3
Beautiful Lovers
“เอ๋? ” เสียงชัตเตอร์จากโทรศัพท์มือถือของฉันทำให้ลูก้าและโรเซียประหลาดใจ
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะ” ฉันบอกก่อนจะถ่ายรูปลูก้ากับโรเซียคู่กันอีกหลายรูป ยิ้มและถอนหายใจด้วยความสุขกับภาพคู่รักสวยไร้ที่ติที่ฉันถ่ายได้ ความรักของโรเซียกับลูก้าทำให้หัวใจของฉันอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อเลย
...ทั้งที่ฉันไม่เคยเชื่อในความรัก และที่จริง...ฉันเกลียดความรักด้วยซ้ำไป...
“เธอสองคนดูดีมากจริงๆ นั่นล่ะ” ฉันชมอีกครั้งจากใจ
“ขอดูด้วยคนสิ...อัยย์ ว้าว เธอถ่ายรูปเก่งจัง” ลูก้ากับโรเซียเอ่ยชมรูปในโทรศัพท์มือถือของฉัน ลูก้าขอให้ฉันเปิดไอจีของตัวเองให้พวกเขาดูรูปที่ฉันถ่ายเล่นไว้ด้วย
“พวกเธอสองคนดูดีเองต่างหากล่ะ เชื่อสิว่าต่อให้หลับตาถ่ายก็ยังสวย” ฉันบอก
“ไม่หรอก เธอพูดเกินไปแล้วล่ะ ฉันว่าเธอถ่ายรูปเก่งต่างหาก ดูเธอจะมีพรสวรรค์ด้านนี้นะ” ลูก้ายิ้มให้ฉันก่อนจะเลื่อนดูรูปในไอจีของฉันต่อไป
“ดูอะไร? ” อยู่ๆ น้ำเสียงเรียบห้วนก็ดังขึ้นเหนือหัวไหล่ของฉัน ทำให้ฉันรู้ว่าอเล็กซ์กลับขึ้นมาที่ขอบสระแล้ว เขาคว้ามือถือของฉันไปจากลูก้าเพื่อที่ปลายนิ้วเรียวยาวพราวหยดน้ำจะเลื่อนดูรูปในโทรศัพท์มือถือของฉันบ้าง ดวงตาสีดำงดงามที่จ้องมองรูปของฉันดูเรียบนิ่งและอ่านยาก
“ไม่ถ่ายหน้า? ” อเล็กซ์ถามขึ้นลอยๆ ราวกับต่อว่า “ถ่ายแต่รองเท้า?”
“นั่นสิ” ลูก้าพูดเสริม “เธอไม่ถ่ายหน้าตัวเองเลยนะอัยย์ อีกรูปนี่ก็ถ่ายแค่มือของตัวเองที่ชูไอศกรีมสีชมพูขึ้นฟ้า”
ลูก้าเลื่อนรูปภาพต่อไปอีก “รูปดอกหญ้า รูปหน้าแมว รูปนี้เธอถ่ายหน้าตัวเองแล้วแต่เห็นแค่จมูกกับปาก รูปพวกนี้มันก็ดูอาร์ตดีหรอกนะ แต่ฉันรู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้”
“ไม่แปลกหรอก มีคนหลายคนในโลกที่ไม่ค่อยถ่ายรูปหน้าตัวเองนะ” ฉันแก้ตัว
“แล้วนี่พอถ่ายรูปตัวเองเต็มตัวก็ถ่ายหันหลังซะอย่างนั้น เป็นเซลฟี่ที่ฉันไม่เข้าใจเลย” โรเซียพูดบ้างก่อนจะหันมาถามฉัน “อัยย์ เธอเป็นพวกต่อต้านสังคมหรือเกลียดตัวเองเหรอ? ”
“โอเค ฉันยอมรับก็ได้ว่ารูปของฉันออกจะแปลกๆ ขอโทษนะ” ฉันถอนหายใจ “แต่แค่ ‘แปลก’ นะโอเคไหม? มันไม่ใช่รูปถ่ายที่ดีพอจะเรียกว่าอาร์ตหรอก”
พอพวกเขาทักฉันก็ต้องยอมรับว่ารูปถ่ายของฉันดูแปลกประหลาดจริงๆ เสียด้วย รูปหนึ่งฉันก้มถ่ายแต่รองเท้าของตัวเอง อีกรูปหนึ่งฉันถ่ายตัวเองเล็กจิ๋วแต่ทิวทัศน์เวิ้งกว้างกว้างไกล ส่วนอีกรูปฉันถ่ายลายมือแสนธรรมดาของตัวเองที่เขียนข้อความตลกๆ เอาไว้ ก่อนจะลงลายเซ็นเต็มรูปแบบราวกับข้อความนั้นเป็นวาทะของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...
“ฉันก็แค่คนธรรมดา” ฉันบอกพวกเขา “ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ”
“ฉันรู้แล้วล่ะ อัยย์เป็นฮิปสเตอร์” ไรอันหาทางตั้งหมวดของความเป็นมนุษย์ให้ฉัน เขาสงสารและกลัวว่าฉันจะเป็นพวกแปลกแยกที่ไม่มีใครอยากคบละมั้ง อาจใช่ แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือฉันไม่สนใจสักเท่าไหร่ว่าใครจะคิดกับฉันอย่างไร
“ใช่ไหมอัยย์? หรือเธอเป็นอินดี้? ” โรเซียถามบ้าง
“ฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่ใช่คนประเภทไหนทั้งนั้น” ฉันส่ายหน้า “ฉันไม่เท่พอที่จะจัดไว้ในกลุ่มไหนหรอก แล้วฉันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเหมือนพวกนายหรอกนะ เพราะฉะนั้นเลิกพูดเรื่องฉันกันได้แล้ว...”
“หรือเบื่อหน้าตัวเอง? ” อเล็กซ์ถามขึ้นบ้าง ดวงตาสีดำสนิทคมกริบนิ่งมองฉันราวกับจับวาง บางทีเขาอาจกำลังเยาะเย้ยหรือดูถูกฉัน
“หรือหน้าไม่สวย? ” เขาถามอีก และแต่ละคำถามของอเล็กซ์ก็ทำให้ฉันชักสีหน้า ถึงจะเป็นความจริงที่ฉันไม่เคยคิดถ่ายรูปหน้าของตัวเองเพราะไม่เห็นว่ามันสวยหรือน่าสนใจตรงไหนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาพูดหยาบคาย อีกอย่างเขาต่อว่าฉันหลายครั้งแล้วด้วย!
“เขาเรียกว่า ‘แนว’ ต่างหากอเล็กซ์” แอนแก้ตัวให้ฉัน ไม่พลาดที่จะหาคำศัพท์ของกลุ่มคนประหลาดมาจัดประเภทให้ฉันบ้าง “แต่เรียกเท่ๆ ว่าฮิปสเตอร์เหมือนที่ไรอันบอกก็แล้วกัน ฉันเห็นด้วยกับไรอัน”
ดูแอนกับไรอันจะเข้าใจกันดีเหลือเกิน เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ
“เฮ้ แต่อัยย์ถ่ายรูปคนเก่งมากนะ รูปพวกนี้ดูเหมือนงานของมืออาชีพเลย บางรูปสวยกว่าด้วยซ้ำไป” ไรอันเอ่ยชมฉันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขากำลังชะโงกหน้าดูโพสต์เก่าๆ ของฉันที่อเล็กซ์เลื่อนดูอยู่ ส่วนแอนก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยอีกเสียง
“แค่รูปเพื่อนๆ เท่านั้นล่ะ พวกนั้นชอบแต่งหน้าทำผมแล้วก็โพสต์รูปตัวเองวันละหลายครั้ง บางทีพวกเธอหาคนถ่ายรูปให้ไม่ได้ก็เลยมาขอให้ฉันถ่ายให้” ฉันอธิบาย
“เธอรับจ้างถ่ายรูปให้พวกเขาเหรอ? ” โรเซียถาม
“ฉันถ่ายฟรีจ้ะ ฝีมือแบบนี้คิดเงินใครไม่ได้หรอก” พูดจบฉันก็ดึงโทรศัพท์มือถือกลับจากมือของอเล็กซ์ พวกเขาจะได้เลิกสนใจเรื่องส่วนตัวที่น่าเบื่อหน่ายของฉันเสียที
“ฉันมีข่าวดีมาบอกล่ะ ปีหน้าฉันกับลูก้าจะหมั้นกัน” โรเซียพูดขึ้น ข่าวตื่นเต้นของเธอทำให้เพื่อนๆ เฮลั่น แล้วเธอหันมาพูดกับฉัน “อัยย์ ตอนที่เราจัดงานที่อังกฤษเธอช่วยถ่ายรูปให้เราได้ไหม ฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอฟรีและจองห้องพักในโรงแรมเดียวกับเราให้ด้วย”
“เอ๋? ทำไมล่ะ!?” ฉันร้องเสียงดังและโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้หรอก ฉันถ่ายรูปไม่เก่งขนาดนั้นแล้วก็ไม่คู่ควรจะถ่ายรูปงานหมั้นให้เธอด้วย”
“แต่เธอถ่ายรูปสวยมากนะ ฉันไม่เคยเห็นใครถ่ายรูปได้ดูน่าสนใจเท่านี้มาก่อนเลย”
“ฉันเนี่ยนะ!? ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า” ฉันส่ายหัวและโบกมือปฏิเสธเร็วขึ้นอีกจนแม้แต่ตัวเองยังตาลาย ทำให้ลูก้ากับโรเซียหัวเราะสนุกสนาน
“เลิกถ่อมตัวได้แล้ว ฉันชอบรูปถ่ายของเธอมากจริงๆ นะ เธอต้องถ่ายรูปให้ฉัน ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน”
“แต่...”
“ถ้าเธอไม่ยอมฉันจะร้องไห้แล้วนะ” โรเซียเริ่มบีบน้ำตา
“เดี๋ยว อย่านะ” ฉันเดือดร้อนต้องจนกระโดดลุกขึ้นห้าม “ถ้าอย่างนั้น...แล้วแต่เธอก็ได้ แต่ถ้าฉันถ่ายรูปไม่ถูกใจฉันต้องขอโทษล่วงหน้านะ”
“ต้องอย่างนั้นสิ ขอบคุณเธอมากนะ” โรเซียกระโดดกอดฉัน ดะ...เดี๋ยวสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าเราเพิ่งรู้จักกัน? “อัยย์เธอน่ารักที่สุดเลย! ”
อ้อมกอดนุ่มนิ่มของโรเซียทำให้ฉันหน้าแดง อา...ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย นี่ความฝันสูงสุดในชีวิตของฉันที่อยากได้ไปต่างประเทศสักครั้งกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาง่ายๆ แบบนี้เองเหรอ? ไม่น่าเป็นไปได้ ฉันโชคดีเกินไป...
ที่สำคัญทำไมฉันถึงมารู้จักกับเจ้าหญิงที่แสนสวยและใจดีขนาดนี้ได้นะ โรเซียไม่ใช่แค่นางแบบหากแต่เป็นนางฟ้า จริงสิ เธอต้องเป็นนางฟ้าประจำตัวฉันแน่ๆ และฉันสัญญาว่าจะรักและดูแลนางฟ้าประจำตัวคนนี้อย่างดีที่สุดเลยล่ะ ฉันไม่เคยมีความสุขและหลงรักใครเท่านี้มาก่อนเลย!
แล้วอยู่ๆ นางฟ้าของฉันก็ลุกขึ้น “ฉันจะตามเลอาห์ไปที่สปาก่อนนะ อัยย์อยากไปกับฉันไหม? โรงแรมแวนครอฟของอเล็กซ์ได้ชื่อว่ามีสปาที่ยอดเยี่ยมติดอันดับโลกเลยนะ”
“คนบ้าจี้อย่างฉันคงะไปนวดไม่ได้ ขอไม่ไปด้วยดีกว่าจ้ะ” ฉันปฏิเสธอย่างสุภาพ
“งั้นก็ไม่เป็นไร ไว้เจอกันใหม่นะ” โรเซียยิ้มงดงาม และฉันมองตามเธอที่เดินจากไปด้วยความคิดถึงและเสียดาย
พอโรเซียไม่อยู่เพื่อนๆ ก็ดูเงียบลงไป ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าแอนกับไรอันไม่ได้อยู่ข้างๆ ฉันแล้ว ไม่รู้ว่าสองคนนี้ลุกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลานี้ที่ริมสระเหลือแค่ลูก้า อเล็กซ์และฉัน ก่อนที่อีกครู่เดียวอเล็กซ์จะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวริมสระทำให้เหลือแต่ฉันกับลูก้าที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“อัยย์ชอบมาเที่ยวทะเลเหรอ? ” ลูก้าถามฉัน
“ใช่ ชอบมากเลยล่ะ”
“เหมือนกัน”
“แต่ที่จริงฉันไม่ได้มีเงินขนาดที่จะมาพักโรงแรมสุดหรูแบบนี้ได้หรอกนะ ต่อให้เก็บเงินทั้งชีวิตก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าฉันมาพักฟรี”
“พักฟรี? ” ลูก้าประหลาดใจ “โรงแรมแพงขนาดนี้พักฟรีได้ด้วยเหรอ? บอกวิธีฉันบ้างสิ”
“ดื่มชาเขียวไง”
“ดื่มชาเขียวแล้วทำไม? ”
“แอนเพื่อนฉันไม่ได้กินดื่มขวดเดียวนะสิ เธอดื่มเยอะมากจนทำให้จับฉลากชนะรางวัลที่พักฟรีนี้มาได้”
“นี่พวกเธอมาด้วยรางวัลจากบริษัทชาเขียวอย่างนั้นเหรอ!? “ลูก้า
ประหลาดใจ “ถ้างั้นต้องกินกี่ขวดล่ะ? ”
“ฉันไม่รู้หรอก”
“ลองเดาก็ได้”
“หนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยแปดหกเจ็ดขวด”
“อะไรนะ!? ” ลูก้าแทบหงาย “เดี๋ยว เมื่อกี้เลขมั่วใช่ไหม? ”
“ฉันพูดเล่น แค่หนึ่งพัน...มั้ง...”
ลูก้าอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะชอบใจ “ถึงอย่างนั้นก็เหอะ แอนที่น่าสงสาร ดื่มมากขนาดนั้นเธออาจจะเป็นโรคตาค้างก็ได้”
“ฮะๆๆๆ กินชาเขียวทำให้ผิวสวยและหน้าเด็กต่างหาก” ฉันแก้ตัวให้
“ไม่เชื่อหรอก กินเยอะขนาดนั้นตาต้องค้างแน่”
“ไม่หรอกน่า”
“อย่าอำฉันสิอัยย์”
“ฮ่าๆๆ จะให้ฉันพูดความจริงก็ได้ แอนตาค้างทุกคืนจนดูซีรี่ส์เกาหลีทั้งหมดที่ออกในช่วงสามปีมานี้ครบทุกเรื่อง ตอนนี้เธอนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรี่ส์ไปแล้ว”
“ฉันไม่เคยดูซีรี่ส์เกาหลีเลย นางเอกพวกนั้นเป็นแบบไหนเหรอ? “
“ก็...” ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสวมบทเป็นนางเอกเกาหลีให้ลูก้าดู ฉันพูดและทำท่าเหมือนในซีรี่ส์เรื่องล่าสุด ตีบทแตกกระจาย น้ำตาไหลพรากและโวยวายจนน่าจะได้รางวัลส้มเน่า จากนั้นฉันก็สวมบทนางเอกที่ดื่มชาเขียวจนตาค้างเพื่อล้อเลียนแอน ทำเอาลูก้าหัวเราะจนปวดท้อง
“โอย สงสารแอนจัง ต้องดื่มชาเขียวเยอะขนาดนั้น” ลูก้าหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
“ไม่ต้องสงสารคนแบบนั้นหรอก ดูสิทิ้งฉันไปสนุกกับไรอันถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
“เธอเหงาเหรอ? “
“เปล่า ไม่เหงาเลย”
ลูก้าหยุดหัวเราะและจ้องมองฉัน ดวงตางดงามที่ราวกับภาพวาดนั้นดูจริงจัง “เธอมีแฟนหรือยังอัยย์? ”
“เอ๋? เอ่อ...” ฉันงุนงงที่ลูก้าเปลี่ยนเรื่องคุยเร็วขนาดนี้ได้ “ยัง ฉันน่าเกลียด นิสัยก็แย่เลยไม่มีใครสนใจ”
“ฉันเห็นด้วย เธอนิสัยแย่จริงๆ ” ลูก้าหยักยิ้มงดงาม “แต่ก็ดีแล้ว”
“ดี? ทำไมล่ะ?”
“ก็...แค่คิดว่าดี ไม่มีอะไรหรอก” ลูก้าพูดเท่านั้นก่อนจะกระดกวอดก้าผ่านริมฝีปาก ดวงตางดงามบนใบหน้าที่เชื่อได้เลยว่าผู้หญิงทั้งโลกต้องหลงรักจ้องมองฉันอย่างครุ่นคิด
“แต่...เพราะอะไรล่ะ? ” เขาเอ่ยถาม “พอจะบอกฉันได้หรือเปล่าว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟน”
“ก็แค่ไม่อยากมี อยากเป็นโสด อยากอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต” ฉันตอบ
“อัยย์ เธอทำให้ฉันตลกอีกแล้ว” ลูก้ายิ้มงดงามอีก
“เอาเลย หัวเราะให้ขาดใจไปเลย แต่ฉันพูดจริง เรื่องนี้ไม่ได้ล้อเล่นเลย”
“ทำไมล่ะ? ”
“เฮ้อ...ก็...”
นี่ฉันต้องเล่าจริงๆ ใช่ไหม...? เรื่องน่าปวดใจพวกนั้นที่อยากจะลืมแต่ก็ลืมไม่ได้...
“พ่อของฉันเป็นผู้ชายหลายใจ พ่อทิ้งแม่ไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม่ของฉันรอพ่อมาตลอดและไม่เคยรักใครอีก แต่สำหรับฉันแม่ทั้งสิ้นคิดและเปราะบาง แล้วเธอก็ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับตัวเองไปวันๆ เท่านั้น” ฉันถอนหายใจ
“แย่จัง ฉันเสียใจด้วยนะอัยย์”
“แล้วพ่อก็ไม่เคยกลับมา” ฉันกำมือ หยุดพูดเมื่อสังเกตว่าตัวเองกำลังเสียงสั่น ฉันไม่เคยโกรธพ่อน้อยลงทั้งที่เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว
ลูก้าเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นฉันที่ร่าเริงมาตลอดเกิดเสียใจขึ้นมากะทันหัน เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจลุกมานั่งฝั่งเดียวกันและเคลื่อนมือมาตบไหล่ฉันดังตุบๆ
แล้วเราก็นิ่งกันไป ครู่หนึ่งลูก้าก็หันไปรับแก้วเครื่องดื่มจากบริกร ก่อนจะยื่นแก้วแวววาวที่บรรจุของเหลวสีกุหลาบงดงามให้ฉัน “สำหรับเธอ”
“เอ๋? ทำไมต้องให้ฉันด้วยล่ะ? ”
“สำหรับเด็กดีและเพื่อนใหม่” ลูก้ายิ้มบางอย่างอ่อนโยน “ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่า แต่ไม่มีแอลกอฮอล์หรอกนะวางใจได้”
“ขอบใจนะ แต่...” ฉันนิ่งไป ลูก้าจ้องมองฉันที่กำลังเม้มปากและกำแก้วแน่นก่อนจะเปล่งเสียงดัง “แต่คิดเรื่องนี้แล้ว...ฉันอยากเมา! ”
ฉันหายเศร้าแล้วและกลับมาเป็นคนตลกเฮฮาเหมือนเดิมด้วยท่าทางสั่งเหล้าราวกับนักเลง “เฮ้ พี่ชาย เอาเหล้ามาหน่อยค่ะ! ”
“อัยย์...? “ ลูก้าอ้าปากค้าง เขาคงจะงงน่าดูที่อยู่ๆ ฉันซึ่งเมื่อกี้เปราะบางเหมือนนางเอกถูกนางอิจฉาทำร้ายกลับกลายเป็นนางเอกหนังแอ็คชั่นไปได้ ฉันมักจะคลายความเศร้าให้ตัวเองง่ายๆ แบบนี้ เพราะคิดถึงเรื่องที่พ่อทิ้งแม่ไปเมื่อไหร่ก็ทำให้ฉันเซ็งสุดขีดได้ทุกทีสิน่า แล้วท่ากระดกพันช์เข้าปากราวกับสาวห้าวของฉันก็ทำให้ลูก้าหัวเราะลั่น
ฉันชอบทำแบบนั้นล่ะ...ชอบทำให้คนรอบข้างยิ้มและสนุกสนาน ถึงบางครั้งภายในหัวใจของฉันจะรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เพราะที่จริงแล้วภายในหัวใจของฉันนั้นทั้งเหงา เงียบงัน และราวกับไม่มีใครสักคนในโลกที่เข้าใจ…
