Chapter 9
แท็กซี่มาจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่ของฉันที่ตอนนี้เงียบเหงา ไร้ผู้คน ฉันเดินไปที่ประตูรั้วซึ่งมีกระดาษใบหนึ่งแปะอยู่ นั่นคือหมายศาล บ่งบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันมองมันด้วยความรู้สึกวูบโหวง ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามา ฉันเกิดและโตที่บ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้ฉันไม่แม้แต่จะก้าวเข้าบ้านตัวเองได้ ฉันดึงหมายศาลออกมากำไว้แน่น น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตา
เจ๊ากันงั้นเหรอ
พูดมาได้ยังไง!!
ฉันยืนร้องไห้อยู่ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นยายนั่นเอง
“ฮะ ฮัลโหล”
[อยู่ไหนน่ะลูก]
“อยู่บ้านค่ะ” ฉันตอบเสียงสั่นพลางเงยหน้าขึ้นมองมัน
[ตัดอกตัดใจเถอะลูก มันไม่ใช่ของเราแล้ว] ฉันสะอึกกับประโยคนั้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมา
“หนูจะทำยังไงดี ฮือ”
[กลับมาบ้านเราเถอะ มาอยู่กับยาย]
“ฮือออ ยาย” ฉันกำโทรศัพท์แน่นพลางก้มหน้าร้องไห้
ทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้ ทำไม มันผิดพลาดตรงไหน
ภูเก็ต
ใช้เวลาไม่นานฉันก็บินมาถึงภูเก็ต พอเดินออกมาจากเกทได้ก็เห็นยายยืนรออยู่ตรงนั้น ฉันรีบวิ่งไปโผเข้ากอดยายแล้วปล่อยโฮทันที ยายลูบหลังปลอบโยนฉันอยู่นานสองนานจนฉันสงบลงจึงพากลับบ้าน
ยายคงรู้ว่าฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวจึงพาขึ้นมาบนห้องนอนยาย บอกเดินทางมาหนื่อยๆ พักผ่อนนะ พอได้อยู่คนเดียวฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปที่เคยถ่ายกับพ่อแม่ และเพื่อนฝูง แล้วก็ร้องไห้ออกมา คิดถึงบรรยากาศเดิมๆ เหลือเกิน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองห้องไม้เก่าๆ กับกลิ่นอับๆ นี่ฉันต้องอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ แต่ถ้าไม่อยู่ที่นี่ฉันก็ไม่มีที่ไปแล้วนะ… ฉันฟุบหน้าร้องไห้ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง
ฉันเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขในบัญชีที่มีอยู่น้อยนิด แค่แสนกว่าๆ ที่แม่โอนให้ เงินนี้จะทำอะไรได้ เช่าห้องดีๆ อยู่ได้ไม่กี่เดือนเอง แล้วหลังจากนั้นจะทำยังไงต่อไปล่ะ หางานงั้นเหรอ งานอะไรล่ะ ฉันทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถึงจะเคยไปเรียนถึงเมืองนอกแต่ผลการเรียนก็แย่ เกือบไม่จบ ทำไมพ่อกับแม่ไม่พาฉันไปอยู่ด้วยนะ
พอคิดถึงชีวิตข้างหน้าฉันก็ร้องไห้และทึ้งหัวตัวเองด้วยความเครียด ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า…
วันต่อมาฉันตัดสินใจซื้อทัวร์ไปเที่ยวเกาะ ระหว่างนั่งอยู่บนเรือจิตใจฉันก็ล่องลอยไปที่อื่น ล่องลอยไปถึงอนาคตข้างนอกที่มืดบอด เงยหน้าขึ้นมองทะเลที่กว้างใหญ่จนสุดลูกหูลูกตา เสียงดังเจื้อยแจ้วของคนในเรือที่มากับเพื่อนบ้าง กับครอบครัวบ้าง คนรักบ้าง มีแค่ฉันที่มาตัวคนเดียว
เฮ้อ…
เรือแล่นอยู่ไม่นานก็หยุดลงกลางทะเล เพื่อหยุดให้ลูกค้าลงเล่นน้ำ ชมวิว ส่วนใครจะนั่งเรือหางยาวออกไปถ่ายรูปเล่นก็ได้ซึ่งฉันเลือกอย่างหลัง ฉันเลือกที่จะลงเรือหางยาวออกไปชมวิวคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก คนขับเรือก็บอกให้ฉันไปนั่งตรงหัวเรือจะได้เห็นวิวชัดๆ แล้วเดี๋ยวเขาจะถ่ายรูปให้ แต่ฉันบอกไม่เป็นไร ขอแค่นั่งหัวเรือรับลมเท่านั้น หวังว่าสมองจะปลอดโปร่งกว่านี้หน่อย
ฉันนั่งขัดสมาน หลับตา แล้วกลางแขนออกเพื่อลม จินตนาการว่าบินได้ แต่อยู่ๆ ความทรงจำมากมายก็ไหลเวียนเข้ามาในหัว จนน้ำตาไหลออกมา
คิดถึงจัง… ฮึก
ฉันหลับร้องไห้สะอึกสะเอื้อนอยู่อย่างนั้นมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเรือหยุด ฉันลืมตาขึ้นแล้วพบว่าตัวเองออกมาห่างเรือสปีดโบ๊ทที่นั่งมามากเลย เรียกว่าแทบจะมองไม่เห็นเลย แล้วพอหันกลับมาก็เห็นลุงคนขับยืนอยู่ใกล้มา จนแทบจะชิดตัวฉันแล้ว
“ละ ลุงจะทำอะไรคะ”
“ก็มาปลอบใจหนูไง เห็นร้องไห้”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ลุงถอยไปดีกว่า หนูอยากกลับเรือแล้ว”
ฉันยกมือขึ้นดันอกลุงออกทันที แต่ลุงหน้าตาหื่นกามกลับคว้ามือนั้นเอาไว้ แล้วเอาไปจูบ
อี๋!
ฉันรีบสะบัดมือออก
“ถอยไปนะ ไอ้บ้าหื่นกาม แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาจูบมือฉันเนี่ย ขยะแขยง ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
ลุงดูช็อกไปเลย แล้วกลับมาตีหน้าโหดยกมือขึ้นบีบกามฉันแน่น
“น่าขยะแขยงงั้นเหรอ หน็อย! ปากดีจริงๆ น่าจะจับทำเมียซะให้เข็ด!”
“กรี๊ด! ปล่อยนะ! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!!”
อุ๊บ!! ฉันยกมือขึ้นกุมท้อง รู้สึกจุกจนอยากจะอ้วก เรี่ยวแรงที่มีอยู่ก็เหือดหายไปจนหมด ได้แต่งอตัวเป็นกุ้งนอนลงกับพื้นเรือ
“นอนรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่จะพาไปที่ดีๆ”
“ช่วย…ด้วย…”
