EP.9 | เปลี่ยนสถานที่
#9
ราวกับเรื่องตลกร้ายระหว่างพวกเราสองคน พอฉันฟื้นตัวจากไข้หวัดฟาโรห์ก็ติดฉันต่อ ทำให้ฉันต้องอยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาลถึงห้าวันเต็มๆ รวมๆแล้วฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลมาแล้วราวๆแปดวันแล้วก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะได้กลับบ้านกันรึเปล่า เนื่องจากฟาโรห์ยังไม่ค่อยฟื้นตัวดีนัก
เขาน่ะว่าแต่ฉันดื้อ พูดอะไรไม่ดูตัวเองสักนิด ทั้งอาหารทั้งยาถ้าฉันไม่บังคับเขาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมากินหรอก
เป็นแปดวันที่ฉันและฟาโรห์ไม่ได้ไปเรียน เพื่อนๆฉันและเขาต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมจนห้องวีไอพีที่เขาขอหมอไปตั้งแต่แรกรับแขกแทบจะไม่หมด
“งั้นพวกกูกลับก่อนนะ มึงกับพาย...เอ่อ...” เป็นเฟิร์สเพื่อนหน้าหล่อของฟาโรห์เอ่ยขึ้นแล้วจู่ๆก็ชะงักไปดื้อๆ ทำให้ฉันต้องเงยหน้าไปมองเฟิร์สว่าเขาหยุดพูดทำไม
ซึ่งพอเงยหน้าไปมองก็เจอเข้ากับสายตามืดครึ้มของฟาโรห์ที่มองเฟิร์สอยู่ เขามองราวกับไม่พอใจประดยคที่เฟิร์สเพิ่งพูดออกมาเมื่อครู่
“เออ กูขอโทษ งั้นเอาใหม่” เป็นเฟิร์สที่พูดออกมาแล้วมองทั้งฉันและฟาโรห์สลับกันไปมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“งั้นพวกกูกลับก่อน มึงกับพระพายจะได้พักผ่อน” แล้วฉันก็ถึงบางอ้อเมื่อรู้ว่าสาเหตุที่ฟาโรห์ไม่พอใจเฟิร์สนั่นคือเรื่องอะไร
เขาไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อฉันเหมือนที่เขาเรียก แต่สำหรับฉันมันไม่ได้แปลกเลยนะเพราะเพื่อนๆหรือคนรอบตัวก็เรียกชื่อฉันสั้นกันๆทั้งนั้น
“เออ แล้วก็ไม่ต้องพากันโผล่มาทุกวัน กูรำคาญ” ฟาโรห์พูดพร้อมโบกศรีษะเพื่อนเขาเป็นเชิงหยอกล้อ
“ไอ้ฟา ไอ้เด็กเหี้ย!”
“มึงสิเด็กเหี้ย เป็นน้องกูตั้งสองวันเสือกอยากเป็นพี่ ถ้ามึงอยากเกิดก่อนไมไม่บอกให้แม่มึงไปโรงบาลก่อนแม่กูล่ะ” ระหว่างที่ฟาโรห์และเฟิร์สไทม์กำลังถกเถียงกัน ฉันและเพื่อนคนอื่นๆของพวกเขาก็ได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะไม่รู้ว่าจะห้ามทัพพวกเขาสองคนยังไง
ห้าวันก่อนหน้าฉันเป็นคนห้าม แต่วันนี้รู้สึกว่าพลังงานน้อย อยู่ดีๆก็รู้สึกหูอื้อตาลายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จากเดิมจะเอ่ยปรามเด็กไม่รู้จักโตตรงหน้าทั้งสองคน ตอนนี้กลับทำได้เพียงนั่งมึนหัวอยู่บนโซฟาตัวยาวริมกระจกเท่านั้น
ก๊อกๆ
“ใครมาอีก นี่มันจะสองทุ่มแล้วมาไม่รู้เวล่ำเว...” เสียงเจย์ขาดหายไปทันทีที่เจ้าของน้ำหอมกลิ่นฉุนจมูกย่างกรายเข้ามาในห้อง
ฉันมองหน้าฟาโรห์ทันทีที่เจ้าของหุ่นเอ็กซ์แตกหยุดอยู่ตรงข้างเตียงเขา เท่านั้นยังไม่พอ เธอคนนี้ยังถือวิสาสะจับฝ่ามือเขาขึ้นมากุมไว้อีกต่างหาก
เป็นคนของฟาโรห์ เป็นผู้หญิงที่เสนอให้เขาเข้าหาเพื่อที่จะทำลายฉัน
เรื่องนี้ฉันเพิ่งได้ข่าวมาเมื่อสองวันก่อน ซึ่งข่าวนี้ก็ไม่ได้มาจากใครหรอก เป็นคนในวงในนั่นแหละ แต่ฉันยังไม่ขอเอ่ยว่าเป็นใคร
คนๆนี้รู้จักกับฉันประมาณนึง และยังเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของฟาโรห์และคนของเขาอีกด้วย
ที่ฉันใช้คำว่าคนของเขาเพราะสายข่าวนั้นพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจว่าทั้งจีน่าและฟาโรห์มีความสัมพันธ์ต่อกันแบบไหน
ฉันเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้าก่อนที่จะเตรียมตัวลุกจากโซฟาเพื่อออกไปยืดเส้นยืดสายด้านนอก
ขลุกตัวอยู่ในห้องมาทั้งวันแล้วเบื่อจะแย่
ออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยท่าจะดี...
แต่พอตั้งท่าจะลุกเท่านั้นแหละ อาการเวียนหัว คลื่นไส้คล้ายอยากจะอาเจียนก็เข้ามาแทนที่ ฉันวิ่งเข้ามาในห้องน้ำทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองไม่อาจข่มกลั้นความอยากอาเจียนเอาไว้ได้
“พาย!!!” ฉันได้ยินเสียงฟาโรห์ดังไล่หลังมาติดๆ
“พวกมึงกลับไปก่อน สงสัยเมียกูอาการกำเริบ...” ได้ยินเขาพูดกับเพื่อนๆออกไปเท่านั้นก็ปิดประตูลง
เมียบ้าเมียบออะไรของเขา พูดออกมาได้ไม่อายปาก หรือเพราะพูดเพื่อให้ฉันตายใจ
ฉันไปตกลงเป็นเมียเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
แค่แฟนยังไม่เคยตกลงกันเลย นี่ริอาจเลื่อนขั้นให้ฉันเป็นเมีย
บ้าบอ....
ฉันนั่งอยู่ในห้องน้ำราวๆห้านาทีหลังจากที่อาเจียนปลดปล่อยสิ่งที่กินไปเมื่อช่วงหัวค่ำออกจนหมดไส้หมดพุง
ก๊อกๆ
ได้ยินเสียงเคาะประตู ด้านนอก แต่ร่างกายนั้นไร้เรี่ยวแรงเนื่องจากการอาเจียนทำให้เสียพลังไปมากโข
ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูนั้นดังกว่าเมื่อครู่ แถมฉันยังได้ยินเสียงเรียก “พาย” ดังแว่วเข้ามาด้านในห้องน้ำ ฉันจึงลุกจากชักโครกอย่างโงนเงนเนื่องจากยังคงมึนงงวิงเวียนอยู่ การก้าวเท้าของฉันนั้นเชื่องช้ามาก ประตูห้องน้ำก็อยู่ใกล้แค่นี้ แต่รู้สึกว่าเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที
ก๊อกๆๆๆๆ
“พาย โอเคไหม? ถ้าเธอไม่เปิดฉันจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!!”
ฟาโรห์นั้นยังคงเคาะประตูด้านนอกอยู่ น้ำเสียงที่เขาตะโกนเรียกนั้นแสดงออกถึงความกังวลอยู่หลายส่วน
เพราะคนของเขากลับไปแล้วสินะถึงได้แสดงออกว่าเป็นห่วงฉันขนาดนี้
ก่อนหน้านี้ที่ฉันป่วย ถ้าตัดเรื่องที่เขาเข้าหาฉันเพราะใครบางคนออกไป ฉันอาจหวั่นไหวกับการที่เขาดูแลฉันเป็นอย่างดี
ฉันอยากรู้เหมือนกัน ว่าถ้าฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปเรื่อยๆ เขาจะทำลายฉันยังไง
ตอนที่ได้ฟังข่าวจากวงในฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมจีน่าถึงได้ปล่อยให้คนของเธอเข้าหาฉัน แถมยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฉันอีกด้วย
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ยอม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอหวงคนของตัวเองอย่างกับอะไรดี
“พาย...” ทันทีที่ฉันเปิดประตูห้องน้ำฟาโรห์ก็พุ่งเข้าหาพร้อมแสดงความเป็นห่วงเป็นใยฉันทันที
“แหมไอ้ฟา ให้มันน้อยๆหน่อย พวกกูก็ยังอยู่ตรงนี้ไหม?” ฉันได้ยินเสียงเจย์เพื่อนในกลุ่มฟาโรห์ดังแว่วมา เช่นนั้นจึงทอดสายตาไปยังโซฟาตัวที่ฉันนั่งอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้มีทั้งเจย์และเฟิร์สไทม์นั่งอยู่ แถมข้างๆเจย์ยัง...
มีคนของฟาโรห์นั่งอยู่ข้างๆพร้อมมองมาทางฉันและฟาโรห์ด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ในเมื่อเธอปล่อยให้เขาเข้าหาฉันเอง ฉันก็ไม่ลังเลที่จะทำทุกวิถีทางให้ฟาโรห์ยอมมาสยบแทบเท้าฉัน ในเมื่ออยากจะเล่นเกมมาก ฉันจะยอมเล่นเป็นเพื่อน
ในเมื่ออยากจะทำลายฉัน ฉันจะยอมปล่อยให้ตัวเองเป็นเหยื่อ
หลังจากนี้ก็มาดูกัน ให้มันรู้กันไปข้างว่าใครจะชนะ
“พวกมึงกลับไปได้แล้วไป กูกับพายจะพักผ่อน” ฟาโรห์เอ่ยพร้อมมองไปยังสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นเชิงบอกให้พวกเขากลับไปได้แล้ว
“กูรู้นะ ว่ามึงคิดจะทำอะไร?” เฟิร์สไทม์ว่าก่อนที่จะมองมายังฉันและฟาโรห์ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
ถือว่าฟาโรห์เล่นละครได้เก่งพอสมควร เพราะตอนนี้เขาหลอกทั้งเจย์และเฟิร์สไทม์ได้อย่างสนิทใจว่าเขานั้นจริงใจกับฉันมากจริงๆ
ฉันพอจะรู้มาว่าสาเหตุที่ฟาโรห์เข้าหาฉัน พวกเพื่อนในกลุ่มของเขานั้นไม่มีใครรู้ เรื่องนี้มีคนรู้แค่สี่คนเท่านั้น คือจีน่า ฟาโรห์ สายข่าวของฉัน และฉัน
“ถ้ารู้ก็ควรกลับ ไม่ควรเสนอหน้ารบกวนเวลาของกูกับพาย” ฉันมองคนของฟาโรห์ที่มองมายังเขาด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนที่จะเก็บสายตากลับมามองฟาโรห์พร้อมยิ้มออกไปอย่างเขินอายราวกับเป็นสาวแรกรุ่นที่ไม่คุ้นชินกับเรื่องพวกนี้
“ในโรงบาลเขาห้ามเสียงดัง มึงนี่ก็พิเรนทร์ไม่เข้าท่า” ยังคงเป็นเจย์ที่หยอกเย้าฉันกับฟาโรห์อยู่เช่นเคย
“เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ถือว่าเปลี่ยนสถานที่ เนอะเธอ...” ฟาโรห์พูดออกมาหน้าตายก่อนที่จะหันมาพยักหน้าให้ฉันราวกับยอมรับว่าที่เพื่อนเขาแซวคือเรื่องจริง
ส่วนฉันทำได้แค่ยิ้มออกไปน้อยๆเท่านั้นเพียงเพราะอยากดูปฏิกิริยาของใครบางคน
หึ! ทำไมไม่กรี๊ดออกมาล่ะ
ทนไม่ไหวก็กรี๊ดออกมาเลย
“อื้อ...” ฉันรู้สึกตัวเพราะฝ่ามือหนาล้วงล้ำเข้ามาใต้เสื้อฮู้ดแขนยาวที่ใส่อยู่ เป็นฟาโรห์ไม่ผิดแน่ ตอนนี้ฉันกับเขาเราสองคนนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยกัน
ฉันจำได้ว่าหลังจากที่ฟาโรห์เอ่ยปากไล่เพื่อนๆและคนของเขากลับฉันก็หลับไปเพราะอาการมึนหัวรุมเร้า ฟาโรห์เสนอให้คนเฝ้าไข้อย่างฉันขึ้นมานอนบนเตียงผุ้ป่วยของเขา ส่วนเขานั้นก็ไปนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวข้างเตียง ทำไมตกดึกเขาถึงได้ขึ้นมานอนบนเตียงกับฉัน แถมยัง...ตั้งท่าจะลวนลามฉันอีกต่างหาก
“ฟา...” ฉันเอ่ยเรียกฟาโรห์ออกไปเสียงผะแผ่วเนื่องจากตอนนี้ฝ่ามือหนานั้นคว้าหมับเข้าที่หน้าอกหน้าใจของฉันเต็มๆ เขาไม่เพียงแค่จับแต่กลับออกแรงบีบเคล้นเบาๆเล่นเอาฉันวูบวาบไปทั้งตัว
“หื้ม?” เขาตอบรับพร้อมใช้ปลายนิ้วใดสักนิ้วหนึ่งบดคลึงยอดอกฉันอย่างอย่างเอาแต่ใจ
“ทำ...อะไร” เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นพร้อมบิดตัวหลบสัมผัสของฝ่ามือหนาที่ยังคงซนไม่เข้าเรื่อง
“อยากเปลี่ยนสถานที่...” เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูพร้อมขบกัดลงมาอย่างมันเขี้ยว เล่นเอาขนอ่อนในร่างฉันพากันลุกเกรียวด้วยความหวามไหว
“มะ...ไม่ได้...” รู้สึกเลยว่าเสียงของตัวเองสั่นไหวมาก สัมผัสวาบหวามของฟาโรห์บวกกับลมหายใจกรุ่นร้อนที่ปัดเป่าอยู่ตรงท้ายทอยมันกำลังจะทำให้ฉันสติแตก
“ทำไมไม่ได้?” น้ำเสียงแหบพร่าป่นเซ็กซี่เอ่ยถาม พร้อมจูบไล้ท้ายทอยฉันไม่หยุดหย่อน
“เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น...” ฉันพูดไปหดคอหลบสัมผัสของฟาโรห์ไปพลาง รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้ชายกับลังดุนดันอยู่ตรงแถวๆบั้นท้าย
“ฉันล็อกประตูแล้ว...” พูดจบร่างกำยำก็พลิกตัวขึ้นคร่อมฉันอยู่ทางด้านบน ลมหายใจที่รุนแรงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขากำลังต้องการฉัน ไหนจะสายตาลุ่มลึกที่มองมายังฉันนั่นอีกล่ะ
ถึงแม้ในห้องมันจะมืด แต่แสงสว่างที่เล็ดลอดจากทางเดินด้านนอกมันทำให้ฉันมองเห็นสีหน้าและแววตาของฟาโรห์ได้เป็นอย่างดี
“แต่...” ฉันตั้งท่าจะปฏิเสธ
“ไม่ทำแรงหรอก ไม่มีใครได้ยินแน่นอน” สิ้นประโยคนี้ฟาโรห์ก็โน้มใบหน้าลงมาครอบครองริมฝีปากฉันอย่างเร่าร้อนในคราวเดียว
และถึงจะโดนฟาโรห์มอมเมาด้วยรสจูบที่แสนจะเร่าร้อนแต่ฉันก็ยัง...ยกฝ่ามือขึ้นดันแผ่นอกแกร่งเอาไว้อย่างต้องการปรามการกระทำของคนด้านบน
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าฉันไม่ชอบสัมผัสของฟาโรห์ แต่เพราะชอบฉันเลยพยายามข่มกลั้นความอยากลึกๆของตัวเอง
ไม่อยากเลย...
ไม่อยากให้ถลำลึกไปมากกว่านี้...
เพราะกลัวว่าสักวันไม่ฉันก็เขา...อาจถอนตัวไม่ขึ้นก็เป็นได้
