อันติง | ตอบผิด... ชีวิตเปลี่ยน
“ทำไมแกไม่บอกฉัน ว่ามีคนพูดแบบนั้นกับแก”
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากใส่ใจ ตอนนี้เราก็ Extern ประจำโรงพยาบาลแล้ว ฉันเอาสมองไปจำเรื่องที่มันเป็นประโยชน์กับตัวเองและคนไข้ดีกว่า”
มะนาวพูดจบก็ส่งยิ้มหวานให้ฉัน ก่อนที่เธอจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรและก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ แล้วฉันล่ะ… ฉันที่มารับรู้เรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเพื่อน ฉันจะทำยังไง ทั้งที่ปัญหาพวกนั้นฉันก็ช่วยได้ทั้งนั้น! ฉันรู้สึกอึดอัดมากเหมือนตัวเองมีห่วงยางเป็นร้อย ๆ ห่วง แต่คนที่กำลังเดือดร้อนจะจมน้ำใกล้ ๆ ตัวกลับไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฉัน
“แก... ฉันเป็นห่วงแกนะ ฉันอยากจะช่วยจริง ๆ” ฉันเอื้อมมือไปจับมือมะนาว และมองเธอตาละห้อย
“ไม่เป็นไรแก เรื่องหนี้ใกล้หมดแล้วล่ะ ฉันเก็บจานก่อนนะ”
แล้วมะนาวก็ไม่สนใจฉัน เธอลุกขึ้นถือจานข้าวที่แทบไม่ได้กินสักคำเอาไปเก็บ และขณะที่ฉันมองตามหลังเพื่อนสาวอยู่นั่นเอง เสียงสั่น ‘ครืน ครืน’ ขอสมาร์ทโฟนบนโต๊ะก็ดังขึ้นดึงความสนใจฉัน
แต่ให้ทายตอนนี้ฉันเห็นอะไร เหมือนฟ้าเข้าข้างฉันเลย เพราะหน้าจอโทรศัพท์ของมะนาวมีแจ้งเตือนไลน์เด้งขึ้นโชว์หลา และเมื่อฉันหันมองเจ้าของเครื่องที่กำลังเดินไปล้างมืออยู่หน้าห้องน้ำจนเธอก้มล้างหน้าล้างตา
ฉันก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา และยื่นไปถ่ายหน้าจอที่สว่างจ้านั้นทันที
‘แชะ’
ขอโทษนะมะนาวฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแกทำงานนี้ให้ใคร ถึงฉันจะสาระแนไปหน่อยก็เถอะแต่ฉันจะช่วยแกให้หลุดพ้นเอง
เมื่อฉันถ่ายรูปหน้าจอมือถือของมะนาวเสร็จสักพักมะนาวก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ก่อนที่เธอจะก้มลงมองมือถือที่มีแจ้งเตือนโชว์อยู่ และนั่งลงปลดล็อคพิมพ์ตอบด้วยความรวดเร็ว ส่วนฉันก็ทำนิ่งเข้าไว้นั่งกินข้าว และคุยกับเธอไปปกติ ก่อนที่จะขอตัวไปเก็บจานและเดินไปเข้าห้องน้ำทันทีเพราะตอนนี้อยากรู้อยากเห็นมาก
จนฉันหย่อนก้นนั่งที่ชักโครกเช็ครูปในมือถืออีกครั้ง รีบขยายดูข้อความต่าง ๆ รวมถึงดูชื่อคนที่ส่งมาด้วย
แต่... มะนาวกลับตั้งชื่อไลน์แปลก ๆ
LINE | นายท่าน
ทำไมชื่อดูแก่และมีอิทธิพลจัง และพอเห็นชื่อฉันก็รีบซูมอ่านข้อความอีกครั้งไล่ตามลำดับจากล่างไปบนตามเวลาที่คน ๆ นั้นส่งมา
นายท่าน: เจอกันที่ผับ S สามทุ่มครึ่ง
นายท่าน: ชุดสีแดง ถุงน่องตาข่าย
นายท่าน: ห้องวีไอพี vvip01
เอ๊ะ… ผับ S
ผับของเพื่อนพี่ติณห์ พี่อลันกับพี่เซอร์ไฮโซฝาแฝดหน้าเหมือนนี่น่า
และไม่ใช่แค่ผับนะที่เป็นเจ้าของ พวกเขายังเป็นเจ้าของห้างที่ฉันไปวันก่อนด้วย
ซึ่งฉันรู้จักพี่ ๆ เขาดี และถ้ามะนาวนัดแนะกับผู้ชายที่ผับนี้การสืบหาความจริงก็ไม่ยาก รู้แบบนั้นฉันก็รีบจำเวลาไว้ และรีบลบรูปออกจากโทรศัพท์
ก่อนจะออกจากห้องน้ำทำตัวปกติเฉกเช่นทุกวัน คือการวนเวียนตามแผนกต่าง ๆ ในโรงพยาบาลรัฐแห่งนี้
ไปผ่าตัดไส้ติ่งที่แผนกศัลยกรรมบ้าง (เพราะผ่าตัดอย่างอื่นต้องเป็นแพทย์เฉพาะทาง) และที่สำคัญฉันได้ทำคลอดกับพี่แพทย์ประจำบ้านด้วยนะ บอกเลยว่าตอนเห็นเด็กทารกคลอดออกมาร้องอุแว้ ๆ ฉันมีความภูมิใจมากที่ตัวเองได้ทำหน้าที่แพทย์ตรงจุดนั้น
ซึ่งจากการวนเวียนไปแผนกต่าง ๆ เป็นผีไม่มีศาลทั้งวัน ก็ทำให้ฉันตัดสินใจได้เลยว่า แผนกไหนมันใช่สำหรับฉัน และฉันก็ควรจะเรียนเฉพาะทางสาขาอะไร
ทาดา สูตินรีค่ะ!
“แม่คะ ๆ อันติงจะเรียนสูตินรีค่ะ” ทันทีที่ถึงบ้านฉันก็ตรงไปบอกแม่ทันที อย่างที่บอกครอบครัวแม่ฉันเป็นหมอทุกคน ลุงป้าน้าอาเป็นหมด ยิ่งคุณตานะเป็นถึงหมอผิวหนัง มีคลินิกความงามตั้งหลายสาขา
เรื่องเรียน ฉันจึงมักปรึกษาแม่มากกว่าพ่อ
“ทำไมไม่เรียนผิวหนัง”
ฉันที่กำลังดี๊ด๊าเดินไปกอดแม่ เบรกเอี๊ยดทันที พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อย ๆ หุบลง
“เอ่อ... ก็อันติงชอบเด็กเบบี๋ค่ะ”
“งั้นเป็นหมอเด็กมั้ย หรือไม่ก็ หมอผิวหนัง เป็นหมอสูติมันอยู่กับส่วนนั้นเกินไป เห็นบ่อย ๆ มันก็ไม่ค่อยอภิรมย์หรอกนะ ไปคิดดูดี ๆ”
“ได้ค่ะ แต่แม่คะ วันนี้สามทุ่มอันติงขอไปติวหนังสือกับมะนาวนะคะ”
“ได้สิ”
ถ้าเป็นเรื่องเรียนเรื่องอ่านหนังสือ ต่อให้ดึกแค่ไหนแม่ฉันไม่เคยขัด
แล้วเมื่อทางสะดวกถึงเวลาออกหาความจริงนั้น ฉันก็รีบเก็บเสื้อผ้าชุดเที่ยวใส่กระเป๋าเป้ไว้ก่อนที่จะเตรียมหนังสือถือลงไปบังหน้าด้วย เพราะเวลาสามทุ่มเป๊ะ จะเป็นเวลาที่พ่อกับแม่และพี่ติณห์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นพอดี
“หนูไปนะคะ” ฉันหยุดยกมือไหว้ทุกคนจนพี่ติณห์หันขวับมามองตาม
“จะไปไหน?” พี่ติณห์ถาม แต่ถามไม่พอยังไล่ตามองฉันด้วยสายตาจับผิดอีก จนแม่ที่นั่งดูทีวี รีบหันไปตอบแทน
“อะไรติณห์ น้องแค่ไปอ่านหนังสือ เอ้ออันติงใช้รถแม่เลยนะลูก”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” แล้วฉันก็หยิบกุญแจรถแม่ออกมา ก่อนที่จะขับออกไปช้า ๆ และไปเร่งเครื่องสุดโต่งที่ถนนใหญ่เพื่อหาปั๊มน้ำมันเปลี่ยนชุดที่ตัวเองแอบไว้ในกระเป๋าเป้
และเมื่อแล้วเสร็จฉันออกมาในชุดเดรสสีขาวเรียบ ๆ ฉันก็รีบขับรถไปถนนเลียบทางด่วน ไปจอดที่ผับ S ของเพื่อนพี่ติณห์เพื่อดูลาดเลา
เวลาสองทุ่มสิบแปดนาที
ตอนนี้คนกำลังครึกครื้นเลยล่ะ สาวสวยเดินอ้อนแอ้นถือกระเป๋าคลัทช์ควงแขนผู้ชายเข้าไปนับไม่ถ้วน จนฉันที่จอดรถอยู่รีบมองหามะนาวทันที
ถ้ามีหมายสารจากนายท่านของเธอแบบนั้นเธอคงจะต้องแต่งตัวตามสั่งสินะ
นั่นก็คือชุดสีแดง กับถุงน่องตาข่าย พอฉันนั่งมองอยู่ในรถมินิของแม่หน้าทางเข้าผับสักพักก็รู้สึกตาลาย คนใส่ชุดแดงมีเป็นร้อย และถุงน่องตาข่ายบ้านั่นก็ใส่แทบทุกคน!
จนฉันตัดสินใจลงจากรถเดินเข้าไปแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหน้าผับ และเดินเข้าไปข้างในแทน เพราะไม่แน่มะนาวอาจจะมาแล้วก็ได้
และเมื่อฉันเข้ามาปุ๊บกลิ่นบุหรี่กลิ่นแอลกอฮอล์ และเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มก็ทำฉันรีบยกมือปิดหูไว้ ก่อนที่ฉันจะเดินเข้าไปมองหาป้าย VVIP และเบียดตัวเองผ่านฝูงชะนี เก้ง กวางที่เต้นกันนัวเนียไปยังจุดหมายอีกฝั่ง บางคนก็กอดจูบลูบคลำ ถ้าพี่เซอร์พี่อลันเปิดโรงแรมข้าง ๆ ฉันว่าห้องเต็มแน่ ๆ
“คุณครับ คุณมีโต๊ะรึยัง?” เมื่อฉันเดินไปถึงบันไดทางขึ้นห้อง VVIP พนักงานหนุ่มที่ยืนคุมก็รีบถามฉัน และยกมือกันไว้ แถมยังพยายามผายมือไปที่โต๊ะข้างล่างที่เป็นโต๊ะยืนกำลังว่าง
“เอ่อ นัดเพื่อนไว้ที่ห้องข้างบนค่ะ”
“ขึ้นไปไม่ได้ครับ ถ้านัดผมรบกวนให้คุณโทรบอกเพื่อนลงมารับด้วยครับ”
อภิสิทธิ์เหนือชั้น ห้อง VVIP ต้องระดับไหน ฉันมองขึ้นไปชั้นบนด้วยความลังเลใจ จะเรียกมะนาวลงมารับก็ไม่ได้ จะบอกเพื่อนพี่ชายก็กลัวถึงหูครอบครัว
จะทำยังไงดีนะ? งั้นคงต้องอ้างเหตุผลเบสิคก่อน
“พอดีฉันลืมโทรศัพท์ค่ะ ไม่มีโทรศัพท์ติดตัว”
“งั้นบอกชื่อและเบอร์ห้องมาได้เลยครับ ผมจะไปตามให้” จบเห่ และฉันก็ต้องยืนกอดอกเซ็งที่ทางขึ้นบันได ก่อนที่จะมองขึ้นไปชั้นบนเป็นระยะ ๆ ด้วยความหวัง เพราะอย่างน้อย ๆ น่าจะมีคนออกมาให้ฉันตีสนิทและติดสอยห้อยตามขึ้นไปบ้าง
แต่ตรงนี้ที่ยืนไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของฉันหรอกนะ เพราะข้าง ๆ เต็มไปด้วยการ์ด ซึ่งไม่รู้มาคุมความปลอดภัยของฉันหรือคุมไม่ให้ฉันขึ้นไปด้านบนกันแน่ แต่เมื่อฉันเฝ้ามองห้องข้างบนไม่หยุดหย่อนสักพักฉันก็ต้องชะงักและเบิกตากว้าง เพราะเห็นผู้ชายชุดดำกลุ่มใหญ่ออกมายืนบริเวณบันได และพิงผนังจุดบุหรี่สูบกันควันโขมง คนพวกนั้นฉันจำได้เกือบหมดมันลูกน้องของลีออง!
แต่เอ๊ะ… ตอนนี้สามทุ่มครึ่งเวลานัดพอดี ทำไมพวกนั้นต้องแห่กันออกมาจากห้องเวลานี้ด้วย
ผู้มีอิทธิพล หนี้ และนายท่าน? หรือจะเป็น... ลีออง! เขาเป็นมาเฟียปล่อยเงินกู้ทำบ่อนคาสิโนธุรกิจสีเทาทั้งนั้น ไม่นะ… อย่าบอกนะว่าคนคนนั้นคือเขาจริง ๆ
ฉันรับไม่ได้!
“พะ พี่คะห้อง VVIP มีกี่ห้องเหรอคะ?” ฉันถามการ์ดเพื่อความแน่ใจ ขณะที่มือไม้สั่นไปหมดแล้ว
“สองห้องครับ” สองห้องเอง!
รู้แบบนั้นฉันก็ยืนมองขึ้นไปข้างบนอย่างพินิจ ก่อนที่จะมีลูกน้องคนนึง
ออกมาจากห้องอีก จนฉันรีบหันหลบทันที เมื่อเขาบังเอิญหันมองมาที่ฉัน
เห็นรึยังนะ? ถ้าเห็น มะนาวไหวตัวทันแน่ ๆ ทำยังไงดีถึงจะขึ้นไปได้ และถ้าลีอองเป็นนายท่านของมะนาว เขาใจร้ายมากเลยนะที่เอาเปรียบเธอเวลาที่ยากลำบากแบบนี้
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ว้าย!” ขณะที่ฉันยืนก้มหน้าคิดไปต่าง ๆ นา ๆ อยู่ ๆ ข้อมือเล็กก็ถูกคว้า ‘หมับ’ และกระชากทันที ก่อนที่ฉันจะต้องเบิกตากว้างตกใจกับเจ้าของมือนี้เพราะมันคือ... ละ ลีออง
“ฉันถาม ไม่ได้ยินรึไง?” ฉันอ้ำอึ้งมองซ้ายมองขวาตอบไม่ถูก ก่อนที่จะตัดสินใจส่งสายตาออดอ้อนไปที่การ์ดขอความช่วยเหลือแทน จนพวกเขาเดินมาหยุดยืนขนาบข้างฉัน
“ไม่ทราบว่าผู้หญิงคนนี้ รบกวนอะไรคุณลีอองรึเปล่าครับ?”
อ้าวพวกบ้า! นึกว่ามาช่วยฉันซะอีก!
“ทำไม?”
“ผมเห็นเธอพยายามจะขึ้นไปชั้นบน และด้อม ๆ มอง ๆ สักพักแล้วครับ”
ให้ตายซิ บอกหมดเลย ไม่เหลือให้ฉันแถเลย และเมื่อลีอองได้ยินแบบนั้น เขาก็บีบข้อมือฉันแน่นขึ้น ๆ ก่อนที่จะกระตุก ‘พรึบ’ จนฉันเซถลาเข้าไปใกล้ ๆ เขา
“ฉันถามว่าเธอมาทำไม! ถ้าไม่ตอบ ฉันจะสั่งคนโยนเธอออกไป!”
ฉันหันมองสายตานับไม่ถ้วนของพวกการ์ดและลูกน้องเขาที่มองกดดัน ซึ่งทุกคนมองฉันนิ่งมาก ราวกับไม่สนทั้งนั้นว่าฉันจะเป็นหญิงหรือชาย แต่จะเรียกมะนาวออกมาก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ฉันไม่แน่ใจเลยว่าใครอยู่อีกห้อง VVIP นั้น
เพราะมัน อาจจะไม่ใช่ลีอองก็ได้ และเพื่อความแน่ใจ ฉันคงต้องใช้โอกาสนี้ ติดสอยห้อยตามไปข้างบนกับเขา
“ก็... ก็มาหานายนั่นแหละ!” ฉันตะโกนตอบไปสุดเสียงแข่งกับเพลงที่ดังกระหึ่ม โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ฉันเลือกตอบไปมันจะผิดมหันต์ และกำลังทำฉันชีวิตเปลี่ยน
ลีอองกระตุกยิ้มที่มุมปากหนึ่งทีมองฉันหัวจรดเท้า ก่อนจะหันไปพยักหน้าเบา ๆ กับลูกน้องจนพวกเขาวิ่งกรูไปเคลียร์ทาง และแหวกนักท่องราตรีทั้งหลายออกเป็นทางเดิน
เด่นมาก เด่นจนทุกคนจับจ้องมาที่ฉันกับลีออง และหลังจากนั้นไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน อยู่ ๆ ฉันก็ตัวเบาหวิวลอยลิ่วกลางอากาศ ก่อนจะเห็นทุกอย่างกลับหัวกลับหาง
เพราะเขาอุ้มฉันขึ้นพาดบ่าตัวเอง!
“กรี๊ด... นายจะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะ!” ใช่ แหกปากไปก็ไม่มีใครช่วย ฉันถูกอุ้มพาดบ่าหัวห้อยต่องแต่งออกมาจากผับ แต่ขณะที่เงยขึ้นมองเบื้องหลัง นอกจากจะเห็นลูกน้องเดินตาม ฉันก็เจอสายตาชะนีน้อยใหญ่จิกกัดด้วย
ปากก็เบะ นิ้วกลางก็มา แถมบางคนยังใช้นิ้วชี้เชือดคอให้ฉันดูอีก มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ยฉันจะถูกฆ่าเหรอ?
บ้าน่า! พ่อเราเป็นเพื่อนกันพี่เราเป็นแฟนกันนะลีออง!
“นายจะไปไหน! ฉันจะไปห้องข้างบนพาฉันออกมาทำไม?” เมื่อเขาอุ้มฉันออกมาพ้นบริเวณผับฉันก็ทั้งตีหลัง และทุบหลังเขา ‘ปึก ๆ’
“หยุดทุบไม่งั้นฉันจะจับเธอถ่วงน้ำ เธอบอกมาหาฉัน ฉันก็จะพาเธอไปคุยธุระไงวะ”
“เปล่าไม่ใช่! ฉันไม่ได้มาหานาย ลีอองปล่อยฉันลงเถอะฉันมีเรื่องต้องทำ!” เขาไม่ตอบฉันแถมยังกระชับอุ้มฉันที่ดิ้นทุรนทุรายให้แน่นขึ้น และก่อนที่จะถึงตัวรถคันหรูเขายังหันไปสั่งลูกน้องอีกว่า...
“ไปคอนโดลับกู ใช้รถที่ไม่มีจีพีเอสเท่านั้น เร็วๆ ล่ะกูหนัก แม่งเหมือนอุ้มวัวเป็นตัว ๆ” ขอบคุณที่ยังเป็นวัวไม่ใช่ควาย
เอ๊ะ! คอนโดลับงั้นเหรอ? เขาจะพาฉันไปทำไม!
“ครับนาย! เฮ้ย เร็วพวกมึง! ไปเอารถมารับวัว เอ้ย รับผู้หญิงของนาย!”
นี่ลูกน้องมาเฟีย หรือตลกคาเฟ่วะเนี่ย!
