Chapter 8
ระหว่างมึนงงกับโพสต์ของเพื่อนในเฟสบุ๊คเธอตั้งใจจะพิมพ์ตอบคอมเม้นต์ใต้โพสต์นั้น แต่แม่ก็โทรมาซะก่อน เธอรีบรับทันที เพราะต้องการรู้เดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
“ฮัลโหล แม่…” แต่เธอยังพูดไม่ทันจบแม่ก็ขัดขึ้นมาก่อน
“ฟังแม่นะไอ ตอนนี้บ้านเราล้มละลายแล้ว แม่กับพ่อกำลังจะบินไปนอร์เวย์เพื่อตั้งหลักใหม่ และลูกต้องอยู่กับยายนะ” ไอรีนอึ้งกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ความคิดที่ว่าจะได้มาเที่ยวบ้านยายแค่ชั่วคราวกลายเป็นต้องอยู่ยาวเหรอ…
“ทำไม นี่หนูงงไปหมดแล้วนะ”
“แม่โอนเงินก้อนสุดท้ายเข้าบัญชีลูกแล้วนะ ใช้ให้ประหยัดๆ ล่ะ ต่อไปนี้ลูกต้องดูแลตัวเองนะ ส่วนเรื่องหนี้เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ยิ่งฟังยิ่งงง เธอรู้สึกมึนหัวไปหมดเหมือนสมองประมวลผลสิ่งที่แม่พูดไม่ทัน
“ทำไมคะ เพราะเรื่องนั้นเหรอ” เธอถามซื่อๆ หลังจากตั้งสติได้
“ไม่หรอก พ่อกับแม่บริหารไม่ดีเอง แต่มันก็ถือเป็นบทเรียนได้นะว่าก่อนทำอะไรให้คิดหน้าคิดหลังด้วย โตแล้วนะ”
“แม่ ไอขอโทษ…” เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตาทั้งสองข้างเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น รู้สึกผิดกับพ่อแม่แม้ท่านจะไม่ได้โทษเธอแต่เธอเชื่อว่ามันต้องมีส่วนแน่ๆ เพราะมันทำให้เธอเสียริว แล้วนี่พ่อกับแม่ยังต้องมาเสียงบริษัทอีก…
“ไม่เป็นไร ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวพ่อกับแม่ต้องขึ้นเครื่องแล้วล่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะ มีอะไรก็โทรมาได้ตลอดเลย ฝากดูแลยายด้วย”
ไอรีนยังไม่ทันได้บอกลาสายก็ถูกตัดไปซะก่อน
มันเป็นเพราะเธอจริงๆ สินะ เพราะเธอทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น บ้านเราถึงล้มละลาย
ตอนนี้หน้าฟีดเฟสบุ๊คมีแต่ข่าวบ้านฉันล้มละลาย พออ่านแล้วก็จับใจความได้คร่าวๆ ว่า สองหุ้นส่วนใหญ่ถอนทุนกะทันหัน ก็คือบริษัทริวกับบริษัทอิงฟ้า แล้วก่อนหน้านี้ทางบริษัทอิงฟ้าดีลให้เราทำเฟอร์นิเจอร์ล็อตใหญ่เพื่อนำไปตกแต่งโรงแรมแห่งใหม่ของเขา แล้วพอเกิดเรื่องนี้ขึ้นดีลนี้จึงถูกยกเลิก ในขณะที่เราได้ทำการผลิตไปแล้วกว่าครึ่ง บริษัทจึงขาดสภาพคล่องจนเป็นหนี้จากค่าวัสดุต่างๆ จนในที่สุดก็ล้มละลาย
นี่มันเกินไปมั้ยอ่ะ มาตัดหางปล่อยวัดกันดื้อๆ อย่างนี้ทั้งที่มีดีลค้างอยู่ มันจะโกรธเกลียดอะไรกันนักหนา ฉันก็รู้แหละว่าตัวเองผิด แต่มันต้องลงโทษกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันมากไปแล้วนะ!
ฉันทนอยู่เฉยแบบนี้ไม่ได้รีบกดจองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับกรุงเทพทันที จริงๆ อยากจะบินกลับเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เที่ยวบินเร็วสุดคือตอนเช้า แถมตอนนี้ฝนตกหนัก ฉันเลยต้องอดทนรอจนถึงเช้าด้วยความคับแค้นใจ
พอมาถึงกรุงเทพฉันก็รีบติดต่อริวและจีน่า แต่ไม่มีใครรับสายฉันเลย มันก็ไม่แปลกหรอก ใครจะอยากยุ่งกับคนหมดตัวไร้ผลประโยชน์อย่างฉัน ฉันจึงลุยเดี่ยวโบกแท็กซี่มาที่บ้านของอาเกวทันที แต่พอมาถึงยามกลับไม่ให้ฉันเข้าบ้าน ตบตีกับยามอยู่สักพักประตูใหญ่ก็เปิดออกพร้อมกับรถเบนซ์คันหรู หึ มาได้จังหวะพอดีเลยนะ ฉันรีบวิ่งไปขวางหน้ารถแบบไม่กลัวตาย ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องได้คุยกับอาเกว!
พอรถหยุดฉันก็รีบวิ่งไปเคาะกระจกรถทันที จนมันเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าเหี้ยมโหดของชายวัยกลางคน พ่อของอิงฟ้าไงล่ะ!
“เธอมีอะไรก็ว่ามา”
“ที่คุณทำมันไม่มากไปหน่อยเหรอ!”
“ฉันทำอะไร”
“ถอนหุ้นจากบริษัท แถมยังยกเลิกดีลอีก เพราะคุณ บ้านฉันถึงล้มละลาย!”
“หึ”
“ยังมีหน้ามาหัวเราะอีกเหรอ จิตใจคุณทำด้วยอะไร พ่อกับแม่ไว้ใจคุณมากนะ ทำไมคุณถึงทำกับพวกท่านได้ลงคอ!”
“คิดดีๆ นางหนู ใครกันแน่ที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเธอหรอกเหรอ”
“ฉันก็ขอโทษไปแล้วไง ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่ตบอิงฟ้า แต่คุณก็ไม่ควรทำกันถึงขนาดนี้มั้ย นี่มันมากเกินไป!”
“งั้นฉันขอโทษบ้างได้มั้ยล่ะ”
“นี่คุณ…”
“เห็นมั้ยล่ะ สิ่งที่เธอทำกับครอบครัวฉันมันร้ายแรงกว่าที่ฉันทำกับครอบครัวเธอด้วยซ้ำ ถือว่าเจ๊ากัน”
“ว่าไงนะ!”
“ออกรถ”
พ่อของอิงฟ้าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็ขับรถจากไป ฉันโมโหมากถอนรองเท้าเขวี้ยงตามรถเลย พูดมาได้ยังไงว่าเจ๊ากัน ฉันต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเขาเสียอะไรบ้าง! บ้าเอ๊ย!!
ฉันยืนกรี๊ดอยู่หน้าบ้านเขาจนยามต้องมาไล่อ่ะ แต่ใครสนกัน จำเอาไว้เลยนะว่าไอรีนคนนี้จะต้องเอาคืนคนบ้านนี้ให้ได้!! ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม!!
