แค่แฟนเก่า 4 จบกันตรงนี้
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)
“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”
(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)
“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”
(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)
“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”
(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)
“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”
(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)
“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”
(พี่ชอบเพ้นท์ไง)
“...”
(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)
“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”
(ครับ)
หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจาน
เมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉัน
และฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก
“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ มันเป็นคนหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันที่แผดเสียงร้องลั่นห้องมาให้ฉัน
คนที่โทรเข้ามาก็คือพี่เซ้นต์ เมื่อตอนตีสี่ฉันส่งข้อความไปบอกเขาว่าไม่ต้องมารับ เพราะรู้สึกไม่สบาย หลังจากที่ส่งข้อความไปฉันก็หลับเพราะความเพลีย ตื่นอีกทีก็ตอนที่โทรศัพท์มันแผดร้อง
“กลับไปได้แล้ว”
“กูโมโหก็เลยทำมึงเจ็บ ขอโทษนะเพ้นท์”
“อืม”
“เพ้นท์”
“ให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเรา ต่อไปอย่าทำแบบนี้กับกูอีก มึงเป็นคนบอกเลิก มึงเป็นคนหยุดความสัมพันธ์ มึงเป็นคนไปเอาคนอื่นก่อนนะออยล์ ตั้งแต่มึงเอาคนอื่น มึงก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวกู เราจะไม่ทำแบบนี้กันอีกแล้ว”
“...”
“...กูก็พอเหมือนกันออยล์”
“มึงชอบเขาแล้วเหรอ”
“กูชอบใครหรือเปล่าไม่ได้เกี่ยวกับมึง มึงเองก็ไม่ได้รักกู จริงอย่างที่มึงว่าเราควรเลิกกัน มึงไปได้แล้วออยล์ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง ไม่อยากจะเกลียดมึง”
“...”
“รีบกลับไปหาคนที่มึงรักเถอะ ทางที่ดีอย่าให้มันรู้เรื่องในอดีตของเรา กูไม่อยากมีปัญหา กูไม่ได้ใจเย็นมึงก็รู้ ถ้ามันยังพูดอะไรไม่เข้าท่าก็อย่ามาว่ากูที่นะ”
“...”
“กลับไปได้แล้ว”
“มึงไม่สบายอยู่”
“กูสบายดี เดี๋ยวกูก็ดีขึ้น แค่นี้ไม่ตายหรอก เจ็บกว่านี้ก็เจอมาเยอะแล้ว มึงทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน กูจะได้เลิกอาวรณ์มึง”
“กูขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษ ถือว่าเราหายกัน จบกันที่ตรงนี้ ต่อไปเราจะเป็นแค่เพื่อนกัน เพื่อนกันจริง ๆ ต่อให้มันยาก แต่กูจะพยายามเป็นเพื่อนกับมึง” พูดจบฉันดึงผ้าขึ้นมาห่ม พลิกตัวนอนหันหลัง ไม่อยากพูดกับออยล์อีกแล้ว ต่อให้เสียใจก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ออยล์มันไม่รักฉัน ที่ผ่านมาฉันเคยเฝ้ารอให้มันหันมารักฉัน แต่ดูเหมือนว่าเป็นการรอที่ไร้ค่า
ไม่มีวันที่ฉันจะสมหวัง
ออยล์ลุกใส่เสื้อผ้า เดินออกไปจากห้อง ฉันจึงนอนเงียบ ๆ ปล่อยความคิด ปล่อยน้ำตาให้มันได้ไหล เดี๋ยวมันไหลหมดทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง การร้องไห้คือการระบายที่ดี
ฉันคิดว่าวิธีนี้ได้ผลนะ
นอนร้องไห้จนถึงขั้นหายใจไม่ออกเพราะร้องไห้เยอะ ๆ น้ำมูกก็เริ่มทำงาน จากที่หลอกพี่เซ้นต์ว่าป่วย ดูเหมือนว่าจะป่วยจริง ๆ แล้วสิ...
ร้องไห้จนเผลอหลับ หลับไปหลายชั่วโมงเลยล่ะ ตื่นมาอีกทีก็ตอนฟ้ามืด
คนอกหักอย่างฉันจะนอนซมนอนช้ำอยู่บนเตียงแบบนี้ไม่ได้ ก่อนที่จะทิ้งศักดิ์อันน้อยนิดที่เพิ่งขุดเจอฉันควรเมา ความเมาจะทำให้ฉันไม่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างฉันกับออยล์ ความเมาจะตอกย้ำว่าฉันเคยโง่มากแค่ไหน
ว่าแล้วก็เดินมาหยิบขวดเหล้าที่แอบไว้ในตู้เสื้อผ้า ต่อให้แม่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ว่าแม่ฉันก็ไม่อนุญาตให้กินเหล้าโจ่งแจ้ง พร่ำเพรื่อ แม่ชอบบอกว่าการที่มีเหล้าติดบ้านแปลว่าเป็นคนติดเหล้า ต่อให้ไม่กินขอแค่เห็นก็มีความสุข แม่บอกว่าจะเห็นหรือกินก็คือติด ฉะนั้นฉันก็เลยชอบแอบเอาไว้ในห้อง ซ่อนไว้ในส่วนลึกของตู้เสื้อผ้า ฉันคิดว่ามีเหล้าอยู่ที่บ้านมันดีกว่าไม่มี อย่างเช่นเวลานี้ที่ร่างกายของฉันยับเยินจนไม่สามารถออกไปเจอผู้คน เมาอยู่บ้านมันเป็นเรื่องดีเลยล่ะ
หลังจากที่หยุดไปหลายวัน วันนี้ฉันก็โผล่หน้ามาเรียนด้วยสภาพที่ค่อนข้างพร้อม ค่อนข้างเนียนกับการเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนกับออยล์
“วันหยุดยาวเราไปเที่ยวต่างจังหวัดกันดีไหมพวกมึง” หว่าหวาที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจเอ่ยชวนเพื่อน ๆ อาทิตย์หน้าเป็นวันหยุดของเทศกาลสำคัญ หยุดยาว 9 วัน
“ก็ดีนะ” ฟินฟินเห็นด้วย
แต่ฉันคิดว่าเทศกาลสำคัญแบบนี้ต้องอยู่กับคนในครอบครัวหรือเปล่า ส่งท้ายปีทั้งทีนะ ว่าไปแล้วปีนี้แม่ฉันก็ไม่อยู่อีกตามเคย โดยปกติแล้วทุกปีใหม่ฉันจะไปฉลองที่บ้านออยล์
ปีนี้ไม่เหมือนเดิม ไปไม่ได้แล้ว
“ไปก็ดีนะ แต่กวานัดกับออยล์ไว้ว่าจะไปบ้านออยล์ พ่อแม่ออยล์อยากเจอแฟนออยล์ ออยล์ก็เลยจะพาไปเปิดตัว” แตงกวาพูดด้วยน้ำเสียงเขินอาย พูดขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องอายแล้วไหม
ฉันเพียงแค่ฟัง ไม่ได้มองหน้าคนพูดหรือแฟนคนพูด รู้สึกเจ็บไหมก็มีนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ฟูมฟาย หลายวันที่ผ่านมาทำใจแล้ว
ฉันต้องเดินไปข้างหน้า จะไม่เดินเป็นวงกลมอีกแล้ว
“นี่จบแล้วแต่งเลยไหม หรือแต่งเร็ว ๆ นี้” ทูพูดแซว หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องจริง
ได้ยินก็เจ็บจี๊ดที่ใจนะ แต่ว่าทำใจเพ้นท์ อย่าใส่ใจ ทุกอย่างมันจบแล้ว
“ทูก็พูดไปเรื่อย” อายอีกแล้วแม่คุณ ทำตัวเขินอายแล้วดูน่ารักก็เลยขยันทำบ่อยมั้ง
“พูดไปเรื่อยอะไร จากเพื่อนพอเลื่อนขั้นก็ต้องเลื่อนยาว ยินดีล่วงหน้านะครับเพื่อนทั้งสอง” ทรีแฝดของทูเอ่ยด้วยรอยยิ้มยียวน
“ยินดีอะไร เพิ่งอยู่ปี2 กูยังไม่รีบ” คำพูดของออยล์ทำให้แฟนของเขาที่ก่อนหน้านี้เขินจนตัวบิดต้องหน้าเจื่อนในทันที
“สรุปยังไง ไปกันหรือเปล่าวะ กูจะได้เฟิร์มเรื่องห้อง ไม่งั้นแม่กูปล่อยหมดนะ” หว่าหวากลับมาพูดเรื่องเดิม
“กวากับออยล์น่าจะไม่ได้ไป เพราะไปหาครอบครัวออยล์แล้วก็จะไปหาครอบครัวกวาเหมือนกัน พ่อของกวาอยากเจอออยล์” แตงกวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเขินอายอีกครั้ง
“แล้วพวกมึงอะ” หว่าหวากวาดตามองเพื่อนที่เหลือ รวมถึงฉันด้วย
“ได้หมด” ฟินฟินตอบ
“กูก็ได้ พ่อแม่กูไม่ว่างอยู่แล้ว” ทรีให้คำตอบ
“ไอ้ทรีไปกูก็ไป” ทูพี่ชายฝาแฝดของทรีเอ่ย ไอ้คู่นี้เขาไม่ค่อยแยกจากกัน
“ไม่ไป ขี้เกียจเดินทาง” เฟย์เป็นมนุษย์ที่ขี้เกียจจริง ๆ นั่นแหละ เขามาเรียนก็เพราะแม่อยากให้เรียนเพื่ออนาคตที่ดี เขาชอบพูดว่า ถ้าเลือกได้กูจะนอนโง่ ๆ อยู่บ้าน
“แล้วมึง?” สายตาของหว่าหวาเลื่อนมาหยุดที่ฉัน
“กู...”
“น้องเพ้นท์ว่างไหม” ยังไม่ทันได้พูด เสียงผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหว่าหวาก็ดังขึ้น เขากำลังมองมาที่ฉัน เขาใส่เสื้อชอปวิศวะ ฉันเหมือนจะเคยเห็นเขาอยู่นะ
แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
“ก็ว่างค่ะ” ฉันกินข้าวเสร็จพอดี ก็ถือว่าว่าง
“พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“อ่า ค่ะ” ส่งยิ้มแล้วหันมาพูดกับเพื่อนก่อนจะเดินออกจากโรงอาหาร “กูไปคุยกับพี่เขาแป๊บนะ”
