ตอนที่ 5 รับน้อง[1]
พอเข้าเดือนมิถุนายนบรรยากาศในรั้วมหาวิทยาลัยก็ครึกครื้นถนัดตาเพราะเพิ่งเปิดภาคการศึกษาใหม่ สัปดาห์แรกมีกิจกรรมรับน้องของส่วนกลาง จากนั้นจะมีการรับน้องแยกย่อยไปอีกตามแต่คณะในสังกัดจะกำหนด
บางคณะพากันไปเที่ยวเก็บตัวต่างจังหวัดช่วงสุดสัปดาห์ บางคณะใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยในการจัดกิจกรรม บางคณะให้รุ่นน้องเข้าประชุมเชียร์ ฟากคณะเศรษฐศาสตร์ไม่มีการแหกปากแหกคอเพื่อกดดันรุ่นน้อง แต่พวกรุ่นพี่เรียกรุ่นน้องเข้าประชุมและให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อละลายพฤติกรรมแทน
“เอาละ คนที่เหมาะสมสุดคือพวกแก”
พวกแกที่ว่าคือภาคินและพรฟ้า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะถึงเวลารวมตัวรุ่นพี่รุ่นน้อง หลัก ๆ จะพูดถึงระเบียบปฏิบัติพร้อมให้คำแนะนำกับน้องใหม่
พี่ใหญ่สุดไม่ได้ลงมายุ่งด้วยมากเพราะต้องใส่ใจเรื่องการเรียน ดังนั้นหัวเรี่ยวหัวแรงจึงตกอยู่กับอีกสองชั้นปี โดยให้เด็กปีสองเป็นคนคอยทำกิจกรรม และชั้นปีสามเป็นผู้กำกับเบื้องหลังอีกที
“แต่ไอ้วินก็หล่อนะ เอามันไปยืนเป็นอาหารตาไว้ดึงดูดน้อง ๆ ด้วยไม่ดีเหรอ” เพื่อนร่วมเซกชันคนหนึ่งเสนอ
“อย่า มันหล่อแต่มันปากหมา เดี๋ยวไม่สบอารมณ์มันขึ้นมาก็ได้ไปแดกหัวรุ่นน้องพอดี” กระแตรีบแย้งทันควัน ขนาดยังไม่ได้โยนงานให้หน้ามันยังบอกบุญไม่รับ
“เออ ไม่เอา ๆ ตัดทิ้ง”
“กูก็ไม่ได้อยาก”
เพื่อนคนนั้นว่าก่อนอาวิณณ์จะสวน บุคลิกภาพอินโทรเวิร์ตอย่างเขารำคาญที่ต้องมาทำกิจกรรมกับคนหมู่มากจะตายไป
“ฟ้าพูดแค่เรื่องระเบียบกับกฎทั่วไปก็พอ เดี๋ยวพวกกิจกรรมเอิร์นมันเป็นคนจัดการ”
“โอเค” พรฟ้าทำมือเป็นสัญลักษณ์เดียวกับคำพูด
“ฉันอะ?”
“แกยืนนิ่ง ๆ ก็พอไอ้คิน ใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์ เค้?”
หญิงสาวโดนโยนงานให้เป็นผู้บรรยาย ส่วนภาคินมีหน้าที่เป็นมาสคอต ยืนเป็นอนุสาวรีย์โชว์ความหล่อระดับเดือนมหาวิทยาลัย เพราะเขาคือหนึ่งในบุคคลผู้เชิดหน้าชูตาของคณะเศรษฐศาสตร์
ครู่หนึ่งกลุ่มชั้นปีสองก็นำน้องใหม่มาถึงห้องที่ใช้เป็นที่ประชุม หลายคนมีท่าทีประหม่าแต่บางคนก็ดูสบาย ๆ
“เฮ้ย แก พี่คนนั้นใช่พี่คินหรือเปล่า” น้องปีหนึ่งคนหนึ่งสะกิดเพื่อนพร้อมชี้ไปยังร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ด้านหน้า ออร่าของเขาพวยพุ่งขนาดอยู่ในกลุ่มคนก็ยังโดดเด่นออกมา เห็นภาพในโซเชียลว่าดูดีแล้วตัวจริงหล่อเข้าขั้นวัวตายควายล้ม
“ใครเหรอ ไม่รู้จักอะ” หญิงสาวคนนั้นส่ายหน้า
“น้องครับ เขาให้มาประชุมไม่ได้ให้มาส่องผู้ชาย” อาวิณณ์ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาเจอรุ่นน้องหยุดยืนคุยจนทำให้แถวชะงัก เขาเลยต้องไปตักเตือน “เข้าไปข้างในได้แล้วครับ ไม่ก็ออกไปข้างนอกเลย”
“โอ๊ย ห่า” เตวิชที่ยืนคุมอยู่แถวนั้นด้วยรีบเข้ามาเพราะกลัวบรรยากาศจะกร่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่ม “อะ น้อง ๆ เข้าไปข้างในก่อนนะครับ นั่งเรียงแถวเลยน้า เราจะได้รีบทำความรู้จักกัน”
เด็กปีหนึ่งสองคนที่ซุบซิบเมื่อครู่รีบเดินเข้าไปด้านในทันที เมื่อนั่งลงประจำที่แล้วคนด้านหน้าก็เอี้ยวมากระซิบกับคนข้างหลัง
“คนเมื่อกี้ทำไมต้องโชว์โหดด้วยไม่รู้”
“โหดเหรอ? ไม่นี่ พี่เขาก็พูดถูกแล้วนะเพราะเรายืนเกะกะคนอื่นจริง ๆ นี่นา” หญิงสาวที่ป้ายชื่อบนคอเขียนว่า ‘ไอวา’ แย้งเพื่อน
“แกไม่เห็นเหรอว่าโคตรดึงหน้า แอ็กฉิบ…” คนเพิ่งโดนดุยังไม่พอใจอยู่ที่โดนต่อว่า แต่ก็ต้องรีบหุบปากเมื่อเห็นสายตาตำหนิมองมา ส่วนเพื่อนเธอดันยิ้มกว้างให้รุ่นพี่คนนั้นเฉยเลย
“โอเค มากันครบแล้วใช่มั้ยคะ” พรฟ้าถามน้องปีสองพลางกวาดมองรอบห้องเพื่อกะจำนวนคนคร่าว ๆ
“ก่อนทำกิจกรรมเดี๋ยวพี่ขอพูดเรื่องระเบียบนิดนึงนะคะ” หญิงสาวตัดเข้าประเด็นเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
แต่ไหนแต่ไรคณะเศรษฐศาสตร์ไม่เคยมาจุกจิกจู้จี้เรื่องระเบียบการแต่งกายของรุ่นน้อง ให้ยึดเอาตามกฎของมหาวิทยาลัยเป็นหลัก มีรุ่นพี่บางกลุ่มบางสถาบันบังคับห้ามทำสีผม ห้ามใส่รองเท้าแบบนั้นแบบนี้ ทั้งที่มหาวิทยาลัยบอกให้เสรี พวกเธอจึงปฏิบัติแบบเดิมอย่างที่รุ่นพี่เคยทำมา นั่นคือไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
“นอกเหนือจากแต่งชุดตามระเบียบของนักศึกษาแล้ว อย่างอื่นน้อง ๆ ก็เชิญทำตามที่อยากทำได้เลยค่ะ ผมอยู่บนหัวเรา เป็นสิทธิ์ของเราเต็มที่” เสียงหวานอธิบายด้วยจังหวะนุ่มนวล ชวนให้ทุกคนในที่นี้ตั้งใจฟัง ไม่เว้นแม้แต่ชั้นปีสองหรือเพื่อนร่วมรุ่น
