แห่งเดิมที่เธอเคยอยู่ สังคมมหาวิทยาลัยก็ต้องดีกว่าสังคงไฮท์สคูลอยู่แล้ว

เธอไม่อยากอยู่ที่เดิมเพราะป้าเจ้าของอพาร์ทเม้นท์จู้จี้จุกจิก ชอบจับผิดเธออยู่นั่นแหละ และอีกหลายๆ เหตุผลที่ไม่อยากอยู่ เธอก็เลยย้ายออกแบบรวดเร็ว พ่อเองก็พึ่งรู้ตอนที่เธอขนของเสร็จแล้ว

“กลับบ้าน กลับบ้าน” หญิงสาวตัวบอบบางเอ่ยเสียงใส ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อคิดถึงประเทศไทย ประเทศที่เธอจากมาเกือบเจ็ดปีเพื่อมาเรียนต่อที่อังกฤษตามคำสั่งแกมบังคับของพ่อ ซึ่งตอนนั้นเธอทั้งโกรธทั้งงอนพ่อเลยก็ว่าได้ที่อยู่ๆ ก็ส่งเธอมาเรียนที่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ตัวเธอไม่ต้องการ

กว่าจะปรับตัวได้ ทั้งเรื่องภาษา เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่องอากาศและอีกหลายๆ เรื่อง เธอก็แทบแย่ ไหนจะถูกโรคโฮมซิกเล่นงานทุกวัน แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีหวังว่าจะได้กลับเธอก็ต้องปรับตัว และไม่มีความคิดที่จะกลับเมืองไทยเลยสักครั้ง จนจะเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งก็ไม่รู้ว่าอะไรมาดลจิตดลใจให้เธอกลับเมืองไทย แต่คิดว่าจะกลับไปแค่ครั้งเดียวและต่อจากนั้นเธอจะไม่กลับไปอีกเลย ตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าเรียนจบก็จะหางานทำมันที่อังกฤษนี่แหละ

“จัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ออกไปซื้อของฝากดีกว่า ของน้ากวางจะซื้ออะไรให้ดีนะ” ณชาณัธฐ์ระบายยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าการกลับเมืองไทยจะทำให้เธอตื่นเต้นแบบนี้ได้ เธอพึ่งโทรศัพท์ไปบอกพ่อเมื่อวันก่อนถึงแผนการกลับบ้าน ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรและก็เหมือนไม่รู้สึกดีใจด้วยซ้ำ น้ำเสียงดูเนือยๆ เหมือนมีอะไรปิดบังเธออยู่อีกตามเคย

คนอย่างพ่อทำได้แค่ส่งเงินมาให้ใช้และส่งเธอมาให้อยู่ไกลหูไกลตาจนชินแล้วมั้ง แม้จะรู้สึกน้อยใจนิดๆ แต่หญิงสาวมีนิสัยส่วนตัวที่ถือว่าเป็นข้อดี นั่นก็คือเธอไม่เก็บมาคิดมากให้รกสมองในเรื่องที่ไม่สำคัญ อาจจะเป็นเพราะโตมาพร้อมกับวัฒณธรรมของที่นี่ก็เป็นได้

เมื่อจัดกระเป๋าใบใหญ่เรียบร้อย ณชาณัธฐ์ก็ออกไปหาซื้อของฝากตามที่ตั้งใจ ก่อนจะสวนทางกับนวคุณหรือแฟรงค์หนุ่มไทยตรงบันได ชายหนุ่มมาเรียนระดับปริญญาตรีที่นี่เหมือนกัน แถมยังพักอยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกันอีก ทั้งคู่จึงค่อนข้างจะสนิทสนมในฐานะเพื่อนและรุ่นพี่ เพราะนวคุณอายุมากกว่าเธอสองปี

“อ้าว...ปอนั่นจะไปไหนนะ”

“ซิ้อของฝาก” หญิงสาวส่งยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าที่ตัวสูงใหญ่ หากมองแค่ด้านหลังแทบไม่เชื่อว่าเขาคือชายไทย ส่วนเธอนั้นคือสาวไทยที่สูงยังไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรด้วยซ้ำ เดินไปไหนมาไหนเพื่อนๆ ชอบแซวว่าเธอเป็นสเมิฟอยู่เรื่อย ตัวเล็กแล้วไง เดี๋ยวเธอก็กระโดดกันหูซะเลย

“หือ...ซื้อให้ใคร” คำถามฟังดูละลาบละล้วง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

“คนที่บ้าน”

“จะกลับบ้านเหรอ” นวคุณเดินเข้ามาใกล้ อย่างนี้เขาก็อดเจอกับณชาณัธฐ์น่ะสิ อุตส่าห์คิดว่าจะใช้เวลาช่วงก่อนเปิดเทอมกับเธอเสียหน่อย

“อื้อ...ไปก่อนนะพี่แฟรงค์” ณชาณัธฐ์โบกมือให้ ขืนชักช้าของฝากจะไม่ได้ซื้อกันพอดี คำว่าพี่ที่หญิงสาวเอ่ยนำหน้าก่อนจะเรียกชื่อของนวคุณ พลอยทำให้คนที่นี่งุนงงว่าทำไมต้องมีคำว่าพี่ด้วย กว่าจะอธิบายว่ามันคือการให้เกียรติของคนไทยที่จะเอ่ยเรียกคนที่อายุมากกว่าตนว่าพี่ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

“เดี๋ยวสิปอ พี่ว่างพอดี ขอไปด้วยได้ไหม?”

“ได้สิ” หญิงสาวพยักหน้าให้ ทั้งสองคนจึงเดินไปยังย่านธุรกิจการค้าของที่นี่ เพราะมีสินค้าให้เลือกมากมายจนตระการตาไปหมด ณชาณัธฐ์เข้าร้านนั้นออกร้านนี้เพื่อหาซื้อของที่ถูกใจ สุดท้ายมาหยุดที่ร้านน้ำหอมชื่อดัง นี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการ

“สวัสดีครับร้าน...ยินดีต้อนรับ” พนักงานชายในร้านเอ่ยทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนี้ณชาณัธฐ์เข้าใจทุกคำและสำเนียงการพูดของเธอก็ฟังดูดีมาก เหมือนต้นฉบับเลยก็ว่าได้ การมาเรียนที่อังกฤษแรกๆ ทำให้เธอถูกล้อเรื่องสำเนียงพูดเหน่อๆ ของตัวเองจนแทบไม่กล้าพูด แต่สุดท้ายเธอก็ฝึกพูดกับตัวเองทุกวัน สำเนียงบ้านนอกยังไงก็พูด กระทั่งชัดถ้อยชัดคำอย่างในปัจจุบัน ไม่เสียแรงที่ตั้งใจ

“ฉันอยากได้น้ำหอมกลิ่นหวานๆ นุ่มนวลของดอกไม้ ประมาณนั้นค่ะ” ณชาณัธฐ์เอ่ยบอกความต้องการ เพราะคนที่จะได้น้ำหอมชิ้นนี้คือน้าสาวผู้แสนอ่อนโยนของเธอ ไม่ได้พบหน้ากันตั้งนานไม่รู้ป่านนี้จะลืมหลานสาวคนนี้แล้วหรือยัง ส่วนเธอเองก็ใช่ว่าจะชอบใช้โทรศัพท์เสียเมื่อไหร่ นานๆ ถึงจะได้คุยกันสักครั้ง

“ลองเทสกลิ่นนี้ดูนะครับ” พนักงานชายฉีดน้ำหอมลงในกระดาษแผ่นเล็ก ก่อนจะยื่นให้ลูกค้าสาวดมกลิ่นว่าชอบไหม นวคุณยืนมองณชาณัธฐ์อย่างสนใจ

“ไม่ค่ะ แรงไป” หญิงสาวปฏิเสธทันที การเทสกลิ่นใหม่จึงเริ่มขึ้น ในมือของณชาณัธฐ์มีแก้วที่บรรจุเมล็ดกาแฟคั่วอยู่

“ที่ถืออยู่ในมือ มันมีไว้ทำอะไรน่ะปอ” นวคุณเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นณชาณัธฐ์ดมของในมือก่อนจะเทสกลิ่นน้ำหอมที่พนักงานยื่นให้ทุกครั้ง

“เอาไว้ดมตัดกลิ่นน้ำหอมไง เพราะถ้าดมน้ำหอมหลายกลิ่นมันจะตีกันในจมูกจนไม่รู้ว่าอันไหนหอมหรือไม่หอม กลิ่นนั้นกลิ่นนี้ตีกันให้วุ่น เขาเลยมีเมล็ดกาแฟไว้ให้ดมก่อนดมกลิ่นใหม่”

“เหรอ...ขอดมมั่งสิ เพราะตอนนี้พี่เองก็ชักจะมึนๆ กับกลิ่นพวกนี้แล้วเหมือนกัน” ชายหนุ่มแบมือไปยังหญิงสาว ณชาณัธฐ์จึงยื่นแก้วใบเล็กในมือให้ชายหนุ่ม

“ไม่ชอบน้ำหอมเหรอ?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel