บท
ตั้งค่า

Chapter 1 อย่ามายุ่งกับฉัน!

ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้ากระจกผมกำลังใส่เสื้อและจะติดกระดุมแต่ผมก็ชะงักเมื่อสายตาผมทอดมองเงาตัวเองในกระจก บนร่างกายของผมมีสิ่งหนึ่งที่มำให้ผมชะงักทุกครั้งเมื่อมองเห็นมัน

รอยสักภาษาอังกฤษแบบนี้...

ผมอ่านรอยสักเล็กๆที่เขียนพาดกับเหนืออกด้านซ้ายของผมทุกครั้งที่เห็นมัน มันเป็นประโยคสั้นๆประโยคหนึ่งเหมือนจะเป็นคำที่มีความหมาย ผมไม่รู้ว่ามันมาอยู่บนตัวผมได้ยังไงรู้แค่ว่าวันหนึ่งที่ผมตื่นขึ้นมาผมก็เห็นมันแล้ว...

ฟลุ่บ~

จู่ๆก็มีคนกอดผมจากทางด้านหลังทำให้ผมหลุดจากภวังค์นั้นมาได้ ผมมองใบหน้าของคนด้านหลังที่เอียงใบหน้ามามองผมผ่านจากกระจกบานนั้นเช่นกัน เธอยิ้มให้ผมก่อนจะเลื่อนฝ่ามือด้านซ้ายขึ้นมาวางไว้ที่แผ่นอกตรงตำแหน่งที่มีรอยสักนั่นและบิดบังมันจนหมด

"ฉันแต่งตัวเสร็จแล้วนะ...วายุ^^"

'วายุ'คือชื่อของผม ส่วนผู้หญิงที่กอดผมอยู่เธอชื่อ'นีน่า'เป็นแฟนของผมเอง ผมยิ้มบางๆให้เธอ นีน่าเลื่อนมือมาติดกระดุมเสื้อของผมให้จนหมดก่อนจะจับแขนผมหมุนตัวให้หันกลับไปหาเธอ

"สวยมั้ย"

เธอถามผมเมื่อหันไปหาจนเรายืนประจันหน้ากันพร้อมกับถามผมถึงการแต่งตัวของเธอ ผมเลื่อนสายตามองสำรวจเธอก่อนจะตอบออกไป

"อื้ม สวย"

"นายก็หล่อมาก งั้นเราไปกันได้แล้วนะ^^"

เธอยิ้มหวานพูดชมผมกลับอย่างพอใจพร้อมกับขยับเสื้อผ้าของผมให้เข้าที่เรียบร้อยก่อนจะสอดมือคล้องแขนผมแล้วดึงให้เดินตามออกจากห้องไปในที่สุด...

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงเราสองคนก็เดินทางมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งผมมองเข้าไปในรั้วของโรงเรียนเอกชนชื่อดังด้วยสายตานิ่งๆ ผมเคยเรียนที่นี่ผมจำได้ลางๆมันแค่มีความคุ้นเคยบางอย่างเกิดขึ้นมาในความคิด นีน่าก็เคยเรียนที่นี่เธอบอกว่าเราคบกันตั้งแต่สมัยเรียนและวันนี้เธอกำลังพาผมมาที่งานเลี้ยงรุ่นเพื่อเปิดหูเปิดตาบ้าง

ตึก ตึก ตึก~

ผมเดินตามนีน่าเข้ามาในงานนี้ ผู้คนมากมายในงานล้วนแต่เคยเรียนที่นี่ทั้งนั้นบางคนก็รู้จักบางคนก็ไม่รู้จักแล้วบางคนผมก็จำไม่ได้ ผมมันเป็นแบบนั้นมาได้สักระยะหนึ่งแล้วล่ะ

"อ้าวนีน่า วายุ"

ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกันที่ผมจำเธอไม่ได้แต่เธอเข้ามาทักทายเราสองคนและดูเหมือนเธอจะสนิทกับนีน่าพอสมควรเพราะทั้งสองคนโผเข้ากอดกันทันที

"ฉันนึกว่าจะไม่มากันซะแล้ว"

"มาสิพี่ นี่บินมาจากเกาหลีเลยนะ"

นีน่าพูดบอก ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะไปเยี่ยมครอบครัวที่อยู่ที่นั่นแล้วก็เพิ่งกลับมาที่ประเทศไทย

"ไงวายุ จำพี่ได้มั้ย"

ผู้หญิงคนนั้นหันมาให้ความสนใจกับผมเธอทักทายผมพร้อมกับถามผมเหมือนที่หลายๆคนเคยถามและผมก็ตอบเหมือนเดิมคือรอยยิ้มบางๆพร้อมกับดวงตาว่างเปล่า ผมจำเธอไม่ได้หรอก

"กะแล้วว่าต้องจำไม่ได้ ก็นะพี่ไม่เคยโผล่ไปให้เจอเลยนิเนอะ"

นั่นแหละ สองปีที่ผ่านมาถามว่าผมจำอะไรได้บ้างมั้ย มันก็จำได้นะแต่จำได้แค่คนใกล้ตัวและสถานที่ที่เคยไปหรือไม่ก็จำได้เป็นช่วงๆเท่านั้นอย่างอื่นมันก็แค่เลือนลาง ตอนนี้ความจำของผมยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูคนที่ผมจำได้จริงๆก็คือพ่อกับแม่ นีน่า แล้วก็เพื่อนสนิทอีกสี่ห้าคนที่โผล่มาให้ผมเห็นหน้าบ่อยๆและมีสิ่งของอะไรบางอย่างที่เป็นเครื่องยืนยันและทบทวนว่าผมรู้จักพวกเขา แค่นั้น

"นี่พี่ลิลลี่ รุ่นพี่ที่สนิทของฉันเองน่ะ"

นีน่าแนะนำเธอให้ผมรู้จักอีกครั้ง ผมพยักหน้าสองสามทีให้

"อา อืม"

"เออนี่นีน่า เธอไปเกาหลีตั้งเกือบเดือนฉันมีเรื่องอะไรจะบอกเธอด้วยแหละ"

"อะไรอ่ะพี่"

"ก็..."

พี่ลิลลี่อะไรนั่นหยุดคำพูดไว้เมื่อเหลือบตามามองผมเธอดึงนีน่าเข้าไปใกล้พร้อมกับคุยอะไรกันสักอย่างที่ผมคิดว่าผมไม่น่าจะเกี่ยวด้วย

"เอ่อ วายุนายหิวมั้ย"

จากนั้นนีน่าก็หันมาหาผมเธอถามว่าผมหิวมั้ยแต่ผมก็ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไปหรอกเธอก็พูดเองเออเองหมด

"ฉันว่าเดี๋ยวฉันไปหาอะไรให้นายกินดีกว่า รอตรงนี้นะ"

"อืม ขอบใจ"

เมื่อเธอเสนอมาอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรผมพยักหน้าให้เธอ นีน่ากับพี่ลิลลี่พากันเดินแยกออกไปผมมองตามก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆงาน

พรึ่บ~

"โดนทิ้งเหรอวะเพื่อน"

จู่ๆก็มีคนเดินมากอดคอผมจากทางด้านหลังผมหันไปมองเพราะตกใจนิดหน่อยก็เห็นว่าเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทของผมเองที่เข้ามาทัก

"ทำหน้ามึนๆ จำพวกกูได้มั้ย?"

เมื่อเห็นว่าผมมองพวกมันด้วยสายตาราบเรียบมันก็เริ่มหน้าเหวอ พร้อมกับถามเตือนความจำผมจนผมผลักหัวมันไปแล้วตอบชื่อพวกมันเรียงตัว

"ไอ้คราม ไอ้เต ไอ้นาย"

"เอ้า ก็จำได้นิ"

"เออ จำได้สิ"

"ว่าแต่ มึงมากับใครวะทำไมมายืนอยู่คนเดียว"

เตถามผม

"นีน่า แต่ตอนนี้ไปตักอาหาร"

"เออดีละ"

ครามพูดขึ้นบ้าง มันแสดงสีหน้าออกมาเหมือนพอใจที่นีน่าไม่ได้อยู่ตรงนี้จนถูกสายตาของไอ้เตกับไอ้นายที่กระแอมไอออกมาและมันต้องพูดขึ้นใหม่

"หมายถึงว่า...แกจะได้ไม่ต้องไปตักเองไง อยู่คุยกับพวกฉันดีกว่าว่ะ"

มันหัวเราะแหะพลางตบบ่าผมเบาๆ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรหรอกแค่พยักหน้าผ่านๆไปเท่านั้น จริงๆผมเริ่มรู้สึกเซ็งนิดหน่อยด้วยล่ะ

หลังจากนั้นพวกเราก็คุยเล่นกันไปเรื่อยๆบางครั้งก็มีคนเข้ามาทักและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็พูดถึงเรื่องอดีตที่เคยเรียนอยู่ที่นี่มันก็เลยทำให้ผมเซ็งเข้าไปใหญ่เพราะผมจำไม่ได้แต่บางครั้งก็เหมือนมีภาพเลือนลางแว่บเข้ามาบ้างจนผมเริ่มรู้สึกไม่ดี

ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนพวกเพื่อนๆหันมา

"ไปไหนวะ ตามนีน่าอ่อ?"

ครามหันมาถามผมมันคงคิดว่าผมจะไปตามหานีน่าเพราะเธอยังไม่เดินกลับมาหาผมแต่ผมส่ายหัว

"ไปห้องน้ำน่ะ"

ผมพูดตอบก่อนจะเดินออกมาเลยโดยไม่ได้ฟังเสียงของครามที่พูดตามหลังมา

สวบ~

ผมเดินมาที่สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมันน่าจะเป็นสวนหย่อมด้านข้างโรงเรียนและมันดูสงบกว่าในงานมาก จริงๆแล้วผมไม่ได้จะเข้าห้องน้ำหรอกผมแค่ปวดหัวนิดๆก็เลยขอตัวออกมาอยากจะอยู่เงียบๆสักหน่อยเผื่อจะดีขึ้น

ฟลุ่บ~

ผมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งใกล้ๆแปลงดอกไม้ก่อนจะเอนหลังพิงพนักของมันแล้วหลับตาลงสูดอากาศบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในแปลง

"อย่ามายุ่งกับฉัน!"

แต่ผมก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแว่วมา เสียงนั้นเงียบไปเมื่อผมเริ่มมองหาจนผมเกือบคิดว่าหูแว่วไปเองถ้ามันไม่ดังแว่วมาอีก

"บอกว่าอย่าไง!"

"แหม หยิ่งจังนะทีตอนนั้นไม่เห็นหยิ่งเลย"

"ปล่อย!"

ฟลุ่บ~

ผมผลุดลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่ฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด มันเป็นเสียงเหมือนผู้หญิงกับผู้ชายกำลังเถียงหรือทะเลาะกันซึ่งดังมาจากมุมอาคารมืดๆไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่

เสียงผู้หญิงนั่น มันคุ้น...คุ้นจนผมต้องก้าวขายาวๆไปตามเสียงทันที

"หรือต้องให้ทิปเหรอถึงจะแตะตัวได้"

"บอกให้ปล่อย!"

"ไม่ปล่อย อยากไปก็ดิ้นให้หลุดเองดิ"

"ได้..."

ปึ้ก~

"อะ โอ้ยยย!"

พลั่ก~

"ว้าย"

ในหูของผมยังคงได้ยินเสียงโต้เถียงกันอยู่ตลอดเวลาขณะที่ผมก้าวฉับๆเข้าไป เมื่อเดินมาใกล้และสายตามองเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายตัวสูงอีกคน ดูเหมือนเธอจะกำลังดิ้นรนออกจากอ้อมกอดนั้นจนกระทั่งเธอกระทืบส้นรองเท้าแหลมๆลงบนฝ่าเท้ามันและถูกผู้ชายคนนั้นผลักออกอย่างแรงจนเธอเซมาทางด้านหลังซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเข้าไปถึงตัวเธอและรับร่างบางที่หงายหลังล้มลงมาได้ทันท่วงที

ฟลุ่บ~

ฉันเกลียดผู้ชายประเภทนี้ที่สุด ผู้ชายที่มองผู้หญิงแค่เปลือกนอกและมีความคิดตื้นๆ ฉันเกลียดคำพูดของผู้ชายทุกคนที่เรียกชื่อฉันด้วยคำหวานๆ เกลียดผู้ชายทุกคนที่ฉันต้องทำตามใจพวกเขาและยื่นเงินให้เมื่อฉันทำถูกใจ เกลียดสายตาที่มองลวนลามฉันในทุกสัดส่วนที่มองได้

ฉันเกลียด!แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ต้องทำ...ทำเพื่อความอยู่รอด

แต่การที่ฉันจำใจทำอาชีพแบบนั้นถึงมันจะได้เงินเยอะก็จริงแต่มันก็ทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงไร้ยางอายและง่ายสำหรับพวกผู้ชายประเภทนั้น กระทั่งตอนที่ฉันไม่ได้อยู่ในเวลางานฉันก็ยังถูกกระทำแบบนั้นอยู่

"บอกให้ปล่อย!"

ฉันกระชากข้อมือออกจากมือหนาที่กำไว้แน่น ผู้ชายคนนี้คือรุ่นพี่ที่โรงเรียนเขามาร่วมงานเลี้ยงรุ่นเหมือนกับฉันแต่พอเจอฉันเขากลับเข้ามาหาเรื่องลวนลาม คงเพราะความคิดตื้นๆที่คิดว่าจะทำแบบนี้กับฉันได้ แน่นอนว่าเขาเคยทำแต่นั่นมันก็ตอนที่ฉันทำงานเป็นเด็กนั่งดริ้งอยู่ที่ผับแห่งหนึ่ง ครั้งนั้นฉันไปเป็นเด็กนั่นดริ้งให้กับเพื่อนของเขาเพราะอยู่กลุ่มเดียวกันเขาก็เลยได้ร่วมวงดื่มเหล้ากับเพื่อนด้วยเพื่อนของเขาลวนลามฉันแต่ฉันก็ปัดป้องเท่าที่จะทำได้

รู้มั้ยว่าหลังจากที่เลิกงานทุกครั้งฉันต้องกลับมาอาบน้ำตั้งหลายรอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะเกลียดในโชคชะตาของตัวเอง!

"ไม่ปล่อย อยากไปก็ดิ้นให้หลุดเองดิ"

เขาพูดบอกฉันพร้อมกับรวบตัวฉันไว้ยิ่งเขารัดแน่นฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่ เขาด่าว่าฉันหยิ่ง...ก็ยอมรับว่าหยิ่งถ้าไม่ใช่หน้าที่ฉันก็ไม่มีทางให้ผู้ชายประเภทนี้แตะต้องตัวแน่ๆ

"ได้..."

ฉันกัดฟันพูดอย่างโมโห ฉันมาที่นี่ไม่ได้จะมาให้เขาทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันจ้องหน้าเขาก่อนจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นเมื่อดิ้นจนเหนื่อยแต่ไม่หลุดสุดท้ายฉันก็เลยกระทืบส้นรองเท้าแหลมๆลงไปบนฝ่าเท้าของเขาเต็มแรงจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยงโอดโอยด้วยความเจ็บพร้อมกับผลักฉันออกจากอ้อมแขนเขาในทันที

"ว้าย"

และเพราะฉันไม่ทันตั้งตัวฉันถึงเซไปด้านหลังแย่กว่านั้นคือส้นรองเท้าของฉันดันตกลงไปในร่องดินทำให้ฉันหงายหลังลงไปในที่สุด แต่ทว่า...

ร่างของฉันก็ยังไม่กระแทกพื้นหรอกเพราะเหมือนมีคนมารับตัวฉันไว้ได้ทัน ฉันค่อยๆลืมตาที่หลับปี๋ลงเมื่อกี้ขึ้นมาก็เห็นว่ามีคนรับฉันไว้จากทางด้านหลังจริงๆก่อนจะดันให้ฉันยืนขึ้นและตั้งตัวได้

"ขอบคุณ..."

เสียงของฉันขาดหายไปเมื่อฉันหันไปทางด้านหลังเพื่อที่จะขอบคุณเขาที่เข้ามาช่วยพยุงไว้ได้ทันแต่เมื่อดวงตาของฉันสบเข้ากับนัยน์ตาสีนิลที่ฉันจำมันได้ดีใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ได้คมเข้มแต่ออกไปทางหวานด้วยซ้ำจมูกโด่งรับกับคิ้วเข้มๆและริมฝีปากสีธรรมชาติเรือนผมสีดำสนิท

มองดูภายนอกเขาแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย...

"วา...อ๊ะ"

น้ำตาฉันระรื้นขึ้นมาเมื่อคิดว่าต้องเป็นเขาแน่ๆ ฉันพึมพำชื่อเขาออกมาแต่ก็ต้องเซไปอีกครั้งเมื่อถูกไอ้รุ่นพี่ที่นั่งกองกับพื้นลุกขึ้นมากระชากแขนฉันไว้

แต่ฉันก็เซไปแค่ก้าวเดียวเพราะว่าผู้ชายตรงหน้าของฉันตวัดเรียวแขนแข็งแกร่งโอบรอบเอวเพื่อยื้อฉันไว้

"เห้ย ปล่อย!"

รุ่นพี่คนนั้นพูดพร้อมกับกระชากแขนฉัน

"รังแกผู้หญิงแบบนี้..."

แต่ก็เท่านั้นเมื่อตัวของฉันไม่ได้เซไปไหนเลยเพราะเขาก็รวบเอวฉันไว้แน่นเหมือนกันเขาดึงฉันเข้าไปหาตัวจนกลายเป็นเหมือนกอด หัวใจฉันเต้นกระตุกเมื่อใบหน้าซบลงกับแผ่นอกกว้างที่คุ้นเคย

"ไม่แมน"

เสียงของเขาพูดพร้อมกับกระชากมือที่จับแขนฉันไว้ออกไปอย่างง่ายดาย มันเหมือนเขาทำไม่แรงแต่จริงๆแล้วมันแรงมากนะ ผู้ชายคนนี้แรงเยอะจะตายไปทำไมฉันจะไม่รู้

"มึง!"

ฉันหันหน้าไปมองรุ่นพี่คนนั้นที่ถูกผลักออกไปเขากุมข้อมือข้างนั้นแล้วชี้หน้าเรา

"ไม่อยากมีเรื่องนะ...แต่อย่ายุ่งกับเธอจะดีกว่า"

ผู้ชายที่กอดฉันพูดขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขนเหมือนเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของฉันอยู่ จนรุ่นพี่คนนั้นมองเราสองคนสลับกันแล้วเขาก็กัดฟันกรอด

"เออได้ ฝากไว้ก่อนเถอะ!"

เขาโวยออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินจากไปอย่างหัวเสียในที่สุด

พรึ่บ~

เมื่อรุ่นพี่คนนั้นเดินออกไปแล้วเขาก็คลายอ้อมแขนออกจากฉัน ฉันเงยหน้ามองเขาทันที

"..."

ฉันยิ้มออกมาอย่างดีใจและแสนคิดถึง ฉันอยากจะพูดออกไปหลายร้อยคำแต่มันกลับพูดไม่ออกในตอนนี้ หัวใจของฉันเต้นรัวเมื่อยิ่งมองก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่เขา เขาคือจุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่เขาคือคนที่ฉันตั้งใจจะมาหา

ใช่เขาจริงๆ...

หมับ~

ไม่รู้ว่ามือของฉันเลื่อนขึ้นไปจับใบหน้าของเขาเมื่อไหร่ด้วยซ้ำมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาจับมือข้างนั้นของฉันไว้ เขามองหน้าฉันนิ่งก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เธอ..."

"ใช่ ฉะ..."

"ไม่เป็นไรใช่มั้ย?"

เขาพูดพร้อมกับปล่อยมือของฉันลงแล้วก้าวออกห่างเล็กน้อย ฉันคิดว่าเขาอาจจะโกรธฉันที่ฉันหายไปแบบนั้น

จริงสินะ เป็นใครๆก็โกรธใช่มั้ย

"อะ อื้ม"

"ดีแล้วล่ะ"

เขาพูดพร้อมกับสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและถอยหลังเหมือนจะเดินออกไปแต่ฉันก็ดึงแขนเขาไว้ก่อน

หมับ~

"..."

เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาว่างเปล่า ฉันเม้มปากแน่นมองหน้าเขาเหมือนกันในหัวมีคำพูดมากมายที่มันจะพูดออกมาแต่ฉันจะพูดอะไรก่อนดีล่ะ คิดถึง เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย ดีใจที่ได้เจอ หรือว่า...

"อืม..."

แต่จู่ๆเขาก็ละสายตาจากฉันไปเขาครางในลำคอพร้อมก้มหน้าลงยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง

"ปะ เป็นอะไรเหรอ"

ฉันถามเขาเมื่อเขาเริ่มมีอาการแปลกๆ

"ปวดหัวเหรอ...วายุ"

"..."

เขาตวัดสายตามามองฉันอีกครั้งเมื่อฉันเรียกชื่อเขา

"เธอ...รู้จักฉันเหรอ"

คำถามของเขาทำให้ฉันชะงัก

"รู้จักสิ รู้จักดีด้วย"

"แต่ฉัน..."

"ฉันไง ปะ..."

"ฉันไม่รู้จักเธอ"

เขาบิดแขนออกจากมือฉันเมื่อเขายังมีท่าทีปวดหัวอยู่ แต่ที่เขาพูดหมายความว่าอะไร...

ไม่รู้จักฉันเหรอ?

"ฉันรู้ว่านายโกรธ แต่อย่าพูดแบบนี้"

ฉันพูดพร้อมกับจับแขนเขาอีกครั้ง ฉันอยากจะคุยอยากจะปรับความเข้าใจกับเขา

"นายรู้จักฉันดี"

"ไม่..."

"อย่าทำแบบนี้"

ฉันเริ่มเขย่าแขนเขา น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาหัวใจฉันเริ่มสั่นเมื่อถูกเขาตวัดสายตาเกรี้ยวกราดใส่พร้อมกับสะบัดแขนออกจากมือฉัน

"ฉันขอ..."

"ฉันปวดหัว!"

เขาเริ่มขึ้นเสียงจนฉันตกใจและแทบจะไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้ ทำไมเขาเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไม!

"ฉัน..."

"เธอทำให้ฉันปวดหัวมาก...อย่าเข้ามาใกล้ฉัน"

เขาถอยห่างออกจากฉันพร้อมกับพูดห้ามจนน้ำตาฉันไหลออกมาในที่สุด

เข้าใกล้ไม่ได้เหรอ? ทำไมกัน...

สวบ~

"บอกว่าอย่าเข้ามาไง!"

"วายุ มองหน้าฉันสิ นายจำฉันได้นายรู้จักฉันอย่าทำแบบนี้"

"ไม่"

"วายุ..."

"แม่งเอ้ย!"

เขาเหมือนสติแตกเมื่อฉันพยายามจะเข้าไปหาเขาแต่เขาก็ถอยออกห่างฉันตลอด

กึก~

ฉันจะก้าวเข้าไปหาเขาอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีใครอีกหลายคนวิ่งมาตรงนี้ ฉันมองผู้หญิงร่างบางที่เข้ามาสวมกอดเขาไว้เธอตวัดสายตามองฉัน

"นีน่า..."

ฉันครางชื่อผู้หญิงคนนั้นออกมาพร้อมกับกวาดสายตามองผู้ชายอีกสามคนที่เป็นเพื่อนสนิทกับวายุด้วย พวกนั้นมองฉันพลางเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เห็นฉันมาโผล่ที่นี่

ทุกคนในที่นี้ฉันรู้จักพวกนั้นดี...

"วายุ ใจเย็นๆนะ"

นีน่าหันไปพูดกับเขาพร้อมลูบหลังปลอบประโลมให้เขาสงบลง ฉันมองภาพนั้นพร้อมกับปาดน้ำตาออกเพราะไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาโดยเฉพาะยัยผู้หญิงคนนั้น!

"กลับได้มั้ยนีน่า ฉันปวดหัว"

วายุพึมพำออกมา ท่าทีเขาดูสงบลงแต่เขาไม่แม้จะหันมามองฉันเลยด้วยซ้ำ แค่หางตาก็ไม่มีด้วย

"ได้สิ เดี๋ยวเรากลับกันนะ"

นีน่าพูดพร้อมกับตวัดสายตามาที่ฉันอีกครั้ง

"..."

ฉันกัดฟันมองจ้องตากับเธอ

"ไปเถอะนีน่า"

จนสุดท้ายวายุเป็นคนกระตุกแขนนีน่าแล้วลากเธอออกไปจากที่นี่โดยไม่หันมาสนใจฉันอีกเลย ฉันได้แต่มองตามหลังสองคนนั้นพร้อมกับพวกเพื่อนของเขาที่ก็ทยอยเดินออกไปอย่างสับสน

"พี่คราม"

กึก~

สุดท้ายปากของฉันก็เอ่ยเรียกเพื่อนคนหนึ่งของวายุที่เดินรั้งท้ายไว้ ร่างสูงหยุดชะงักพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ

เมื่อก่อนฉันกับเขาก็สนิทกันมากเพราะพี่ครามเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของวายุด้วย

"หายไปนานเหมือนกันนะ ฟ้า"

พี่ครามพูดแต่ยังไม่ยอมหันกลับมาหาฉันเลย เขาคงโกรธเหมือนกันที่ฉันหายไปแบบนั้นและทำให้เพื่อนเขาเจ็บปวด เขาเป็นคนรักเพื่อนมาก...ฉันรู้

"ฟ้ามีเหตุผล"

"จะมาอธิบายตอนนี้เหรอ?"

พี่ครามหันกลับมามองฉัน เขาเสยผมขึ้นพลางเงยหน้าแล้วถอนหายใจอย่างอึดอัด

"ไม่ทันหรอก"

"ก็แค่สองปีที่ฟ้าหายไป..."

ใช่ มันแค่สองปีเอง เขาจะรอฉันไม่ได้เลยเหรอ

"ใช่ แค่สองปี...แต่มันไม่ทันไง"

"..."

"รู้มั้ยแค่สองปีที่เธอบอก อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปได้ทั้งนั่น"

"วายุคบกับนีน่าจริงๆเหรอคะ?"

"อืม สองคนนั้นคบกัน"

ไม่จริง ฉันไม่อยากเชื่อ!วายุไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจง่ายๆแบบนั้น

"และก็มีความสุขดีอยู่แล้ว"

"แต่..."

"อย่ากลับมาทำร้ายมันอีกเลย แค่นี้ก็แย่พอแล้ว"

สิ่งที่พี่ครามพูดมาทำให้ฉันจุก คำพูดของฉันถูกกลืนลงคอไปจนหมด

ใช่ ฉันเคยทำร้ายเขา...

"อย่าทำให้มันจำเธออีก เพราะยังไงซะ...มันก็ลืมเธอไปแล้ว"

"พี่หมายความว่าไงคะ?"

"..."

"พี่คราม..."

ฉันคะยั้นคะยอพี่ครามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อล้น จนพี่ครามยอมถอนหายใจแล้วพูดออกมา

"วายุน่ะ...มันความจำเสื่อมไปแล้ว"

"มะ ไม่จริง!"

"เธอไม่ได้อยู่ในความทรงจำมันอีกแล้ว…ปลายฟ้า"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel