Episode-05 แค่เพื่อน
หลังจากที่อคินไล่ลูกแพร์กลับไปคืนนั้น ไม่กี่วันต่อมาข่าวลือว่าเขาจะหมั้นหมายกับลูกเจ้าสัวคนดังก็ลือสะพัดไปทั่วจนหนาหู
“พ่อ!”
“อะไร?”
“ผมไม่ตลก”
“ก็ไม่ตลกไง แกเห็นฉันขำไหมล่ะ”
“ผมไม่หมั้น”
“ก็แค่หมั้นแกจะตายหรือไง” ผู้เป็นพ่อตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่แสดงอาการทุกข์ร้อนใด ๆ ออกมา
“ก็แค่อะไรพ่อเล่นเอาคีย์การ์ดห้องผมไปให้ลูกแพร์แบบนั้น”
“แล้วยังไง? กับคนอื่นฉันเห็นแกพาเข้าออกห้องจนทางเป็นมัน”
“คนไหน ก็มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น”
“แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรออคิน เจ้าหญิงอะไรนั่นสวยใช้ได้เลยนะ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ถูกจังหวะชีวิตแกตอนนี้”
“พ่อเลิกพูดถึงเรื่องนี้สักทีเถอะ จะให้ผมทำอะไรก็พูดมา”
“หมั้น”
“ไม่!” อคินยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อย่าว่าแต่หมั้นหมายเลยแค่คำว่าแฟนยังไม่เคยมีอยู่ในความคิดของเขาด้วยซ้ำ
“เข้าใจคำว่าผลประโยชน์ไหม” ผู้เป็นพ่อยังคงพยายามหว่านล้อมอยู่แบบนั้น “ฉันไม่ได้บังคับให้แกต้องรักกับหนูลูกแพร์สักหน่อย แล้วอีกอย่างเส้นทางธุรกิจของฉันกำลังไปได้ดี แกอยากซวยไปจิ้มลูกสาวเจ้าสัวทำไมล่ะ”
“...”
“แค่หมั้น แล้วจบเลย” เป็นคำสั่งที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย “ไม่ต้องแต่ง ถึงยังไงคู่ชีวิตของแกแกต้องเป็นคนเลือกเองอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ ให้งานหมั้นผ่านไปก่อนที่เหลือฉันจัดการให้เอง”
เมื่อเลือกอะไรไม่ได้เขาทำได้แค่ทำใจยอมรับเท่านั้น แค่นึกถึงเรื่องนี้ก็ทำเอาปวดหัวจนประสาทแทบหลอน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องถูกผูกมัดเพราะเรื่องไร้สาระพวกนี้
“พี่คินคะ” ร่างบางดีใจทุกครั้งที่เห็นหน้าชายหนุ่ม อคินคือคนที่เธอแอบหมายตามานานแล้ว “หนู...”
“รำคาญ!”
คนตัวเล็กถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินน้ำเสียงเยือกเย็นของอคิน ยังไม่ทันทำอะไรเธอก็ดูเป็นตัวน่ารำคาญในสายตาเขาอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะเรื่องที่เธอถือวิสาสะขนข้าวของไปไว้ในห้องเขาก็ได้
“พูดกับน้องดี ๆ คนอื่นมาได้ยินจะหาว่าฉันสั่งสอนลูกไม่ดี”
“ผมพูดไม่ดีตรงไหน ถ้าเรียกอีก็ว่าไปอย่าง” อคินตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร เขาไม่ชอบให้ใครล้ำเส้น “อยากหมั้นจะหมั้นให้แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน”
“พี่ไม่ฟังหนูเลย” คนตัวเล็กเบ้ปากคล้ายจะร้องไห้ ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกอคินด่ากลับมาแทบทุกครั้ง “ถ้าเป็นพี่คนนั้นพี่คงยิ้มสินะ”
“อย่ามายุ่ง!” อคินตวาดออกมาเสียงดังลั่น แม้ว่าลูกแพร์จะไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคลที่เธออ้างถึงแต่เขากลับรับรู้ว่าลูกแพร์หมายถึงใคร
“มากกว่าเพื่อนสินะคะ ยังไม่ทันไรพี่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว” เธอว่าพลางแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอ ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งรู้สึกอยากเอาชนะเขา และไม่ยอมแพ้เธอคนนั้นเป็นอันขาด “ช่างเถอะ ถึงยังไงพี่ต้องหมั้นกับหนูอยู่ดี”
“...” อคินเลือกที่จะเดินหนี ขืนยังอยู่ตรงนี้เขาคงพลั้งสะบัดมือฟาดใครสักคนจนเจ็บตัว
ประตูห้องปิดลงพร้อมความรู้สึกมากมาย เพียงเวลาแค่ไม่กี่เดือนทำไมชีวิตเขาวุ่นวายมากขนาดนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แม่เองนะคิน” เสียงหวานดังขึ้นเป็นการขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูห้องลูกชายตัวเอง “เครียดล่ะสิ” มือบางลูบศีรษะด้วยความอ่อนโยน หล่อนมักใช้วิธีนี้สยบอารมณ์ร้อนของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่เสมอ
“ไม่เครียดครับผมปวดสมองมากกว่า” บอกไปตามความรู้สึกก่อนจะนอนหนุนตักผู้เป็นแม่อย่างที่ชอบทำ “ผมไม่ชอบเด็กนั่น”
“แล้วลูกชอบใคร” คำถามตรง ๆ ของแม่ทำเอาเขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ “เจ้าหญิงใช่ไหม”
“...”
“ไม่ครับ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” น้ำเสียงล้อเลียนดังขึ้นมันคือประโยคที่ลูกชายมักตอบเธอเวลาที่ไม่รู้จะตอบยังไง “บางทีเราต้องค่อย ๆ แก้ไปทีละเรื่องนะคิน ไม่อย่างนั้นยิ่งแก้มันจะยิ่งแน่นขึ้นคล้ายการแก้ปมของเชือก”
“เราเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ”
“เห็นไหมขนาดแม่เพิ่งพูดไปคินยังตอบคำเดิมเลย”
“...”
“ในหัวลูกมีเรื่องอื่นอีกไหมนอกจากเจ้าหญิง” หล่อนว่ายิ้ม ๆ ด้วยความชอบใจเหมือนว่าจะดักทางลูกชายถูก “แม่หมายถึงเรื่องอื่น”
“ผมก็พยายามแก้อยู่ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”
“เล่าให้แม่ฟังได้ไหมเป็นไงมาไงถึงได้ไปยุ่งวุ่นวายกับลูกแพร์ได้”
“ผมเมาผมจำไม่ได้ จำได้ว่าวันนั้นตื่นมาก็เจอลูกแพร์อยู่ก่อนแล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ปกติชนแก้วตามมารยาทแค่นั้น เต็มใจไปด้วยกันก็ไปจบแยกย้ายไม่สานสัมพันธ์ต่อ” อคินบอกผู้เป็นแม่ไปตามความจริง คงมีแค่ผู้หญิงคนนี้ที่รับรู้ทุกการกระทำของเขาและรับได้ทุกอย่าง
“เขาบอกพ่อกับแม่ว่าคินไม่ได้ป้องกัน”
“ผมจำไม่ได้จริง ๆ” อคินยังคงยืนยันคำเดิม ต่อให้จะเมาแค่ไหนถ้ามีอะไรกันยังไงเขาต้องจำได้แน่นอนไม่มีทางที่ทำอะไรไปแล้วไม่รู้ตัว แต่หลักฐานคือลูกแพร์ตัวเป็น ๆ ที่เปลือยเปล่านอนอยู่ข้างเขาวันนั้น แถมยังเป็นคอนโดของเขาอีก มันไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง
“เฮ้อ ...” ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา ถ้าลูกแพร์ไม่ใช่ลูกเจ้าสัวคู่ธุรกิจของสามีเธออะไร ๆ คงง่ายกว่านี้ “ให้ดีนะคินไม่ใช่อยู่ ๆ เอาหลานมาให้แม่เลี้ยงเป็นโขยงนะ”
“ไม่มีทางหรอกผมมั่นใจ ถ้าจะมีก็คงเป็นความตั้งใจของผมเอง”
“ปีหน้าฝึกงานแล้วอีกไม่นานก็เรียนจบ คิดไว้หรือยังว่าอยากทำอะไร” ผู้เป็นแม่ชวนเปลี่ยนเรื่องไปแทน
“ธุรกิจครอบครัวเราไงครับ”
“คินเรียนบริหารก็จริงแต่ถ้าไม่ชอบงานตรงนี้แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ อยู่เฉย ๆ สักปีตามหาความชอบของตัวเองยังได้เลย”
“ต่อให้ไม่ชอบยังไงผมก็ต้องทำอยู่ดีนั่นแหละ” อคินตอบอย่างไม่มีทางเลือก เขาเป็นลูกคนเดียวถ้าไม่สานต่อแล้วใครจะทำ
หลายวันผ่านไป
“ฉันกำลังจะหมั้น” หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้ยินประโยคนี้จากปากของอคิน “แค่เรื่องธุรกิจ งานเล็ก ๆ ไม่ออกสื่ออะไรทั้งนั้น ญาติผู้ใหญ่มีแค่พ่อกับแม่ ฝั่งเขาก็เช่นกัน”
“เล็ก ๆ อะไรเขาลือกันไปทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว” เจ้าหญิงตอบเสียงเรียบ เรื่องนี้เธอได้ยินมาสักระยะหนึ่งแล้วแต่จะถามเจ้าตัวก็ดูเป็นการละลาบละล้วงเกินไปหน่อย รอให้อคินเป็นฝ่ายพูดเองดีกว่า
“ก็ปล่อยให้ลือไปไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย” อคินบอกอย่างไม่ใส่ใจมากนักแต่คนตัวเล็กกลับเงียบใส่จนน่าแปลกใจ “เงียบทำไม”
“เปล่า”
“เปล่าอะไรก็เห็นว่าเธอเงียบอยู่” ตาคู่คมมองปฏิกิริยาคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ เธอดูซึมผิดปกติ “เป็นอะไรทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้”
“เป็นวันนั้นของเดือน”
“อยากไม่เป็นสักเก้าเดือนไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่า ตอนนี้ยังไม่พร้อมขอทนปวดท้องไปทุกเดือนเหมือนเดิมดีแล้ว”
“คิดไปโน่นแน่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกันนะ”
“อืม ... เราเป็นแค่เพื่อนกัน” ความเงียบเกิดขึ้นหลายนาทีก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายพูดต่อ “หยุดไหม?”
“ไม่”
“ฉันไม่พ่วงตำแหน่งเมียน้อยหรอกนะ ไม่อยากถูกใครชี้หน้าด่าแบบนั้นด้วย” เธอบอกไปตามความคิด ไม่ว่าเหตุผลของอคินคืออะไรแต่หากเขาหมั้นแล้วยังไงเขาก็ขึ้นชื่อว่ามีเจ้าของแล้วอยู่ดี
“ฉันมีใครล่ะ ก็มีเธออยู่คนเดียว”
“...”
“ยังอยากหล่อเท่อยู่ไม่อยากมีเมียแล้วเธอจะเป็นเมียน้อยได้ยังไง” ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยไรผมพร้อมกับหอมแก้มอย่างที่ชอบทำ “อยากเอา เมื่อไหร่ประจำเดือนเธอจะหมด”
“รอไปก่อน”
