บท
ตั้งค่า

แค่เด็กเลี้ยง 3 หนูเป็นของพี่

“ตัวมีกลิ่นยา” คือคำเอ่ยทักเมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องแล้วเจอคุณธีร์นั่งอยู่โซฟา เขานั่งอยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามานานหรือยัง แต่ว่าฉันมาถึงเร็วกว่าที่บอกเขาไว้แน่นอน

“หนูไปโรงพยาบาลมาค่ะ” จมูกเขาดีขนาดนี้เลยเหรอ

“เป็นอะไร”

“ไปเยี่ยมญาติค่ะ” ญาติเพียงคนเดียวของฉัน

ฉันน่ะอยากเล่าความทุกข์ใจให้ใครสักคนฟัง แต่มันก็คงไม่มีใครมารับฟังฉันขนาดนั้น

ใครหน้าไหนจะมาใส่ใจชีวิตของคนที่ไม่ได้สำคัญต่อตัวเอง

“ไปอาบน้ำ พี่ไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล”

“ค่ะ” ในเมื่อเขาไม่ชอบ ฉันก็ต้องรีบ เขาถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ อะไรที่เขาไม่ชอบฉันไม่ควรทำ

ฉันต้องทำให้เขาพอใจเพราะว่าถ้าพูดให้ถูกตอนนี้ก็เหมือนว่าฉันจะเป็นหนี้เขา

หนึ่งชั่วโมงต่อมากิจกรรมระหว่างเราจบลง คุณธีร์นอนอยู่บนเตียงหลังจากที่เขาสอนให้ฉันคร่อมขย่มดุ้นเขา ฉันทำไม่เป็นและเหมือนจะไม่ค่อยถูกใจคุณธีร์สักเท่าไหร่

ต้องพยายามศึกษาให้มากกว่านี้ ถ้าเกิดเขาเบื่อขึ้นมาฉันคงไม่มีปัญญาจะหาเงินมาใช้หนี้ในเร็ววัน เงินที่เขาให้มาไม่ใช่น้อย ๆ

ฉะนั้นฉันควรหาทางออก หาวิธีให้เขาไม่เบื่อ

“พี่ธีร์คะ” ฉันเรียกในตอนที่นอนหนุนแขนของคุณธีร์ เขาบอกให้ฉันเรียกพี่เราจะได้สนิทกันมากขึ้น ทว่าฉันไม่อยากสนิทกับเขานักหรอก ฉันกลัวจะรักเขา

“หืม”

“เมื่อกี้หนูทำได้ไม่ดี ขอโทษนะคะ”

“ไม่เป็นไร”

เมื่อเขาบอกว่าไม่เป็นไรฉันก็หันหน้าเข้าหาคนใจดี ส่งยิ้มหวานและเอ่ย “หนูจะพยายามฝึกให้มากกว่านี้ค่ะ”

“ฝึก?”

“ก็หมายถึงหัดให้เก่งกว่านี้”

“มีคู่ซ้อม?” คุณธีร์ผลักให้ฉันนอนราบกับที่นอนแล้วตัวเขาก็ขึ้นมาคร่อมฉันไว้ ใบหน้าเขาเรียบนิ่ง ทว่าเขาหล่อ มีเสน่ห์น่าหลงใหล

ไม่นะ อย่าอ่อนไหวนะบัวบูชา

“ไม่มีค่ะ”

“นึกว่าจะผิดสัญญา บอกไว้เลยว่าตอนนี้หนูเป็นของพี่ และเงินที่พี่จ่ายไปดูเหมือนจะไม่ใช่น้อย ๆ ระยะเวลาจากนี้จนกว่าหนูจะเรียนจบอาจจะไม่พอชดใช้”

“หนูทราบค่ะ” ฉันแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณธีร์ และก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย ฉันก็เป็นแค่เด็กที่เขาเลี้ยงดูชั่วคราว ไม่มีสิทธิ์ไปรู้จักเขา

ต่อให้รู้ก็ควรทำตัวไม่รู้จัก

“รู้ก็ดี เพราะว่าพี่ไม่เคยจ่ายให้ใครมากขนาดนี้”

“ขอโทษที่หนูขอมากเกินไปนะคะ”

“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา พี่พอใจหนูพี่ถึงยอมจ่าย ฉะนั้นหนูก็ต้องอยู่ให้พี่เล่นจนกว่าพี่จะเบื่อ หลังจากพี่เบื่อเงินที่พี่จ่ายให้ก็ถือว่าหายกันเข้าใจไหม”

“...ค่ะ” จะเสียใจกับคำพูดของคุณธีร์ไม่ได้ สิ่งที่เขาพูดมามันถูกต้องทุกอย่าง ฉันไม่จำเป็นต้องโกรธเขา

เพราะระหว่างเรามีแค่นั้นจริง ๆ

“ดีมาก พี่ชอบนะที่หนูพูดรู้เรื่อง” คุณธีร์สุดหล่อยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากที่กลีบปากฉัน ฉันเผยอปากรับอย่างไวไม่คิดอิดออดเพราะนี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องจ่ายให้คุณธีร์

ทว่ารสจูบที่เขาป้อนมาทำใจดวงน้อยของฉันสั่นไหวทุกครั้ง ไม่รู้เลยว่าจะสามารถควบคุมความรู้สึกนี้ไม่ให้ถลำลึกได้อีกนานแค่ไหนกัน...

จบไปอีกหนึ่งรอบคุณธีร์นอนหลับอยู่บนเตียง ฉันลุกมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจึงเดินออกมาหาทำของกินเพราะว่าหิวมาก ๆ ตั้งแต่เที่ยงฉันก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย

เมนูง่าย ๆ ที่ทำหลังจากข้าวหุงสุกก็คือไข่เจียว แม้ว่าวัตถุดิบในตู้จะมีเยอะ แต่ฉันก็รู้สึกเกรงใจคนซื้อ

ข้าวสวยร้อน ๆ กับไข่เจียวก็อร่อยดี

นั่งกินข้าวคนเดียวต่อให้กับข้าวดีกว่านี้ก็ไม่ได้ทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้นหรอก การอยู่คนเดียวไม่ดีเลย ไม่ดีเลยจริง ๆ

แล้วฉันก็ร้องไห้ทั้งที่กินข้าวจนได้

กินข้าวกับน้ำตาไปเรียบร้อยฉันมานั่งทำรายงานที่เพื่อนในกลุ่มแบ่งให้ตามหน้าที่ ฉันเรียนบริหาร ปีนี้เป็นปีสุดท้าย ช่างเป็นปีที่สาหัสมากจริง ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะการเรียนจบของฉันเป็นสิ่งที่รวินท์ใฝ่ฝันฉันก็คงเลิกเรียนไปแล้ว

ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูรูปรวินท์ที่ตั้งพักหน้าจอไว้

“คิดถึงนะรวินท์ บัวคิดถึงรวินท์มาก ๆ เลย”

ร้องไห้อีกแล้ว เวลาที่อ่อนแออารมณ์ก็จะดิ่งแบบดิ่งยาวเลย ฉันไม่ค่อยชอบให้ตัวเองเป็นแบบนี้ในพื้นที่ของคนอื่น แล้วยิ่งเป็นพื้นที่ของคุณธีร์ฉันก็ไม่ควรจะเป็น

พยายามบอกตัวเองซ้ำ ๆ ให้เข้มแข็ง เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้น จากนั้นก็เช็ดน้ำตา นั่งทำงานต่อ

กระทั่งเผลอหลับ รู้สึกตัวเพราะปวดคอ มองนาฬิกาเห็นว่าเช้าแล้วฉันจึงมาทำกับข้าว เผื่อว่าคุณธีร์จะหิว ถ้าหากเขาไม่กินก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขากินก็ดีเพราะทำแล้วไม่เสียของ

“พี่ธีร์ทานข้าวไหมคะ” คุณธีร์เดินออกจากห้องนอนตอนเจ็ดโมงเช้าด้วยชุดสูทผูกไทด์ที่เขาใส่มาเมื่อวาน

“ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ”

“ค่ะ”

“ทำอะไรกิน”

“ข้าวต้มหมูค่ะ รับไหมคะ”

“ไม่อะ”

“ค่ะ” เสียดายของจัง แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันเก็บใส่ตู้ไว้กินตอนเย็นก็ได้

“เมื่อคืนไปไหน”

“อยู่ห้องค่ะ ไม่ได้ไปไหน”

“ควรอยู่บนเตียงไม่ใช่เหรอ”

“...หนูเห็นว่าพี่ธีร์หลับแล้วก็เลยออกมานั่งทำงานกลุ่มค่ะ”

“...”

“ขอโทษนะคะ”

“ทีหลังเวลานอนควรนอน”

“ค่ะ” ฉันที่เป็นรองเขาจะพูดอะไรได้ ต่อให้พูดได้ฉันก็ไม่พูดอยู่ดี ฉันไม่ควรคิดไม่ดีต่อผู้มีพระคุณ

“ทำหน้าอะไรแบบนั้น พี่ไม่ได้โกรธที่หนูทำงาน พี่แค่คิดว่าเวลานอนหนูควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าทำร้ายตัวเอง”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ต่อให้ไม่ใช่คำพูดที่ออกมาจากใจ แต่คำพูดเขาเหมือนห่วงใยกันก็ทำให้ฉันรู้สึกดี

ตั้งแต่รวินท์เข้ารับการผ่าตัดฉันก็ไม่ได้ยินคำห่วงใยจากใครอีกเลย พอได้ยินแล้วก็เลยรู้สึกดีมาก ๆ

“เมื่อคืนไม่ได้กินข้าว กินข้าวต้มรองท้องสักหน่อยก็ดี” คุณธีร์เดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวตรงมุมระเบียงที่สามารถเปิดม่านมองออกไปดูวิวด้านนอกได้

“ค่ะ” แล้วทำไมฉันต้องยิ้มขนาดนี้ด้วยนะ แค่เขาบอกว่าจะกินข้าวเท่านั้นเอง

“ทำไมตักมาถ้วยเดียว”

“หรือพี่จะทานสองถ้วยคะ” แบบนั้นจะแปลกเกินไปไหม

“กินเป็นเพื่อนหน่อยสิ พี่ไม่ชอบกินข้าวคนเดียว”

“หนูนั่งกินด้วยได้เหรอคะ”

“ได้สิ ภายในห้องนี้หนูจะทำอะไรก็ได้”

“ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของคุณธีร์ทำให้ฉันใจเหลวมาก

“อร่อยนะ” ตักคำแรกเข้าปากเขาก็เอ่ยชมด้วยสีหน้าละมุน

“ขอบคุณค่ะ” ฉันค่อนข้างมั่นใจฝีมือทำกับข้าวพอสมควรเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยเปิดเพจขายกับข้าวทางออนไลน์โดยที่ฉันเป็นคนทำ รวินท์เป็นคนส่ง ลูกค้าต่างชมว่าเราทำอาหารอร่อยถูกปาก

แต่หลังจากรวินท์ป่วยฉันก็หยุดทำเพราะไม่มีเวลาเลยจริง ๆ

ตอนนี้ก็เหมือนว่าจะมีเวลาแล้ว เพราะหนี้เจ้าอื่น ๆ ใช้หมดแล้ว จะเหลือก็แค่เจ้าหนี้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้ ถ้าหากฉันเปิดออเดอร์ลูกค้า บางทีอาจจะเก็บเงินได้แล้วก็หักลบกลบหนี้ได้ และบางทีอาจจะเก็บเป็นเงินฉุกเฉินได้ด้วย

“จ้องหน้าพี่ทำไม เงินไม่พอเหรอ” รู้สึกเจ็บนะที่เขามองว่าฉันหน้าเงิน ทั้งที่มันเป็นความจริง

“เปล่าค่ะ คือหนูมีเรื่องอยากถามค่ะ”

“ถามได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของพี่ พี่คิดว่าระหว่างเราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันขนาดนั้น พี่บอกไว้ก่อนเลยว่าที่พี่ทำดีด้วยไม่ใช่ว่าพี่รักหนู อย่าลืมที่พี่เคยพูด”

“หนูจำได้ค่ะ”

“แล้วยังจะถามอยู่ไหม”

“ค่ะ”

“ว่ามา”

“หนูขอยืมใช้ครัวของพี่ทำกับข้าวได้ไหมคะพี่ธีร์”

“หนูก็ใช้ไปแล้วนะ ของที่พี่ซื้อไว้ในตู้หนูจะทำอะไรก็ได้ เต็มที่เลย ถ้าหมดก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่สั่งให้”

“หนูหมายถึงทำกับข้าวที่เยอะกว่านี้ค่ะ”

“...”

“คือว่าก่อนหน้านี้หนูเคยทำกับข้าวขายในเพจแล้วลูกค้าก็สั่งเยอะมาก ๆ แล้วมาช่วงนึงหนูมีปัญหานิดหน่อยจึงไม่ได้ทำ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง หนูอยากทำกับข้าวขายอีกครั้ง พี่ธีร์อนุญาตไหมคะ”

“พูดอะไรให้ยุ่งยาก อยากได้อีกเท่าไหร่พูดมาเลย”

“...” ฉันไม่น่าถามเขาเลย ลืมไปว่าระหว่างเรามีแค่เรื่องเงินกับเซ็กซ์ก็เท่านั้น

“ว่าไง”

“สองหมื่นค่ะ หนูอยากได้กระเป๋าใบใหม่”

“หึ เดี๋ยวพี่หยิบให้ ถือเป็นค่ากับข้าวมื้อนี้ก็แล้วกัน” คุณธีร์รวบช้อน ยกแก้วน้ำดื่มแล้วก็เดินหายเข้าห้อง เขาหยิบเงินสดมาวางที่โต๊ะและเอ่ย “นี่ครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้

คุณธีร์จึงเดินออกจากห้องไป

คุณธีร์มักให้เป็นเงินสด ฉันคิดว่ามันคงง่ายและไม่ต้องมีสลิปการโอนเงินเป็นหลักฐาน

ส่วนเรื่องที่ฉันบอกว่าอยากได้กระเป๋าใหม่ก็แค่โกหกไปงั้น เพื่อนที่ทำแบบเดียวกับฉันบอกว่าเวลาที่เขาถามว่าจะเอาเท่าไหร่อย่าปฏิเสธเพราะอีกฝ่ายจะรู้สึกเสียหน้า ‘เขารับเลี้ยงก็เพราะอยากเป็นใหญ่ อยากโชว์ว่าเขาเหนือกว่า ฉะนั้นอย่าเล่นตัวเยอะ เขาจะให้ก็รับ ๆ ไว้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเบื่อเร็ว’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel