แค่แฟนเก่า 3 คุยแก้เบื่อ
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”
“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม
“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร
“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา
“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง
“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”
“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”
“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้
แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ
“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว เมื่อก้าวข้ามเส้นที่ล้ำมาก็ไม่สามารถข้ามกลับไปยังที่เดิมด้วยใจที่บริสุทธิ์ได้
“ข้ออ้างของคนไม่รัก” ทรีส่ายหัว
“แน่ใจเหรอ” เฟย์ที่นั่งข้างฉันเอ่ยถาม เฟย์เป็นผู้ชายผิวเข้ม ใบหน้าก็คมเข้ม พ่อเขาเป็นคนใต้ จึงได้เชื้อพ่อมาเยอะ คนใต้ขึ้นชื่อเรื่องสวยหล่อคมเข้มอยู่แล้ว เพื่อนคนนี้ก็หล่อแต่ว่าชอบเงียบขรึมทำให้สาว ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้
“เรื่องอะไร”
“ที่คุย ๆ กับพี่เซ้นต์”
“ทำไมอะ” ฉันถามก็เพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เซ้นต์เลย ไม่เคยสนใจจึงไม่เคยรู้
“ถึงกูกับเขาจะรู้จักกัน แต่เป็นการรู้จักกันแบบผิวเผิน กูไม่ได้สนิทกับเขาขนาดที่ว่าจะรู้จักนิสัยของเขา เราเป็นเพื่อนกันกูไม่อยากให้มึงเสียใจเพราะเขา กูถึงไม่เคยเชียร์เวลาที่เขาจีบมึง”
“คุยแก้เบื่อไปก่อน เขาอาจจะไม่ได้เลวร้าย การที่จะรู้จักใครสักคนเราก็ต้องทำความรู้จักเขาไม่ใช่เหรอ ให้ฟังคนอื่นเล่าก็ไม่เท่ารู้ด้วยตัวเอง”
ออยล์ที่รู้จักมาตั้งแต่เด็กก็ยังกลายเป็นคนที่ฉันไม่รู้จักได้เลย
“ตามใจมึงแล้วกัน แต่ก็อย่าทุ่มให้เขาจนหมดใจอะ เวลาที่ผิดหวังจะได้กลับตัวทัน”
“อืม” ก็อยากบอกเพื่อนนะว่าเคยมีบทเรียนมาแล้ว ไม่คิดจะทุ่มรักให้ใครอีกแล้ว เวลานี้ขอแค่ลืมคนเก่าได้ก็ดีมากละ
ตอนนี้ที่ต้องการคืออยากลืมออยล์ให้ได้เร็ววัน
“งั้นก็แปลว่าเพ้นท์จะมีแฟนเป็นของตัวเองแล้วเหรอ” แตงกวาพูด คำพูดของเธอดูเหมือนไม่มีอะไร แต่วัวสันหลังหวะอย่างฉันมั่นใจว่ามีแน่
“ถ้าเป็นแฟนก็ดี แต่ก็ต้องดูก่อนว่าเขาดีพอที่จะรักไหม ไม่อยากเสียใจทีหลัง” ยิ้มด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไปทีหนึ่ง เป็นการยิ้มแค่ปาก ที่เหลือของใบหน้าเรียบนิ่ง
“จริงด้วย ต้องดูด้วยว่าเขามีคนอื่นหรือเปล่า เช็กให้ดีนะจะได้ไม่ถูกเรียกว่าแย่งของคนอื่น เดี๋ยวจะกลายเป็นลักกิน ขโมยกิน”
“หึ ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพื่อนคนนี้ที่ผ่านมาไม่เคยแย่งของใคร แต่โดนแย่งน่ะไม่แน่ ซึ่งคนแย่งก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าแย่งของคนอื่นไป ยังภูมิใจอยู่ได้ ตลกดี”
จบการสนทนาลงที่ตรงนั้น แตงกวาหน้าเจื่อน และฉันเลื่อนสายตากลับมาอย่างเร็ว ไม่สนคนที่นั่งข้างแตงกวา
หญิงสาวที่บอกว่าตัวเองถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูคนนี้บางทีอาจจะระแคะระคายและเริ่มหวงผู้ชาย
ถ้าคิดจะเป็นศัตรูกับฉันก็อยากบอกว่าเธอคิดผิดแล้วแตงกวา คนที่แย่งของคนอื่นไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอ
สี่ทุ่มฉันเดินออกจากโรงหนังพร้อมกับพี่เซ้นต์ หนังที่ดูก็อาจจะสนุกนะเพราะคนดูเยอะ แต่ถ้าถามความเห็นฉัน ฉันก็ตอบไม่ได้เพราะเข้าโรงหนังได้ฉันนั่งไปสักพักก็หลับทันที กระทั่งหนังจบพี่เซ้นต์ถึงปลุกฉันตื่น
“หิวข้าวไหม”
“หิว แต่ไม่อยากกินข้าวค่ะ”
“อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
“พี่เลี้ยงหนังแล้ว เดี๋ยวเพ้นท์เลี้ยงข้าว”
“ได้ไง”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้”
“แต่ว่า...”
“ถ้าไม่ได้รอบหน้าไม่ไปด้วยกันแล้วนะ ไม่อยากมองว่าเอาเปรียบพี่”
“เอาเปรียบอะไรครับ พี่เป็นคนชวน พี่ก็ต้อง...”
“ให้เพ้นท์เถอะค่ะ เพ้นท์อยากเลี้ยงพี่บ้าง ได้ไหมคะ”
“...ครับ”
“งั้นเพ้นท์เลือกร้านเลยนะ”
“อื้ม ได้เลย”
หนังที่เขาเป็นคนจ่ายฉันไม่ได้ดู พูดไปพูดมาก็รู้สึกผิดอยู่นะ แต่จะทำไงได้ เมื่อคืนนี้ฉันนอนดึกนี่นา คนเราจะฝืนไม่ง่วงได้นานสักแค่ไหนกันใช่ไหมล่ะ
ฉันชวนพี่เซ้นต์กินสุกี้ร้านดังที่กำลังเป็นกระแส ขณะที่ฉันนั่งกินเขาก็เอาแต่จ้องฉันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าจ้องเพราะฉันกินน่าเกลียดหรือเปล่า ฉันก็แค่หิวอะ มื้อเที่ยงไม่กินข้าว เห็นสองคนนั้นอี๋อ๋อจนออกนอกหน้าแล้วฉันกินไม่ลง กลัวคนไม่รู้หรือไงว่าได้กันแล้ว
เที่ยงคืนแท็กซี่จอดที่หน้าบ้านฉัน พี่เซ้นต์เขาอาสามาส่งทั้งที่เราอยู่คนละทาง บอกว่าต่างคนต่างกลับเขาก็ไม่ฟัง พูดแต่เป็นห่วง เป็นห่วง เราก็เลยได้นั่งรถมาด้วยกัน
“พรุ่งนี้พี่มารับได้ไหม”
“พรุ่งนี้เพ้นท์มีเรียน 9 โมงค่ะ พี่เซ้นต์มีเรียนกี่โมง”
“เหมือนกัน เดี๋ยวพี่มารับนะ”
“ไม่ลำบากเหรอ บ้านเพ้นท์อยู่ไกลนะ คนละทางกับบ้านพี่ด้วย”
“พี่มาได้ครับ ไม่ลำบากเลย ให้พี่มานะ”
“ค่ะ ถึงบ้านทักบอกเพ้นท์หน่อยนะคะ”
“ได้เลยครับ” เขายิ้มหล่อละมุน พี่เซ้นต์เขาเป็นคนหล่อนะ
“พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“พรุ่งนี้เจอกัน”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยฉันก็ลงจากรถแท็กซี่ ยืนยิ้มและโบกมือบ๊ายบายให้พี่เซ้นต์กระทั่งรถแท็กซี่ขับออกจากซอยบ้านฉันไป
เฮ้อ ทำแบบนี้มันดีจริงไหมนะ ดีกับพี่เซ้นต์จริงไหม ฉันกำลังทำร้ายเขาหรือเปล่า ถ้าหากฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาก็ไม่เท่ากับว่าฉันไม่ได้ต่างอะไรจากออยล์เหรอ
หมับ! ในขณะที่ฉันกำลังจะเข้าบ้านข้อมือฉันถูกคว้าไว้ เมื่อหันไปมองจึงเห็นว่าแฟนสุดรักของแตงกวาเป็นคนจับ เขาเปิดประตูรั้วจูงมือฉันเข้ามาในบ้านของฉัน
“มีอะไร ทำอะไรของมึง” สะบัดข้อมือออกเมื่อเขาลากฉันเข้ามาในห้องนอนฉัน มันเป็นเรื่องปกติที่เขาเข้าห้องนอนฉันได้ ก็เหมือนที่ฉันเข้าห้องนอนเขาได้ มันเพราะเราสนิทกัน สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“ไปไหนมา” ออยล์มองหน้าฉันด้วยสายตาหาเรื่อง
“เรื่องของกู” ฉันพูดพลางเดินมาหน้ากระจก ถอดนาฬิกาข้อมือ ต่างหูออกจากตัว
“เพ้นท์!”
“อะไรของมึงออยล์ มาโวยวายอะไรตรงนี้ นี่มันใช่เวลาที่มึงจะมาอยู่ที่นี่ไหม”
“กูไม่ได้อยากมา แต่มีเรื่องจะพูดกับมึง”
“อะไร”
“ต่อให้มึงทำแบบนี้กูก็ไม่ได้คิดจะรักมึงหรอกนะ อย่าทำตัวไปกับใครก็ได้แบบนี้เพ้นท์ มันไร้ค่าไร้ราคา”
“มึงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าออยล์ กูไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากมึง”
“งั้นมึงทำเพื่ออะไร ไปกับผู้ชายที่เพิ่งคุยจนดึกดื่นเพื่ออะไร”
“มันเป็นเรื่องของกู กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู”
“แค่กูบอกเลิก แค่กูไม่ได้เอากับมึงแค่ไม่กี่วัน มึงก็แจ้นไปหาคนอื่นให้มันเอามึงเลยใช่ไหมเพ้นท์ มึงขาดเรื่องอย่างว่าไม่ได้เลยเหรอวะ”
เพี้ยะ! มือฉันตบที่ใบหน้าของออยล์เพราะโกรธที่มันกล้าพูดแบบนี้ใส่ฉัน
“กูจะขาดได้หรือไม่ได้ไม่ได้เกี่ยวกับมึง มึงออกไปจากห้องกู กูเหนื่อยกูจะนอน”
“เหนื่อย? มึงทำอะไรมาเหนื่อย”
“กูจะทำอะไรมันเรื่องของกู ออกไปออยล์”
“แล้วถ้ากูไม่ออกมึงจะทำอะไรได้”
“...”
