CHAPTER 2
“ก็แค่เพื่อนสนิท”
ก็ยังคิดไม่ได้
น้ำเสียงเยาะเย้ยพูดราวกับยัยนั่นไม่เชื่อคำตอบของฉันง่ายๆ คงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงของไอ้กุนเหมือนกันสิท่า ผู้หญิงชนิดเดียวกันกับเธอที่วันๆ ไม่ทำอะไรคอยตามตื้อแต่ผู้ชาย
“แล้วเธอเป็นใคร?”
“แฟนพี่กุน”
“เฮ่อ...”
ก็ไม้เดิมๆ ลูกไม้เดิมๆ ซ้ำๆ สมัยนี้ไม่คิดเลยหรอว่าคนฟังเขาพัฒนาไปไหนต่อไหนแล้วจะว่าง่ายๆ เลยก็คือคนฟังฉลาดกว่าคนพูดนั่นแหละ
“แกถอนหายใจทำไมยะ ไม่เชื่อ?”
“ไม่เชื่อ ถ้าคนอย่างไอ้กุนมีแฟนแล้วพวกเมียๆ มันทั้งหลายจะทำยังไง” ดูแป๊บเดียวก็รู้ว่าไอ้อาการไม่แน่ใจมันเด่นขึ้นมาตอนยัยนั่นโกหกว่าได้สถานะแฟนแล้วแหละ สายตาเลื่อนลอยเวลาพูดไม่ยอมสบตาแบบนี้โกหกทั้งเพ “ใบหน้ารูปร่างตอนเธอก็ดูดีนะฉันว่าอย่าเป็นหญ้าให้ควายมันเคี้ยวเล่นเลยเสียเวลาเปล่า”
กรี๊ดดด!
เสียงเปรตของส่วนบุญส่งเสียงเล็กแหลมของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในยามที่ไม่พอใจอะไร คำพูดของฉันมันไม่น่าฟังตรงไหนคนฟังน่าจะเข้าใจนะถ้าพูดตรงขนาดนี้แล้ว ควรรับรู้ได้แล้วว่าไอ้กุนมันไม่ได้ดีเด่นอะไรมากมายเหนือกว่าผู้ชายทั้งหลายสักนิดเดียวอีกทั้งยังเลวผสมชั่วด้วยซ้ำไปนี่ฉันยังถือว่าช่วยยัยนั่นทำไม่ต้องโวยวาย
“เงียบ! จะแหกปากร้องให้ได้อะไรขึ้นมา?”
กรี๊ดดด!
เพล้ง!
สุดท้ายฉันก็เลือกทุ่มปากขวดลงพื้นเพื่อเรียกสติยัยบ้าคนนั้นให้กลับมาซึ่งนางก็เงียบกริบอีกทั้งยังสลัดมือจากแขนใหญ่สายตาที่บ่งบอกได้เลยว่าเธอได้รับความจริงเรื่องที่ฉันพูดป่วยการในการพูดต่อไปเตือนแล้วไม่ฟังเองมันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน
“หรือว่าอยากเป็นควายนัก?”
“ฉันก็เป็นเมียพี่กุนเหมือนกันคนอื่นก็แค่ทางผ่าน”
“เฮ้ย! พี่ไม่เคยมีอะไรกับน้องอย่ามั่ว” ไอ้กุนก้าวเท้าห่างจากยัยนั่นไปยืนข้างเพื่อนราวกับว่ามันต้องการประกาศอย่างเป็นทางการอะไรทำนองนั้น นี่แหละผู้ชายดีในสายตาควายทั้งหลายแหล่ขอแค่มีเพียงใบหน้ารูปร่างหล่อสไตล์โอป้าเกาหลีบวกฐานนะครอบครัวดีมักเป็นที่นิยมพึงพอใจมาก “ถึงเมาแต่พี่ไม่มั่วและไม่ทั่วถึงด้วย”
พ่อคุณความหวงเนื้อหวงตัวก็มา
“มันจะเป็นผัวใครเมียใครฉันไม่สนใจทั้งนั้น แค่ตอนนี้เวลานี้ไอ้กุนต้องกลับบ้านกับฉัน!”
ฉันเสียเวลาส่วนตัวมามากแล้วต้องการพักผ่อนไม่ใช่มัวแต่ยืนเถียงเรื่องบ้าๆ แบบนี้ว่าแล้วมือเล็กก็เข้าไปกระชากแขนใหญ่พร้อมกับจิกปลายเล็บยาวเข้าเนื้อเป็นการบอกนัยๆ ว่าไม่ต้องขัดขืน
“ไม่ได้พี่กุนจะไปกับนังนี่ไม่ได้!”
ยัยนั่นเข้ามากระชากแขนของไอ้กุนอีกฝั่งหนึ่งในสายตาคนอื่นก็คงมองพลางคิดว่าเกิดศึกชิงผู้ชายเข้าแล้วทั้งที่ความจริงฉันอยากจะปล่อยควายทั้งสองไปแต่ความเป็นจริงมันทำไม่ได้ยังไงล่ะถ้าทำแบบนั้นคนที่ต้องตายอย่างเขียดคงต้องเป็นตัวเอง
“ไม่ได้ไอ้กุนมันต้องไปกับฉันคนเดียว!”
ฉันกระชากแขนใหญ่เข้ามาชิดตัวเองเรียกแทบว่ากอดเหมือนหมอนข้างตอนนอนถึงแม่หน้าอกจะเสียดสียังไงก็ไม่สนใจทั้งนั้น จะเสียอะไรก็ยอมเสียหมดแต่จะเสียไอ้กุนให้ยัยนั่นไม่ได้เด็ดขาดและทุกอย่างก็เหมือนสงครามเมื่อยัยบ้านั่นกระชากแขนกุนไปหาตัวเองเช่นกันการฉุดกระชากไปฝั่งโน้นทีฝั่งฉันทีจึงเกิดขึ้นทว่าทุกอย่างมันต้องจบลงทั้งที่ฉันกำลังได้เปรียบอยู่แท้ๆ
“ไอ้ปลา!”
ตุบ!
มือเล็กเย็นเฉียบเหงื่อชื่นชาไปทั่วร่างกายหยุดการดึงกระชากเสียดื้อๆ ก่อนปล่อยแขนไอ้กุนทันทีทั้งที่เห็นยัยนั่นล้มลงก้นกระแทกพื้นหินอ่อนเพราะการกระทำของตัวเองเห็นไอ้กุนยืนนิ่งไม่ช่วยสักนิดแต่มันก็ทำให้ฉันหัวเราะไม่ออก
หมับ!
“เจ๊ขิม...” จะลากเสียงอ่อยอ่อนโยนมากเพียงไหนก็ไม่ช่วยอะไร
‘เจ๊ขิม’ รุ่นพี่มหาลัยปี4 ที่ฉันสนิทชนิดเรียกได้ว่าแนบแน่นมากมีเรื่องอะไรก็จะอัพเดทโดยการชวนไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดยังมีอีกคนหนึ่งนั้นก็คือ ‘เจ๊รุ้ง’ด้วยแต่วันนี้คงไม่มา เจ๊ขิมเข้ามาคว้าต้นแขนฉันให้หมุนตัวหันหน้าไปประจันกับหน้าเธอ อารมณ์ตอนนี้ยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับม๊าอีกอาการอยากหายตัวไปจากที่นี่มากมันเริ่มก่อตัวขึ้น
“อย่าคิดหนีอย่าคิดแก้ตัวและก็อย่าคิดเงียบถามต้องตอบ”
นั่นไงมาเป็นชุดยิ่งกว่าคำถามของแม่ไหมล่ะ? ทำไมฉันต้องมาเจอเจ๊ขิมในปาร์ตี้บ้าๆ นี้ด้วยก้าวเท้าข้างไหนออกจากห้องวะไอ้ปลาซวยยิ่งกว่าซวยอีกเมื่อเจ๊ขิมรู้เจ๊รุ้งก็ต้องรู้งานนี้เละกว่าโจ๊ก
“จ้า... เจ๊คนสวย”
“มาทำอะไร?” จริงจังชนิดที่เรียกความเอ่ยวาจาจ๊ะจ๋าแค่ไหนก็เอาไม่อยู่
“ตามเพื่อนอ่ะเจ๊”
“เพื่อน?” สายตาหลักแหลมมองผ่านตัวฉันเลยไปยังด้านหลังคงมองไอ้กุนแน่ๆ
“อือ เจ๊ขิมเพื่อนปลา” สายตาเจ๊เค้าทำเอาฉันกระอึกกระอักขาดความหมั่นใจไปเลยเมื่อเห็นเจ๊ขิมไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่นักสุดท้ายก็ส่งสายตาเป็นเชิงถามว่าจริงเหรอ “จริงๆ ปลาอยู่หอนะไม่มาเที่ยวที่แบบนี้หรอกเจ๊...”
“แก้ตัวเป็นพัลวันเลยนะไอ้ปลายังไม่ได้ถามก็ร้อนตัวตอบชะงัน”
“โธ่เจ๊ขิม ปลาไม่ได้แก้ตัวนะแค่อธิบายตามความจริง” ฉันตอบเจ๊ขิมโดยที่ยังสบสายตาอยู่แต่เมื่อนึกได้ก็รีบหันตัวเข้าไปคว้าแขนไอ้กุนเข้ามาข้างกายนาทีทองฉันไม่ยอมปล่อยอีกแน่ “เจ๊ขิมนี่ไอ้กุนส่วนไอ้กุนนี่เจ๊ขิม”
พอแนะนำเสร็จฉันเบี่ยงใบหน้าไปมองยัยนั่นตรงพื้นที่ยังคงนั่งโอดอวยกุมข้อเท้าอยู่สงสัยข้อเท้านางคงเกิดแพงเสียแล้วแบบนี้ก็ยิ่งเข้าทีตัวเองเข้าไปกันใหญ่ทุกอย่างจะได้ราบเรียบไม่มีสิ่งเข้ามาขัดขวาง
“สวัสดีครับ” มันไหว้เจ๊ขิมยิ้มๆ
“กุนเป็นเพื่อนปลาหรอ?”
“เดี๋ยวเจ๊ขิมรู้จักไอ้กุนด้วยเหรอ?”
โคตรแปลกใจเลยข้อนี้ปกติคนดีๆ แบบเจ๊ไม่คบคนประเภทเลวๆ ยิ่งไอ้กุนก็ยิ่งไปกันใหญ่อย่าว่าเลวเลยเพราะมันยิ่งกว่านั้นหลายเท่า
“ทำไม หึงหรือไงไอ้ปลาไหนว่าเพื่อน?”
“หึงอะไร ทำไมปลาต้องหึงด้วยแค่แปลกใจเฉยๆ” คำพูดของฉันคงสร้างความแปลกใจให้กับหลายๆ คนให้ขมวดคิ้วสงสัยทั้งเจ๊ขิม เกมส์ไม่ๆ ต้องเรียกเฮียเกมส์พร้อมเพื่อนทั้งสองและคนสุดท้ายก็คือไอ้กุน “แปลกใจว่าคนแบบเจ๊ขิมรู้จักคนเลวๆ อย่างไอ้กุนด้วย”
“รู้ว่าเลวทำไมเราต้องมารับเขากลับล่ะไอ้ปลา” เสียงหึทำเอาฉันตวัดสายตาใส่คนข้างกายไอ้กุนมันกำลังหัวเราะเยาะเย้ยฉันภายใต้ใบหน้าอันราบเรียบในสายตาคนอื่นๆ “หรือว่ายังชอบคนเลวอยู่?”
“…”
“พี่กุนคะหญิงเท้าแพงลุกไม่ไหวค่ะ”แต่แล้วทุกอย่างก็มีอันพังทลายลงเมื่อยัยนั่นคลานขยับตัวเข้ามาเกาะขาไอ้กุนเกาะจนชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ปล่อยแน่ๆ เพราะนางแทบเป็นวิญญาณสิงเข้าขาเหมือนอยากสถิต “พี่กุน...”
“ไหนเดี๋ยวพี่ช่วย” และแล้วเจ๊ขิมก็จัดการนั่งยองๆ ข้างร่างยัยนั่นจากนั้นก็เข้าไปจับแขนนางเพื่อแกะการกอดรัดออกจากต้นขาไอ้กุน “เจ็บก็ควรห่วงตัวเองก่อนนะคะน้องไม่ใช่ห่วงแต่ผัวคนอื่น”
“พี่กุนเป็นแฟนฉัน”
“แฟนน้องแต่ผัวคนอื่นเส้นห่างๆ ระหว่างแฟนกับผัวมันต่างกันมากนะน้อง”
ประโยคนี้เด็ดมากค่ะเจ๊ของไอ้ปลา
“งั้นพี่กุนก็ผัวฉัน”
ศึกเริ่มแล้วฉันว่าทุกอย่างมันเริ่มจะเกิดเรื่องอีกแล้วทว่ามันไม่ใช่ฉันกับยัยนั่นแต่เป็นเจ๊ขิมต่างหากเพราะดูท่าทางการโต้ตอบด้วยประโยคคำพูดไม่จบแบบดีๆ แน่ๆ ชิ่งหนีก่อนดีกว่ายังไงเจ๊ขิมก็มีหนุ่มๆ สองคนนั้นอยู่เป็นเพื่อน
“คุณน้องห่างจากสเปกกุนมากจ๊ะเรียกว่าไม่เข้าข่ายเลยด้วยซ้ำไปอย่าพึ่งเถียงเด็ดขาดพี่ยังพูดไม่จบ กุนเขาไม่รักผู้หญิงจ๋าขนาดนี้โน้นไงสเปกมันต้อง...”
“เจ๊เอ่อ.... ปลากำลังจะกลับพอดีเลย ปลาไปนะ”
“หยุดไอ้ปลา”
เท้าฉันหยุดดังกึกไม่สามารถก้าวต่อได้เมื่อได้ยินประโยคคำสั่งจากเจ๊ขิมมันเหมือนมีคำสั่งเฉพาะทำให้คนฟังต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วทั้งฉันและเจ๊รุ้งไม่มีใครปฏิเสธคำสั่งของเจ๊ขิมได้เลยนอกจากทำตัวนิ่งๆ แล้วทำตามที่เจ๊ขิมบอกอย่างว่าง่าย
“คนนี้แหละน้องสเปกกุนหรือคนที่กุนมันอยากเป็นผัวอ่ะ”
คำว่าผัวที่ออกจากปากเจ๊ขิมมันยังไงๆ อยู่ฉันจึงต้องรีบหนีห่างก่อนทว่าพอเดินออกก็ถูกกระชากดึงกลับมากระแทกกับร่างแกร่งของไอ้กุน
“ทำไมต้องรีบไป?”
“ปล่อยเด็กแกแกก็ควรดูแลเปล่าวะไอ้กุน!” ฉันไม่ได้โวยวายเพียงแค่กระซิบลอดไรฟันเบาๆ ต่างหากใบหน้ามันกวนตีนมากถ้าคนอื่นอยู่ในสถานการณ์แบบฉันจะรู้เลยว่าขณะนี้อยากจะตะบันหน้าหล่อๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย“อย่ามาใกล้เหม็น”
“ฝีมือใคร?”
“ฉันเองแล้วจะทำไม สมน้ำหน้า!” คนอย่างไอ้ปลาไม่มีทางสำนึกการกระทำตัวเองถ้าเห็นว่ามันไม่ผิดและนาทีนี้ฉันก็จ้องตาคู่ตรงข้ามด้วยความแน่วแน่
“ไม่จริงสเปกพี่กุนไม่ใช่นังนั้น!”
ยัง ยังนางยังไม่ยอมรับความจริงบอกเลยว่าคนอย่างไอ้ปลาไม่ยอมแล้วเว้ยเหนื่อยแล้วอยากนอนมันเลยเวลาหลับนอนมามากพรุ่งนี้มีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ
“ยอมรับความจริงได้แล้วมั้งเลิกฝันลมๆ แล้งๆ ถ้าไม่อยากเป็นควายบอกแล้วบอกอีกผู้ชายเขาไม่เอายังตื้ออยู่ได้ ถามจริงไม่เสียดายหรือไงทั้งหน้าตารูปร่างเสียไปเท่าไหร่กับคำว่าเงิน!” ทีนี้ฉันร่ายยาวเป็นบทสวดให้กับยัยนั่นที่ยังนั่งอ้าปากค้างให้แมลงวันเข้าตรงพื้น “ถึงฉันจะอกไม่อึ๋มเท่าส้มโอแต่ฉันก็ทำไอ้กุนโอ้โหได้ทั้งคืนแล้วกันจบไหมวะ”
พูดเสร็จฉันก็กระชากแขนไอ้กุนออกมาทันทีโดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้นจากยัยนั่นอีกรู้แค่เพียงเสียงกรี๊ดตามหลังเท่านั้น เราเดินผ่านปาร์ตี้กลุ่มสาวบิกินีจนถึงลานจอดรถฉันก็รู้สึกถึงแรกกระตุกแขน
“อะไรอีก?”
ถ้ายังไม่จบฉันจะเอาเลือดหัวมันออกจริงๆ แล้วนะ
“ทำโอ้โหได้จริงหรอ?” แววตามีลูกเล่นแพรวพราวเปล่งประกายบ่งบอกว่าไอ้กุนได้คิดเรื่องพรรณนั้นออกมาจากหัวสมองเท่าหัวมดของตัวมันเองอีกแล้ว “ขอลองหน่อยดิ”
ผวัะ!
“โอ้โหพอไหมไอ้ทุเรศ!”
