ตอนที่ 4 เหมือนหมา[2]
“อ๋อ งั้นคินรีบไปเถอะค่ะ” เสียงเธออ่อนลงกว่าครึ่งเมื่อทราบว่าไม่ใช่อย่างที่ตีตนไปก่อนไข้ ถึงเสียดายโอกาสแต่หากดื้อดึงเธอจะดูไม่ดีเอาได้
“รีบพักนะ”
“ค่ะ บ๊ายบายนะคะ”
ดาริกาหอมแก้มเขาทีหนึ่งก่อนจะโบกมือลาชายหนุ่ม เมื่อประตูปิดลงก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อกี้อ้อยจะเข้าปากช้างอยู่แล้วแท้ ๆ เชียว
“ก้างขวางคอจริง ๆ!” ก่อนนี้เธอหมายหัวพรแค่ฟ้าอารมณ์ไม่ถูกชะตาตามประสาผู้หญิง แต่ตอนนี้ต้องเพิ่มไอ้เทมส์อะไรนี่ลงลิสต์คนที่เกลียดหน้าเข้าไปอีกหนึ่งคน!
“ฮือ ๆ” เตวิชแหกปากร้องไห้ สภาพพอกับเด็กอนุบาลที่ผู้ปกครองไม่ยอมซื้อของเล่นให้ ดีว่าในผับยังเปิดดนตรีจังหวะเร้าใจอยู่ เสียงเพลงจึงกลบเสียงคนอกหักได้สนิท ไม่อย่างนั้นโต๊ะข้าง ๆ อาจขว้างปาแก้วมาด้วยความรำคาญได้
“มันเป็นอะไรวะแต” จ๋าถามด้วยความงุนงง ไปเต้นพักเดียวกลับมาเพื่อนกลายร่างเป็นหมาซะแล้ว
“ไม่รู้ อกหักมั้ง” คำที่กระแตเดาสุ่มดันเป็นเหมือนมีดทิ่มลงกลางใจชายหนุ่มหนึ่งเดียวของโต๊ะทันที
“น้องเบล ฮึก” เตวิชฟูมฟายอีกครั้ง เตรียมจะชงเหล้าแต่บนโต๊ะเหลือแค่ขวดเปล่า “ทำไมถึงทำกับพี่ด้ายย”
ถึงไม่ทราบที่มาที่ไปแต่พรฟ้าพอปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว ท่าทางว่าความรักครั้งใหม่ของเพื่อนจะล่มซะละมั้ง
“ดื่มมม อีกสักแก้วนึง จะด้ายลืมเธออีกสักแป๊บนึงงง” ขณะที่คนอื่นยักย้ายส่ายสะโพก เตวิชกลับนั่งโงนเงนร้องเพลงอกหัก
“ไม่ร้องดิ เดี๋ยวก็มีคนอื่นเข้ามาอีก” หญิงสาวพยายามปลอบใจแม้ว่าคำพูดจะดูไม่เข้าหูมันสักเท่าไรก็ตาม คนเมาที่พยายามฝืนนั่งให้ตรง สุดท้ายก็ทนความมึนเมาไม่ไหว ทิ้งตัวใส่พรฟ้าซะอย่างนั้น
“โอ๊ย หนัก อีห่า” พรฟ้ามั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงประมาณหนึ่ง แต่ลองนึกภาพผู้ชายตัวสูงร้อยแปดสิบทิ้งน้ำหนักตัวลงมาสิ
นี่มันภาระชิ้นใหญ่ชัด ๆ!
ช่วงดึกการจราจรในเมืองใหญ่ค่อยคล่องตัวขึ้น จากโรงแรมหรูมาผับ Andromeda ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ภาคินก็ขับรถมาถึงตามพิกัดที่เพื่อนให้ไว้ เขารีบเดินไปยังด้านในแล้วมองหาโต๊ะเพื่อน
“โห สภาพ” เมื่อมาถึงโต๊ะสิ่งที่ปรากฏในสายตาของภาคินคือไอ้ขี้เมาหัวแดงกำลังกึ่งทับกึ่งกอดพรฟ้า “เรื้อนมาก”
“ช่วยทีเหอะคิน” กระแตแทบยกมือไหว้ขอบคุณสวรรค์ คืนนี้มีคนมาช่วยลากเจ้ายักษ์นี่กลับบ้านแทนเธอแล้ว
ชายหนุ่มไปลากคอตัวก่อเรื่องออกมา ถึงการนัวเนียอะไรพวกนี้จะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในผับบาร์ และสถานการณ์นี้คือไอ้เทมส์กำลังอยู่ในโหมดเมาเหมือนหมา แต่เขาไม่อยากให้ใครมองพรฟ้าในแง่ลบ “ไอ้ห่าเทมส์ ลุกเลยมึง”
“ม่ายยย ช้านเหมือนโคนกำลังจาตายและโหมดแลง” คนเมาร้องเพลงทำนองยานคางแข่งกับบีตดนตรี ไม่พอยังทำตัวอ่อนตัวเปลี้ยเพิ่มภาระให้ภาคินในการเคลื่อนย้าย
“จ๋า แต เดี๋ยวขอพาเทมส์กลับก่อนนะ” เห็นความทุลักทุเลแล้วพรฟ้าเลยลุกจากโซฟา ตั้งใจจะช่วยชายหนุ่มหิ้วปีกคนเมา “ขอโทษแทนมันด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรเลย สนุกดีออก”
“เออ อย่างน้อยมันก็ไม่อ้วกตรงนี้แหละวะ”
สองสาวตอบติดตลกก่อนจะโบกมือลาพรฟ้าและภาคิน พวกเธอเองก็ตั้งใจจะกลับแล้วเหมือนกัน
คนเมาถูกยัดใส่รถหรูของภาคิน ส่วนรถเตวิชหญิงสาวจะเป็นผู้ขับเอง อันที่จริงเธอมีทั้งใบขับขี่และรถยนต์ แต่เพราะส่วนใหญ่อาศัยติดรถเพื่อนไปนู่นมานี่ พาหนะของเธอเลยจอดนิ่งอยู่ใต้คอนโดมากกว่าได้แล่นบนท้องถนน
เตวิชหลับกลางอากาศไปแล้ว กว่าทั้งสองคนจะถูลู่ถูกังพามาถึงห้องของภาคินได้เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกัน
“เอามันนอนตรงนี้ ไม่ต้องเอาเข้าห้องหรอก” ร่างสูงหยุดฝีเท้าตรงห้องนั่งเล่น
“อ้าว ทำไมอะ ห้องนอนเล็กก็ว่างนี่” ถึงจะสงสัยแต่พรฟ้าก็ค่อย ๆ ย่อตัวส่งคนที่หิ้วปีกมาลงนอนบนโซฟา
“เดี๋ยวมันไปอ้วกใส่ที่นอน กินไปเท่าไหร่อะถึงเมาขนาดนี้”
“คนเดียวหมดขวดเลยมั้ง ตอนนั้นฟ้าไม่อยู่โต๊ะพอดี กลับมาอีกทีก็เป็นงี้ไปแล้ว” เธอตอบขณะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้บุนวม อดบ่นกระปอดกระแปดไม่ได้ “โอย หนักชะมัด”
“ไม่รู้เป็นห่าอะไรขึ้นมา” ชายหนุ่มบ่นไปแบบนั้น แต่เจ้าตัวหลับไปแล้วจะให้ปลุกขึ้นมาก็ขี้เกียจคุยกับคนเมา “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเล็ก มือหยิบเอาผ้าห่มมาคลุมตัวคนเมาให้อย่างดี กันไว้เพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นหวัด
“ฟ้าก็ใจดีจังอะ เมื่อกี้ไม่ทิ้งมันไว้หน้าผับก็ดีแค่ไหนแล้ว” ภาคินเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้คนเมาเล็กน้อย
“แหม คินไม่ทิ้งเพื่อนแบบนั้นหรอก” พรฟ้ายิ้มน้อย ๆ คนใจดำที่ไหนจะรีบบึ่งรถมารับในไม่กี่นาที
“ฟ้า” มองเธอช่วยดูแลเพื่อนที่หมดสภาพแล้วก็นึกสงสัยบางอย่างขึ้นมา
“หือ” พรฟ้าหันมาหาพร้อมเลิกคิ้ว
“ถ้าคินเมาเหมือนหมาแบบไอ้เทมส์ ฟ้าจะดูแลแบบนี้มั้ย” พูดเสร็จก็รู้สึกว่าฟังดูประหลาดเลยรีบขยายความแบบติดตลกในประโยคถัดมา “คงไม่ปล่อยให้นอนป้ายรถเมล์ใช่มั้ย”
“บ้าเหรอ ใครจะปล่อยให้คุณชายนอนป้ายรถเมล์ ต้องพาไปนอนวัดสิ อาหารเช้ามีพร้อม” หญิงสาวหัวเราะสดใส ภาคินเห็นแล้วก็มันเขี้ยว เอื้อมมือไปขยี้เรือนผมสีน้ำตาลที่เซ็ตไว้อย่างดีจนยุ่งเหยิง
“ฮ่ะ ๆ” โดนขยี้ผมไปอึดใจพรฟ้าก็โยกหัวหลบฝ่ามือออกมา
“คินก็ดื่มมาเยอะเหรอ หน้าแดง ๆ” หญิงสาวเตรียมจะยื่นมือไปแต่สติกลับยั้งเอาไว้ อีกฝ่ายมีแฟนแล้วเธอต้องระมัดระวังเรื่องการวางตัวให้มาก
“ดื่มไวน์มาสองแก้วเอง” ชายหนุ่มจับหน้าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าร้อนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แต่อย่างใด “น่าจะแดงเพราะแบกไอ้ห่าเทมส์นี่ซะละมั้ง”
“แหง ๆ” หญิงสาวเห็นด้วย ขนาดได้ภาคินมาช่วยแบกคนเธอยังรู้สึกหอบอยู่ไม่น้อย
“วันนี้แจกไอดีไปกี่รอบล่ะ” ถึงจะเห็นกันมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กกะโปโล ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อนสาวขาลุยในวันนั้นดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก ยิ่งแต่งเนื้อแต่งตัวยิ่งดูสะดุดตา
เชื่อเถอะว่าหากมีผู้ชายเดินมาสิบคน ต้องมีสักเจ็ดคนที่หันมามองเธอด้วยความสนอกสนใจอย่างแน่นอน
“ว่าไปนั่น มีที่ไหนกันล่ะ” พรฟ้าหัวเราะร่วน “เต้นสะเดิดอยู่ที่ฟลอร์กับจ๋า ใครจะกล้าเข้ามาขอ น่าจะกลัวกันหมด”
“ถ้ามีก็บอกด้วย” ไม่ได้คิดจะห้ามเพื่อนไม่ให้มีแฟน แต่เพราะเป็นเพื่อนสนิทจึงห่วงมากเป็นพิเศษ อย่างน้อยผีก็เห็นผี เขาคิดแบบนั้น “จะได้ช่วยสแกนให้”
“โอเคค่ะพ่อ” พรฟ้าพยักหน้ารับรู้ “แต่วันนี้ไม่มีจริง ๆ ได้เต้นแป๊บเดียวก็หมดเวลาละ”
พูดจบเธอก็บุ้ยหน้าไปยังคนเมาบนโซฟา ไม่อย่างนั้นตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่ผับต่อ เหมือนเตวิชจะรู้ว่าโดนนินทา เจ้าตัวเริ่มขยับเปลี่ยนท่านอน
“น้องเบลจ๋า” ไม่วายละเมอเรียกชื่อสาวอีก
“เป็นเอามาก” ภาคินถอนหายใจ ส่วนหญิงสาวส่ายหัวน้อย ๆ เพื่อนเตือนแล้วแต่ไม่ค่อยจะฟังกัน
“จะกลับห้องแล้วเหรอ” เขาถามเมื่อเห็นพรฟ้าลุกขึ้นยืน
“อือ หิวอะ ว่าจะไปต้มบะหมี่กินหน่อย” พรฟ้าโดนโทรตามเมื่อช่วงหัวค่ำเลยรีบออกจากห้องพักโดยไม่ได้กินอะไรรองท้อง ยิ่งอยู่ดึกกระเพาะอาหารก็ยิ่งร้องโครกคราก
“ต้มที่นี่แหละ จะกินด้วย หิวเหมือนกัน”
“เพิ่งจะกินมาไม่ใช่เหรอ” เห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายเช็กอินร้านอาหารอิตาเลียนเมื่อช่วงสามสี่ทุ่ม
“อือ กินมาแล้ว มีแต่ของเบา ๆ เลยหิวอีกรอบละ”
ตอนอยู่ในร้านอาหาร บนโต๊ะมีโพรชูโตซึ่งเป็นแฮมสไลด์บาง ๆ และสลัด ไว้รับประทานแกล้มกับไวน์ จานหลักเขาสั่งแค่ราวิโอลีซอสผักโขม และพลังงานจากอาหารมื้อนั้นก็หมดไปกับการแบกไอ้เทมส์เรียบร้อยแล้ว
“โอเค งั้นรีบทำเลยดีกว่า” หญิงสาวเดินเข้าครัว เปิดตู้แขวนหยิบของตรงนั้นตรงนี้อย่างคุ้นเคย “ฝากล้างกับหั่นผักด้วยนะคิน”
“ครับเชฟ” ภาคินรับคำเลียนแบบประโยคยอดฮิตจากรายการเรียลลิตี้แข่งทำอาหาร เล่นเอาหญิงสาวหลุดขำ
ทั้งคู่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ไม่นานบะหมี่ต้มยำกุ้งก็พร้อมรับประทาน รสชาติน้ำซุปจัดจ้านทำเอาพวกเขาตาสว่าง โยนความกลัวอ้วนจากมื้อดึกทิ้งชั่วคราว บางทีมื้ออาหารที่ดีอาจไม่ใช่มื้อหรูหราใต้แสงเทียนเสมอไป
