8 ความทรงจำ
ปรานไหมยังจำความรู้สึกนั้นได้ว่ามันเป็นอย่างไร เธอทั้งตกใจและตื่นเต้นอย่างที่สุด เป็นประสบการณ์ใหม่ แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกดี เพราะคนที่ให้ประสบการณ์นี้คือชายที่เธอทั้งรักและบูชาเป็นที่สุด คืนนั้นกว่าเธอจะหลับลงได้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมง
ภัคพงศ์ก็ยังไม่กลับมาจนเธอเผลอหลับไป และมาตื่นในตอนเช้าไร้ซึ่งเงาและร่องรอยการกลับเข้ามานอนของภัคพงศ์
แต่นั่นปรานไหมก็ยังไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด มันหลังจากนั้นต่างหาก หลังจากที่เขาให้ไม่รั้งเธอก่อนบินไปเรียนที่อังกฤษ และตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ปรานไหมมั่นใจเลยว่าภัคพงศ์หลบหน้าเธอ เขาไม่เคยไปหาเธอเลยสักครั้ง และก็ไม่เคยมาที่บ้านภูเก็ตอีกเลย เขาบ้างานและอยู่แต่คอนโดของเขา
ภัคพงศ์อ้างกับบิดามารดาเธอว่าต้องทำงานและมีวันหยุดน้อยเลยไม่ได้กลับบ้านและบินไปหาเธอ ทำไมชีวิตเขามีแต่ งาน ๆ การกระทำแบบนั้นของภัคพงศ์ทำให้ปรานไหมรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าที่สุด
หลังจากที่ปรานไหมกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ เธอก็พยายามที่จะใช้ชีวิตให้เป็นปกติทั้งในด้านความรู้สึกและกิจวัตรที่ตลอดสิบแปดปีที่อยู่เมืองไทยภัคพงศ์จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกับเธอทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องเรียนที่บางอย่างเธอไม่เข้าใจก็จะถามเขาตลอดภัคพงศ์จะมีเวลาให้กับเธอทุกครั้ง ยามที่เธอต้องการเขา
ภัคพงศ์สังเกตว่าปรานไหมเหม่อ ๆ กำลังตกอยู่ในภวังค์คิดอะไรอยู่ก็เลย ค่อย ๆ ขยับเดินเข้าไปหา เพียงก้าวที่สองปรานไหมได้สติกลับมาพร้อมถอยห่างเขาไปสองก้าวทันทีเพื่อรักษาระยะห่างไว้ ภัคพงศ์หยุดการลุกล้ำและจ้องมองเข้าไปในดวงตานั้นอย่างท้าทาย
ปรานไหมก็ไม่ยอมแพ้เมื่อเจอสายตาท้าทาย ถ้าหลบตาก็จะหาว่าเธอกลัว ภัคพงศ์ก้าวเข้าไปหาปรานไหมอีกหนึ่งก้าวและเป็นไปตามที่คาด ปรานไหมถอยหนึ่งก้าว แต่ก็ไม่ยอมละสายตาจากกัน และก็เหมือนเดิมภัคพงศ์เดินเข้าไปอีกหนึ่งก้าวปรานไหมก็สนองกลับเหมือนเดิม ภัคพงศ์ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากตามเอกลักษณ์นิสัยของเขาที่ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้
ปรานไหมเอะใจกับรอยยิ้มนั้น แต่ช้าไปแล้วเมื่อคราวนี้ภัคพงศ์เปลี่ยนเป็นก้าวยาวๆ และเร็วขึ้น ปรานไหมตกใจถอยหลังแต่ได้แค่เพียงก้าวเดียวเธอก็หงายหลังลงสู่พื้นผิวเตียงกว้าง ที่เพิ่งมีคนมาทำความสะอาดเตรียมไว้รอคอยการกลับมาของหญิงสาว
“ว้าย!!!!” ปรานไหมร้องออกมาด้วยความตกใจ และร้องออกมาอีกครั้งเมื่อภัคพงศ์ตามลงมาใช้ทั้งแขน ขา และรวมถึงตัวเขาทั้งตัวกักขังตัวเธอไว้
ตาจ้องตากันโดยที่ใบหน้าห่างกันแค่หายใจรด ชายหนุ่มลดสายตาลงมามองที่ปากบางสีชมพูอ่อนๆ ที่เคลือบด้วยลิปสติกบางๆ
เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ด้วยวัตถุประสงค์เดียวที่ตลอดสี่ปีมานี้ต้องหักห้ามใจ ทั้ง ๆ ที่โหยหาเป็นที่สุด
“อืม!...ปล่อยนะ” ประโยคแรกในรอบสี่ปีที่ปรานไหมพูดกับเขา เพื่อมาขวางกั้นการบรรลุวัตถุประสงค์ของเขา
“ยอมพูดออกมาจนได้” ปรานไหมแสร้งมองไปทางอื่นทันที เพราะตอนนี้ผิวหน้าอมชมพูของเธอขึ้นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด เพราะเสียงกระซิบที่ตอบกลับมานั้นห่างริมฝีปากเธอแค่มดวิ่งผ่านได้เท่านั้น
ปรานไหมเม้มปากแน่นตามสัญชาตญาณโดยทันที
เพียงแค่ภัคพงศ์ขยับใบหน้าอีกนิดเดียว เขาก็กำลังจะได้ในสิ่งที่เขาต้องกักเก็บมันไว้ตลอดสี่ปี ปรานไหมหลับตาลงพร้อมกับเม้มปากบางนั้นด้วยความรู้สึกที่สับสน ไม่รู้ว่าโหยหาหรืออยากผลักไส แต่ปรานไหมก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนหนีออกจากการเกาะกุมนี้
ครืด...ครืด... ภัคพงศ์หยุดชะงักความตั้งใจทันที เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของปรานไหมสั่น เธอตั้งรับแบบสั่น แต่ภัคพงศ์ก็ยังได้ยิน ปรานไหมลืมตาและดิ้นรนออกจากการเกาะกุม ภัคพงศ์ก็ปล่อยอย่างง่ายดาย และนั่งอยู่ที่ปลายเตียงแต่ก็ไม่ลืมที่จะรั้งเอวปรานไหมเอาไว้ ก่อนที่เธอจะลุกออกไปไกล
“ปล่อยนะ...”
“ไม่ปล่อยจะรับก็รับสิ..แล้วให้พี่ฟังด้วย” ภัคพงศ์ยื่นข้อเสนอ
“อืม!” ปรานไหมแกล้งตกลงเมื่อได้ที จึงพยายามจะลุกออกจากอ้อมกอดไปให้ไกลจากเขา และไม่ทันที่ภัคพงศ์จะได้พูดอะไรต่อไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งจากที่รอบแรกปรานไหมไม่ได้รับ ภัคพงศ์ส่งสายตาให้ปรานไหมรับสายตรงนี้
“ไหม แกอยู่ไหน ไหนบอกว่าจะยืนรออยู่หน้าบ้านไง ฉันมาจอดรถรอแกนานแล้วนะโว้ย!!....ไหนว่ารีบนักรีบหนา” ตุ๊กตาใส่ปรานไหมเป็นชุดทันที โดยที่เธอยังไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแค่กดรับสาย
“เอ่อๆ...รอตรงนั้นแหละ...กำลังไปแล้ว” ปรานไหมอยากจะหยิกแขนเพื่อนตัวแสบให้หายโมโหสักที
‘ไม่ใช่เพราะแกมาช้าหรือไง ฉันต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้’ ปรานไหมคิดต่อในใจเมื่อวางหูจากเพื่อน
“จะไปไหน?” ภัคพงศ์ถามอย่างไม่พอใจ เพราะเขาก็ได้ยินเสียงปลายสายนั้น ภัคพงศ์แนบหูของตัวเองกับโทรศัพท์ของปรานไหมอย่างที่ปรานไหมชอบทำกับเขาเมื่อก่อน
“จะบอกมั้ย?...โอเค!...ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องไป...
“ว้าย!!!...” ภัคพงศ์พูดพร้อมกับนอนลงไปอีกครั้งพร้อมดึงหมอนข้างมีชีวิตนามว่าปรานไหมตามลงไปด้วย
“พี่อยากนอนอยู่พอดี...ไหมนอนเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” ภัคพงศ์กระชับอ้อมแขนกอดรัดหญิงสาวมาแนบกายมากขึ้น
“ไม่ได้...เพื่อนมารออยู่หน้าบ้านแล้ว”
“อยากไป?”
“ใช่”
“อ้อนวอนขอร้องพี่สิ”
“ทำไมไหมต้องทำอย่างนั้นด้วย”
“ก็ตามใจ...งั้นพี่ก็จะกอดไหมเอาไว้แบบนี้แหละ...มีแรงดิ้นหนีไปได้ก็เอาสิ” ภัคพงศ์พูดพร้อมรัดวงแขนมากขึ้น โดยแผ่นหลังของปรานไหมแนบสนิทกับหน้าอกแกร่งของเขา
ภัคพงศ์สูดดมเส้นผมดำเงางามยาวสลวยของปรานไหมด้วยความถวิลหาและหลงใหลเป็นที่สุด
