ตอนที่ 6 กลิ่นกายที่โหยหา
สิบนาที....หรือครึ่งชั่วโมง!
โอ้โห ผมอยากจะวิ่งเข้าไปกร๊าดดด ใส่ไอ้หน้าหล่อที่เพิ่งโผล่หัวมา เนี่ยมันบอกสิบนาที ไอ้ผมก็นึกว่าบ้านมันอยู่ใกล๊...ใกล้! ก็ฟืนสังขารเจ็บๆ ปวดๆ เดินขาสั่นพับๆ ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วมานั่งรอมันภายในเวลาสิบนาที
เสื้อผ้าหน้าผมยุ่งเหยิงไปหมด! แล้วดูซิครับ ไอ้หน้าหล่อตัวยักษ์นี่โผล่มาหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หน้าตาเต่งตึงเปล่งปลั่งเซ็ทผมจนหล่อฉิบหาย นั่งแดกก๋วยเตี๋ยวสบายใจอยู่ในร้านผม...
“เราจะไม่รีบไปกันหรอ?” ผมกระซิบถาม ไม่รู้ทำไมต้องกระซิบครับ แต่อยากพูดเบาๆ อ่ะ ไอ้ต้นน้ำส่ายหน้า
“ไปเรียนเช้าใช่ว่าจะฉลาด...” มันพูดเบาๆ ก่อนจะจิบน้ำ ก่อนจะหันมาพูดกับผมอีกครั้ง
“แต่สำหรับมึงไปเรียนตอนไหนก็คงไม่ฉลาดเหมือนกัน”
โดนอีกดอก
นี่ทำไมผมถึงมีเรื่องให้มันด่าตลอดเลยวะ?? งงใจ มันเดินไปไหว้เจ๊ไฝก่อนจะเดินออกจากร้าน ผมเลยเดินไปไหว้อีกคน
“ร้อยวันพันปีไม่เคยไหว้กู” เจ๊ไฝพูด ผมยิ้มร่า
“ไม่ยักรู้ว่าแม่แก่เป็นพันปี ฮ่าๆ”
“ไปซะไอ้ลูกเลว กูเบื่อหน้ามึง” เจ๊ไฝว่าพร้อมโบกมือ ผมแซวเขาอีกนิดก่อนจะเดินออกมาหาคนที่รออยู่ข้างนอก แต่ว่า
“ไอ้ยิ้ม! ระวังพื้นต่างระดับ”
ปึก
“อ๊ะ!” ผมสะดุดพื้นต่างระดับของร้านทันทีที่แม่เตือน แต่โชคดีครับที่ไอ้ต้นน้ำรับผมไว้ได้ทัน
“ฟู่ววววว....เกือบไปแล้วเรา ลืมไปเลยว่าเป็นพื้นต่างระดับ” ผมถอนหายใจแล้วเช็ดเหงื่อออกไปเบาๆ ไอ้ต้นน้ำพยุงผมยืนก่อนจะมองแล้วขมวดคิ้ว
“มีอะไรหรอ?” ผมถาม
“นี่บ้านมึงจริงหรือเปล่า เมื่อคืนก็รอบนึงแล้วนะ...”
“เราอยู่ที่ไหนก็เป็นแบบนี้แหละ บอกแล้วว่าโลกไม่ยุติธรรม” ผมพูดอย่างปลงๆ ก่อนจะเดินนำไปทางที่จะไปขึ้นรถไปมหาลัย แต่ว่าทางนั้นมันก็ต้องผ่านอู่รถเมื่อวาน...
“ต้นน้ำ นายนำเลย” ผมเดินมาหลบข้างหลังมันแล้วผลักมันเบาๆ
“ปอด..”
“เออน่า...ไปเร็วๆ นะ อู่ยังไม่เปิด เรายังทะ...” ยังพูดไม่จบ อู่รถที่ปิดประตูอยู่ก็ถูกเปิดอย่างช้าๆ เป็นภาพสโลโมชั่น ทำให้พวกผมหันไปมองอย่างตกใจ (หรือผมคนเดียวที่ตกใจวะ?)
พี่หนวดคนที่ออกมาเปิดประตูแกดันมองเห็นพวกผมที่อยู่อีกฝั่งของถนน เท่านั้นแหละ...
“เหี้ย! ไอ้เด็กพวกนั้นมาอีกแล้ว!!”
พรึบ!!
“อ้าว...”
ประตูเหล็กที่ถูกเปิดเมื่อกี้ปิดลงทันทีเมื่อพี่มันเห็นพวกผม ผมกับไอ้ต้นน้ำมองหน้ากันอย่างงงๆ
“คืออะไรอ่ะ?”
“เขากลัวมึงมั้ง” ผมเอียงคอขมวดคิ้วสงสัย
“กลัวเราทำไม”
“มึงไม่รู้ตัวหรอ...ว่ามึงหน้ากลัว....” มันพูดก่อนจะเดินนำ ผมก็ยังไม่เข้าใจว่ามันพูดอะไรเลยถามออกไปอีกครั้ง
“น่ากลัวยังไงวะ...”
“ก็มึง....ทำให้คนอื่นหวั่นไหวไง...”. ไอ้ต้นน้ำพูดอะไรสักอย่างเบาๆ เหมือนพึมพำกับตัวเอง ผมเลยถามมันอีกครั้ง
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ? พูดเบาอ่ะ เราไม่ได้ยิน หูหนวก” ไอ้ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะเขกหัวผมเล็กน้อย
“กูบอกว่ามึงมันน่ากลัว เหมือนแมวตัวเล็กๆ ที่ชอบขู่ด้วยเล็บจิ๋วๆ ไง”
“อ๋อ....เอิ่ม....มันน่ากลัวหรอวะ?” ผมขมวดคิ้วแล้วนึกภาพตาม ไอ้ต้นน้ำพยักหน้ายืนยันว่าแมวตัวเล็กๆ ที่มันพูดถึงนั้นน่ากลัวจริงๆ
พวกเราเดินมาจนถึงป้ายจอดรถ แต่ว่า
“ทำไมไม่มีรถเลยอ่ะ!”
“มันเพิ่งออกไปเมื่อกี้เอง” ผมหันไปหาคนตอบก่อนจะถอนหายใจ
“โธ่ ไม่กี่นาทีก็เข้าเรียนแล้วนะเนี่ย” ผมยกมือขึ้นมองนาฬิกาสีชมพูแล้วร้องโวยวาย
“ห่วงเวลาเรียนขนาดนั้นวิ่งไปดิ”
“ไม่!” ผมหันขวับไปตอบก่อนจะยืนกอดอกไว้
สิบนาทีผ่านนไป...
“ต้นน้ำ! ทำไมไม่มีรถเลยล่ะ!” ผมโวยวายอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่มีรถผ่านมาสักคัน ไอ้ต้นน้ำถอนหายใจไม่ตอบยืนเงียบๆ อยู่อย่างนั้นยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด
“นี่...ต้นน้ำ...”
“รถมาแล้ว”
“อ๊ะ! ไหน!!” ผมเบิกตากว้างมองตามนิ้วของมันที่ชี้ไปทางรถประจำทางที่กำลังวิ่งมา แต่ว่า
“โหย...คนเต็มเลย...”
“จะขึ้นไม่ขึ้น อีกสิบนาทีเข้าเรียนแล้วนะ” ผมทำหน้าลำบากใจ ยืนรอมาตั้งสิบนาที เอาวะ...
“ขึ้นๆ อุตส่าห์ยืนรอ...ขึ้นนะ” ผมหันไปถามความคิดเห็นมัน มันพยักหน้า เมื่อรถจอดมันก็ผลักผมเข้าไปเจอกับฝูงชนก่อน ถ้าคนมองโลกในแง่ดีเขาจะมองว่าไอ้หน้าหล่อนี่มันให้เกียรติผมขึ้นก่อน แต่คนอย่างผมกลับมองโลกในแง่ร้ายเพราะผมมองว่า...
..มันส่งผมมาตายก่อน!..
โอ้โห! รถโดยสารในเวลาแปดโมงทำไมคนมันแน่นเอี๊ยดขนาดนี้วะ! ผมหันหน้าหนีแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อต้องเจอกับผู้คนและกลิ่นมากมายชวนปวดหัว
“ทำไมทำหน้างั้น มึงบอกเองนะว่าขึ้น” ไอ้ต้นน้ำพูดขำๆ ผมเบะปากก่อนจะหันไปมองมันที่อยู่ข้างๆ แล้วก็
“เห้ยไอ้เตี้ย ทำอะไรเนี่ย..!” ไอ้ต้นน้ำร้องอุทานออกมาเมื่อผมซุกหน้าเข้ากับอกมัน
“เราเหม็น...ขอซุกหน่อย..ได้มั้ย?” ผมเงยหน้ามองไอ้ต้นน้ำทำหน้าอ้อนเต็มที่ มันชะงักกับลูกอ้อนผมก่อนจะถอนหายใจแล้วกดหัวผมให้จมอก
“อื้อ..”
“ทำหน้าตากวนส้นตีน...” ผมพูดเบาๆ ผมตีมันไปที่ท้องที่นึงก่อนจะโอบเอวมันไว้เพราะว่าไม่มีอะไรเกาะกลัวจะล้มเอา พอมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้มันทำให้ผมได้กลิ่นจากตัวของไอ้ต้นน้ำชัดเจน มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม แต่เป็นกลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อของมัน...แต่แปลก
ที่ผมกลับคิดว่ากลิ่นกายของมันหอมเหมือน....
“ต้นน้ำๆ...” ผมสะกิดมันเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองมัน มันก้มลงมาเลิกคิ้วถามสงสัย
“กลิ่นตัวนายอ่ะเหมือน....”
“....”
“น้ำหอมอโรม่าเลย” ผมชะงักแล้วพยักหน้า
“แล้วไง? แปลก?” ผมส่ายหน้าก่อนจะยิ้มกว้าง
“เราชอบ”
ตึกตัก....
ไอ้ต้นน้ำกดหัวผมลงอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนผมเผลอร้องอื้ออึงออกมา ก่อนจะนิ่งแล้วแนบจมูกกับร่างกายของมันเพื่อสูดดมกลิ่นกายหอมสบายจนไม่รู้เลยว่าเรามาถึงมหาลัย...
...โดยใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง...
“เอาไง?” มันหันมาหาผม ผมเม้มปากอย่างเคร่งเครียด ทำไมน่ะหรอ...ก็เรามาสายตั้งยี่สิบนาที!!
“เราขึ้นเรียนแบบนายเมื่อวานได้มะ”
“มึงทำไม่ได้หรอกไอ้ยิ้ม”
“ทำไม?” ผมขมวดคิ้วถามงงๆ มันกอดอกหันมามองผมหน้านิ่ง
“มึงคิดว่าอย่างมึงจะเดินเข้าห้อง แกล้งเนียนไปนั่งกับเพื่อนเหมือนกูได้มั้ย?” ผมคิดภาพตามก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เอา ไม่ได้อ่ะ....เรากลัวโดนทำโทษ”
“งั้นก็มีทางเดียว” ผมขมวดคิ้วมองมันที่เสนอหนทางมาอย่างงงๆ...
และเราก็มาจบลงที่....
“นอนตรงนี้ได้หรอ?” ผมถามออกไป ตอนนี้เราอยู่กันที่สวนหลังคณะครับ ไอ้ต้นน้ำเป็นคนพามา มันพยักหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอน
“จะไม่โดนด่าหรอ” ผมถามอีก มันตวัดตามามอง
“กลัวทำไม”
“ก็เรา...โดดเรียนเลยนะ” ผมเม้มปากก่อนจะถอนหายใจ เห็นผมแบบนี้ผมไม่เคยโดดเรียนสักครั้งนะครับ... มันถอนหายใจเหมือนผมก่อนจะดึงแขนผมให้ขยับไปหามัน
“มึงฟังกู....”
“ฟังอยู่”
“อย่าขัด”
“ครับ..” ผมทำหน้าจริงจังเมื่อมันมองนิ่งๆ
“ถ้ามึงเข้าเรียนตอนนี้มึงโดนทำโทษแถมยังโดนหักคะแนนควิซสักช่อง แต่ถ้ามึงไม่เข้าเลยมึงก็อาจจะโดนหักคะแนน แต่มึงไม่โดนทำโทษแน่ๆ...เข้าใจมั้ย?”
“ไม่อ่ะ” ผมส่ายหน้า ก็ผมไม่เข้าใจจริงๆ นี่หว่า ไอ้ต้นน้ำถอนหายใจยาวๆ ทีนี้มันลุกขึ้นนั่งคุยกับผมเลยครับ แลดูการคุยกับผมนี่ต้องจริงจังเบอร์ไหนวะ
“พูดง่ายๆ เลยคือ มึงโดดเรียนสักวิชา...มึงไม่โง่ลงไม่ฉลาดขึ้นหรอก”
“แต่เราก็เรียนตามเพื่อนไม่ทันดิ”
“กูฉลาด เดี๋ยวกูติวให้” ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันอย่างไม่ไว้ใจ
“มองขนาดนั้นเก็บไว้มองที่บ้านเลยมั้ย?”
“ไม่เอา เดี๋ยวฝันร้าย” ผมตอบขำๆ มันส่ายหน้าไปมา
“นายฉลาดจริงๆ หรอ”
“ก็คงไม่โง่เท่ามึง”
“นี่ซีเรียสนะ อย่ากวนตีนดิ”
“กูพูดจริง เกรดสี่ทุกวิชาตลอดที่เรียนมา...มึงพอใจยัง?” ผมเผยยิ้มออกมาทันทีก่อนจะนอนลงข้างมัน หันไปหาร่างสูงแล้วกอดมันไว้
“งั้นพี่ต้นน้ำติวให้น้องด้วยนะครับ!” ไอ้ต้นน้ำนิ่งชะงักไปเมื่อผมพูด ผมเงยหน้าขึ้นไปมองว่าทำไมมันนิ่ง เห็นมันเอามือปิดหน้าปิดตาอยู่
“อ้าว ปิดไม?”
“กู....ร้อนหน้า..” มันตอบอู้อี้ ผมขมวดคิ้วมองไปยังท้องฟ้าที่ส่งแดดจ้ามาส่องพวกเรา
“วิตามินตอนเช้าน่า....ปิดแบบนั้นก็ไม่ได้รับดิ...ช่างเถอะ สำหรับเรามันไม่ร้อนหรอก เราชอบ” ผมว่าแล้วยิ้มรับแสงอาทิตย์ยามเช้า ไม่ได้รู้เลยว่าร้อนหน้าของมันที่จริงแล้วคือ...มันเขิน!
100%
#โปรดติดตามตอนต่อไป...
