EP.8 | ดูแล
#8
“ไอ้เชี่ยย กูไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง” เป็นไอ้เฟิร์สที่ทำสีหน้ากวนประสาทเบื้องล่างผม พร้อมยกมือขึ้นทาบอกเป็นเชิงไม่อยากเชื่อเรื่องที่ผมพูดสักเท่าไหร่
“ที่ผ่านมากูไม่เคยเห็นมึงจริงจังกับใคร” ไอ้เจย์มันว่า
“ไม่ใช่แค่ฟาโรห์หรอกที่ไม่จริงจังกับใคร ยัยพระพายเองก็ไม่เคยจริงจังกับใครนายก็รู้ ที่ผ่านมาชื่อเสียงของยัยนั่นเน่าเฟะจะตาย โดนผู้ชายฟันทั้งมอแล้วมั้ง” นี่เป็นเสียงของหนึ่งในเพื่อนร่วมคลาสของผมเอง
โครม!!!
ผมถีบเก้าอี้ตัวที่อยู่ด้านหน้าจนมันล้มไปกองอยู่ที่พื้นด้วยความไม่พอใจพร้อมตวัดสายตาไปมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่อย่างกรุ่นโกรธ
“พูดให้มันดี” ผมพูดกับนิ้งเพื่อนในกลุ่มของจีน่าออกไป
“ก็...เรื่องจริงนี่ ข่าวลือเรื่องยัยนั่นหนาหูจะตายไป” เธอขยับปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่มีไรจริงสักอย่าง” ผมพูดพร้อมกวาดสายตามองไปรอบห้อง อีกไม่นานข่าวเรื่องที่ผมขอพายเป็นแฟนคงกระจายไปทั่วมอ ในคลาสผมมีแต่พวกสาวๆขาเม้าท์ทั้งนั้น ไม่แปลกที่ผ่านมาเรื่องระหว่างผมกับพายถึงได้มีคนใส่ใจเยอะขนาดนี้
“มึงก็หลงพระพายเกิน คนอื่นเขาก็รู้ทั้งนั้นว่าเด็กมึงง่ายใครก็ได้ทั้งนั้น มึงจะคบกับใครพวกกูไม่ว่าหรอก แต่กับคนนี้ กูว่า...” นี่เป็นเสียงเพื่อนอีกคนในคลาส ไอ้นี่มันไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เพราะมันเคยจีบพายแล้วพายไม่เล่นด้วยไงล่ะ
“เรื่องส่วนตัวของกูไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาสอด” ผมพูดกับไอ้แซค
ใช่ ไอ้หมอนี่คือไอ้แซค เป็นคนที่พระพายเคยปฏิเสธก่อนหน้าที่เธอจะตกลงปลงใจคุยกับผม ผมไม่เคยรู้ว่ามันเคยจีบพาย เพิ่งรู้เมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนเพราะได้ยินมันคุยกับเพื่อนอีกคนในกลุ่มมันพอดี
“หึ เดี๋ยวตอนมึงโดนเขี่ยทิ้งมึงก็รู้ พอเค้าได้มึงแล้วเดี๋ยวเค้าก็เบื่อมึง เหมือนคนอื่นนั่นแหละ” มันพูดราวกับว่าเป็นห่วงผมซะเต็มประดา
“ถึงวันนั้นค่อยมาห่วงกูก็ไม่สาย” ที่ผมเข้าหาพระพายเพราะผมจริงใจกับเธอ ไม่ได้แค่อยากจะหลอกฟันเธอแบบไอ้สันดานเสียพวกนั้นเมื่อไหร่
“แล้วอีกอย่าง...” ผมพูดพร้อมจ้องไอ้แซคไม่วางตา ก่อนที่จะพูดเพื่อให้มันเจ็บใจเล่นอีกประโยค “ที่บอกว่าพายง่ายกูอย่างให้มึงพูดใหม่ คนอื่นจะพูดยังไงไม่รู้ แต่กูเป็นผู้ชายคนแรกของพาย ถ้ามึงบอกว่าพายง่ายมึงคงได้ยินมาผิดๆ”
ผมไม่ได้อยากพูดถึงความสัมพันธ์ที่มันลึกซึ้งระหว่างผมกับพายให้คนอื่นรู้นักหรอก แต่เพราะผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจเธอผิดๆ ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเธอเป็นแบบในข่าวลือที่ใครๆก็พูดกัน ผมอยากให้คนพวกนั้นมองเธอใหม่ มันก็เท่านั้น
ถ้าผมมีใจให้ใครผมจะซัพพอร์ตเธอทุกอย่าง และจะซัพพอร์ตจนเต็มที่ ตอนนี้เธอกำลังโดนคนอื่นเข้าใจแบบผิดๆ ผมเลยอยากให้คนพวกนั้นทำความเข้าใจเรื่องเธอใหม่
ผมไม่อยากให้ผู้หญิงของผมดูไม่ดีในสายตาคนอื่น ถึงเธอจะแสดงออกว่าไม่ใส่ใจและไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเรื่องพวกนี้ แต่ผมสน ผมไม่อยากให้ใครหน้าไหนก็ตามมาพูดไม่ดีใส่เธออีก ผมแคร์ความรู้สึกเธอ
“หื้ม?/มึงว่าไงนะ?/เหลือจะเชื่อ/บ้าไปแล้ว” ผมได้ยินเพื่อนในห้องต่างก็พึมพำและอุทานออกมาอย่าง
ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ไงคะนักศึกษา มุงอะไรกัน อ้าว รพีพงศ์ นั่นเธอจะไปไหน?”
“ไอ้ฟา!!!”
ผมไม่มีอารมณ์จะเรียนส่วนหนึ่ง แล้วก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนเพราะเป็นห่วงพายก็ส่วนหนึ่ง เมื่อกี้อยากระบายความโกรธด้วยการประเคนหมัดหนักๆใส่หน้าไอ้แซคโคตรๆ แต่ติดตรงที่ผมมีจะมีเรื่องอีกไม่ได้แล้ว
ในรั้วมหาลัยมีไม่ได้ ออกไปข้างนอกถอดชุดนักศึกษาเมื่อไหร่สัญญาเลย ถ้ามันทำให้ผมหมั่นไส้หรือทำตัวอยากโดนตีนต่อหน้าต่อตาผมผมจะจัดหนักให้มันสักที
“พาย...” ผมเอ่ยเรียกร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มพร้อมวางซองยาที่เพิ่งซื้อมาลงบนโต๊ะข้างเตียง
ทั้งร่างกายเธอโผล่มาแค่เส้นผมสีน้ำตาลคาราเมลเท่านั้น
ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อผมเลยถือวิสาสะเลิกผ้าห่มออก พอผ้าห่มถูกเปิดออกผมถึงกับผงะกับไอร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของพาย
“ไปหาหมอดีกว่า ตัวร้อนจี๋เลย” ผมละฝ่ามือออกทันทีที่มันแตะโดนหน้าผากมนจนสัมผัสกับความร้อนบนร่างกายของพระพาย
ไม่รอช้าผมรีบช้อนตัวร่างเล็กขึ้นอุ้ม ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ตอนเธอไม่สบายยิ่งไม่เหมือนใครอยู่
ทันทีที่โดนอุ้มเจ้าของร่างก็ปรือตาขึ้นมอง ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำเพราะพิษไข้ ริมฝีปากบางซีดเซียว เผยอเล็กน้อยราวกับกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
“ฟา...” เธอเรียกชื่อผม ส่วนผมก็เดินไปด้วยอุ้มเธอไปด้วย
“ไป...ไหน...” เสียงหวานแหบแห้งยามที่เอ่ยถาม
“พาเธอไปหาหมอ” ผมตอบเธอ
“มะ...ไม่ไป” พายแย้งทันทีที่ผมกำลังจะบิดลูกบิดประตู
“ไม่ไปไม่ได้ เธอไม่สบายหนักขนาดนี้ ไปให้หมอดูหน่อย”
“ไม่ไป...” พายยังคงดื้อ เวลาไม่สบายเธอจะงอแงมากเป็นพิเศษ
“ไปแป๊บเดียว” ผมว่าพร้อมบิดลูกบิดเพื่อที่จะเปิดประตู
“แต่ฉันโป๊อยู่...” ผมเหลือบมองชุดของพายทันทีที่เธอพูดจบ มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าเธอไม่ได้ใส่ชั้นใน ที่ว่าโป๊คือไม่ได้ใส่ชั้นในสินะ
เธอคงไม่สบายตัวแหละ
“งั้นรอตรงนี้เดี๋ยวฉันไปหยิบให้” ผมบอกพร้อมวางพายลงบนโซฟาหน้าทีวี กำลังจะก้าวไปยังห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ของพระพาย
“มะ...ไม่ต้อง เดี๋ยวฉัน....” เธอทำท่าจะลุกจากโซฟาที่ผมเพิ่งวางลงเมื่อครู่แต่ลุกขึ้นมาได้ครู่เดียวก็เซจะล้มลงไปกองกับพื้น
ดื้อจริงๆ
ถ้าผมไม่เดินเข้ามาช้อนร่างของเธอเอาไว้ได้ทัน คงร่วงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วจริงๆ
“ไม่มีแรงแล้วยังจะดื้อ...” ผมดุร่างเล็กออกไปแบบไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไหร่ จะว่าไปที่เธอไม่สบายมันอาจเป็นความผิดของผมด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อคืนผมรังแกเธอทั้งคืนจนเธอแทบไม่ได้พักผ่อน
เมื่อเช้ายังว่าอยู่ว่าทำไมตัวเธออุ่นๆ ที่แท้ก็เพราะพิษไข้กำลังรุมเร้า พอตกบ่ายอาการเธอก็แย่แล้ว
แบบนี้จะให้ผมอยู่ห่างจากเธอได้ยังไง ...
“รออยู่ตรงนี้ ฉันไปหยิบมาให้เอง” ผมพูดกับพายพร้อมพยักพเยิดหน้าไปยังห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ ส่วนเธอก็ทำได้เพียงพยักหน้าน้อยๆอย่างจำยอมแล้วเอนไปพิงพนักโซฟาพร้อมปิดเปลือกตาลง
ใบหน้าสวยละมุนแดงก่ำ หัวคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเป็นปม คงเป็นเพราะพิษไข้ทำให้เธอไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว เห็นแบบนั้นผมเลยรีบก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวของพาย
เมื่อเข้ามาถึงก็ยืนงงเป็นไก่ตาแตกกับตู้ขนาดใหญ่ที่มีประตูประมาณ...6บานเห็นจะได้ นี่ไม่นับตู้เล็กตู้น้อยที่วางพวกกระเป๋าทั้งแบรนด์เนมและแฟชั่นของเธอ ไหนจะลิ้นชักที่เยอะซะจน...ผมไม่อาจเดาได้ถูกมาชั้นในของเธออยู่ตรงไหน
“ตัวแค่นั้นจะมีตู้เสื้อผ้าไว้เยอะทำไม?...” ผมพึมพำกับตัวเองแล้วเริ่มลงมือเปิดตามลิ้นชักต่างๆเพื่อหาของที่ต้องการ เปิดไปเปิดมาก็เจอของที่หาอยู่นานร่วมนาที ผมหยิบเสื้อชั้นในมาให้พายหนึ่งตัว พอเห็นว่ามันเป็นแบบเซ็กซี่ก็เปลี่ยนใจ ลองหยิบตัวใหม่ขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นแบบเดียวกัน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหยิบเสื้อชั้นในสีชมพูหวานแหววมาถือไว้ในมือ เปิดลิ้นชักด้าล่างก็พบกับอันเดอร์แวร์หลากสีของพายที่ถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผมรู้ว่าพายเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเป็นเจ้าแม่แฟชั่น แต่ไม่ยักรู้ว่าการเลือกชุดชั้นในของเธอก็ยัง...นั่นแหละ
ถือว่าเธอเทสต์ดีใช้ได้
ผมชอบผู้หญิงเทสต์ดี
“ลุกไหวไหม?” ผมถามหลังจากที่แตะหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา ตัวเธอร้อนกว่าเมื่อกี้อีก
หรือว่าผมจะเช็ดตัวให้เธอก่อนดี?
“อือ...” ร่างเล็กครางพร้อมขยับตัว ผมจึง...
“ทะ…ทำอะไร?” พายถามหลังจากที่ผมทำท่าจะถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ที่เธอสวมอยู่
“ใส่ชั้นในให้เธอ” ผมตอบ
“มะ...ไม่ต้อง ฉัน...”
“ให้เธอใส่เองแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ ฉันใส่ให้และดีแล้ว ถอดก็เคยแล้ว ใส่ให้จะเป็นไรไป เห็นมาหมดแล้ว แค่นี้ไม่ต้องอายหรอก”
สีหน้าของพายที่มองมา “…”
โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“คนไข้อ่อนเพลียบวกไข้สูงมาก ยังไงคืนนี้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลไปก่อนนะคะ” ผมหันไปมองหน้าพายทันทีที่หมอวินิจฉัยอาการของเธอเสร็จเรียบร้อย
ร่างเล็กส่ายหน้าเป็นพัลวัน บ่งบอกว่าเธอไม่เต็มใจที่จะนอนค้างที่โรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ
“เธออาการไม่ค่อยดี อยู่ใกล้หมอน่าจะดีกว่า” ผมว่าพร้อมลูบหลังพายเบาๆ
“นอนดูอาการแค่คืนเดียว ถ้าดีขึ้นก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ” หมอช่วยพูดโน้มน้าว
“ผมขอเป็นห้องวีไอพีครับ” ผมหันไปบอกหมอแล้วก้มกระซิบกับพาย เพื่อให้เธอวางใจ “เดี๋ยวฉันนอนเป็นเพื่อน”
พายพยักหน้าน้อยๆอย่างจำยอมก่อนที่จะเอนศีรษะซบลงบนบ่าผม อาการหนักขนาดนี้ จะกลับไปอยู่ห้องได้ยังไง เมื่อครู่หมอยังบอกอยู่เลยว่าเธอไข้สูงมาก ไข้ตั้งเกือบ40องศาแถมยาก็ไม่ยอมกินตามที่รับปากกับผมไว้อีก อาการถึงได้หนักแบบนี้
ดื้อขนาดนี้ถ้าหายดีเมื่อไหร่อาจจะต้องมีลงโทษกันบ้าง โทษฐานที่ทำให้ผมเป็นห่วง
ในใจได้แต่คิดว่าถ้าผมรั้นที่จะเรียนจนจบคาบพายคงอาการหนักกว่านี้เป็นแน่
ผมนอนไม่หลับและไม่กล้าข่มตาหลับ นี่ก็ปาไปตีห้าแล้ว แต่ผมกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ผมกลัวว่าถ้าเผลอหลับเหมือนก่อนหน้านี้พายจะทรุดกว่าเดิม
อาการเธอหนักกว่าที่คิด เมื่อช่วงหัวค่ำหมอเข้ามาดูอาการพายพร้อมรายงานผลตรวจเพิ่มเติมของเธอด้วย พายเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนสักสายพันธุ์หนึ่งนี่แหละผมก็จำไม่ได้ จำได้แค่ว่าเธอเป็นไข้หวัดใหญ่และต้องหมั่นเช็ดตัวเพื่อบรรเทาอาการ
ตอนแรกผมนอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟา นอนไปนอนมาก็เผลอหลับไป ตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงพายเพ้อ ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูก ด้วยความไม่มีประสบการณ์ดูแลคนป่วยเลยกดเรียกพยาบาลให้เข้ามาช่วยดู จากนั้นพยาบาลก็สอนผมว่าควรทำยังไงบ้าง
หลังจากนั้น…ผมก็ไม่กล้าหลับอีกเลยทั้งคืน
พระพาย POV :
สามวันต่อมา
“เป็นไง ค่อยยังชั่วบ้างไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามทันทีที่ฉันลืมตาตื่น ใบหน้าดูดีทุกกระเบียดนิ้วเข้ามาแทนที่เพดานสีขาวสะอาดตาที่ฉันมองอยู่เมื่อครู่
“อืม...” ฉันตอบฟาโรห์ออกไปพร้อมลอบมองใบหน้าของเขา ทำไมขอบตาถึงได้คล้ำขนาดนั้นกันล่ะ
“นายไม่ไปเรียนรึไง?” ฉันเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ดื่มน้ำหน่อยนะ” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยหลังจากที่ประคองฉันนั่งบนเตียง
“ขอบคุณ...” ฉันเอ่ยขอบคุณเจ้าฟาโรห์ออกไปอย่างแผ่วเบา ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะนอนเฝ้าฉันอยู่ที่นี่อย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ แถมยัง...ดูเหมือนอดหลับอดนอนอีกด้วย
จำได้คร่าวๆว่าก่อนหน้านี้ฉันถูกเขาปลุกมากินข้าว พอป้อนข้าวฉันเสร็จเขาก็ป้อนยา ป้อนยาเสร็จฉันก็หลับไป วนอยู่แบบนี้กี่วันฉันก็จำไม่ได้ จำได้แค่ว่าตื่นมาฉันก็เจอหน้าเขา ก่อนหลับไปก็เจอเขา ตื่นมากลางดึกก็ยังเจอเขาเฝ้าอยู่ ลุกมาเข้าห้องน้ำก็ยังเจอเขา
ไม่ว่าจะตื่นขึ้นมาเวลาไหนฉันก็ยังเจอฟาโรห์นั่งอยู่ข้างกายตลอด
“ตัวยังร้อนอยู่เลย เช็ดตัวหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวฉัน...” ฉันเอื้อมไปคว้าท่อนแขนแกร่งเอาไว้ เพราะแบบนั้นเจ้าของร่างกำยำถึงได้หันกลับมามองหน้าฉัน
“ฟา...” ฉันเคลื่อนฝ่ามือไปกอบกุมฝ่ามือหยาบใหญ่ที่มีไอร้อนแผ่ออกมาบางเบา เจ้าของฝ่ามือทำเพียงมองหน้าพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าฉันจับมือเขาเอาไว้ทำไม
“ขอบคุณนะ...” ฉันเอ่ยพร้อมส่งยิ้มไปให้เขาบางๆ
ขอบคุณในที่นี้ของฉันคือของคุณจริงๆ ขอบคุณจากใจ ขอบคุณที่เขามีน้ำใจอยู่เฝ้าฉันทั้งๆที่พวกเราสองคน...ไม่มีสถานะต่อกันด้วยซ้ำ
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นจูบสักทีจะดีมาก” ฉันหน้าบึ้งทันทีที่เจ้าของฝ่ามือหยาบใหญ่ที่ฉันกุมอยู่พูดติดตลก
และรู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองบึ้งตึงกว่าเดิมเมื่อเขาเอ่ยประโยคถัดมา
“ฉันรังแกจนเธอป่วย ต้องดูแลก็ถูกแล้ว รู้งี้ไม่น่าเล่นท่ายากเลย ต่อไปจะระวังก็แล้วกัน^^”
