แค่เด็กเลี้ยง 2 ไม่อยากเป็นเมียน้อย
“รวมต้นรวมดอกมาแล้วค่ะ ต่อไปนี้หมดหนี้กันแล้วนะคะ” ฉันวางเงินก้อนให้คุณนายสา เจ้าหนี้ที่ปล่อยเงินกู้ในหมู่บ้าน
“ไม่คิดว่าเธอจะหาเงินมาคืนได้ไวขนาดนี้” คุณนายสาพูดพลางหยิบเงินไปใส่เครื่องนับเงิน “ไม่น่าลำบากไปยืมคนอื่นมาคืนฉัน ยอมมาอยู่บ้านหลังเดียวกันก็จบแล้ว เสี่ยหันเขายินดีต้อนรับ ให้มากกว่านี้ก็ยังได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ บัวลานะคะ” ยกมือไหว้แล้วก็รีบเดินออกจากบ้าน ไม่คิดจะอยากอยู่ที่นี่นานเพราะรู้สึกอันตราย
“หนูบัว” แต่ก็ไม่ทันได้ก้าวขาออกจากประตูบ้านเสียงของชายที่อายุ 60 กว่าก็ดังมาจากทางด้านหลังฉัน
“สวัสดีค่ะเสี่ยหัน” ฉันหันมาเผชิญหน้าแล้วก็ยิ้มรับอย่างมีมารยาทแม้ว่าจะไม่อยากมีมารยาทก็ตาม
“หนูจะย้ายเข้าบ้านเมื่อไหร่จ๊ะ”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นแล้วค่ะ”
“หมายความว่าหนูจะเทียวไปเทียวมาเหรอ แบบนั้นไม่ดีนะหนู เสี่ยไม่ปลื้ม”
“หนูใช้หนี้ของเสี่ยหมดแล้วค่ะ ที่ผ่านมาขอบคุณมากที่ช่วยหนูนะคะ ลาค่ะ” ยกมือไหว้สวย ๆ แล้วก็รีบหันหลังเดินออกจากประตูบ้านของเสี่ยหันอย่างเร็ว
เดินออกมาได้ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงของเสี่ยหันโวยวายลั่นบ้าน
หึ ฉันยอมเป็นผู้หญิงขายตัว แต่ไม่คิดจะเป็นเมียน้อยของเสี่ยหันชายที่อายุแก่กว่าพ่อของฉันซะอีก ฉันไม่คิดทำผิดศีลธรรมแบบนั้น แม้ว่าเมียของสี่ยจะยินดีมาก ๆ ที่จะเอาฉันเข้าไปเป็นเมียน้อยของสามีเขา
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องยอมขนาดนั้น ยอมเพื่ออะไร
ฉันตรงกลับมาบ้านหลังจากที่จัดการเรื่องหนี้จนเรียบร้อย เลือกเก็บเสื้อผ้าบางส่วนเพื่อย้ายเข้าไปอยู่คอนโดตามที่คู่สัญญาต้องการ
ฉันชื่อบัว บัวบูชา เป็นนักศึกษาปี4 ใกล้จะเรียนจบ แต่เหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตที่ไม่ราบรื่นก็ไม่ราบรื่นขึ้นไปอีก พ่อที่ขยันสร้างแต่หนี้เมาขี่รถมอเตอร์ไซค์เสียหลักเสียชีวิตคาที่ หนี้ทุกอย่างกลายเป็นฉันกับพี่ชายที่ต้องรับผิดชอบ พี่ชายฝาแฝดเสียสละไม่เรียนต่อ เขาออกไปทำงานหลังจากจบปวช.3เพื่อส่งให้ฉันเรียน ให้ฉันได้มีการศึกษาที่ดี หวังให้ฉันเอาตัวรอดในสังคมที่มีแต่คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ฉันทั้งเรียนทั้งทำงานเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ช่วยพี่ชายฝาแฝด
เราสองคนรักกันมาก
แต่แล้วก็เหมือนชาติก่อนฉันทำกรรมมาเยอะ ชาตินี้ฉันถึงได้เจอแต่เรื่องหนักหนา พี่ชายฝาแฝดที่เป็นที่พึ่งทางใจและเป็นญาติเพียงคนเดียวของฉันตรวจเจอโรคร้าย ต้องรักษาทันทีไม่อย่างนั้นจะรักษาชีวิตเขาไว้ไม่ได้ เพื่อช่วยพี่ฉันยอมทำทุกอย่าง จึงตัดสินใจยืมเงินของคุณนายสาเพื่อให้พี่ชายได้ผ่าตัด โดยคุณนายสากำหนดมาว่าต้องจ่ายคืนภายในหนึ่งอาทิตย์ หากหามาคืนไม่ได้ก็ถือว่าเป็นสินสอดที่เสี่ยหันยกให้ฉัน
ฉันไม่ได้อยากเป็นเมียน้อยใคร ฉะนั้นจึงเลือกที่จะขายตัวเองให้กับคนที่พร้อมจ่ายและพร้อมจบ
“วันนี้รวินท์เป็นยังไงบ้างคะ” ฉันเอ่ยกับพยาบาลที่ดูแลพี่ชายฝาแฝด
“วันนี้รู้สึกตัวกว่าเมื่อวานค่ะ คุณหมอบอกว่าอาการดีขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ” ยิ้มขานรับพยาบาลจึงเดินออกไป จากนั้นฉันจึงมานั่งข้างพี่ชายที่นอนกะพริบตามองเพดานอย่างเลื่อนลอย
หลังจากผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกในสมองออก รวินท์ไม่ได้อาการดีขึ้น อาจจะด้วยอาการแทรกซ้อนหลังผ่าและระยะของโรคที่มันลุกลามไปไกลแล้ว ลามไปกระดูกสันหลังและปอด ก่อนหน้านี้เพื่อหาเงินใช้หนี้รวินท์จึงอดทนต่อความเจ็บปวด
ทว่าการอดทนนั้นนำมาซึ่งความเจ็บปวดยิ่งกว่า
และฉันปล่อยพี่ไปไม่ได้ ฉันจะทำทุกทางเพื่อรักษาพี่ ฉันไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้คนเดียว ฉันอยากให้พี่อยู่กับฉัน ให้เราเป็นที่พึ่งพาของกันและกัน
“รวินท์ ได้ยินบัวไหม บัวใช้หนี้คุณนายสาหมดแล้วนะ รวินท์ไม่ต้องห่วง บัวไม่ไปเป็นเมียน้อยเสี่ยหัน และบัวก็ยังเรียนต่ออย่างที่รวินท์ต้องการ บัวจะไม่ทำให้รวินท์ผิดหวัง รวินท์รีบหายนะ เราสองคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน บัวคิดถึงรวินท์มากเลย รีบหายนะแล้วเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอย่างที่สัญญากันไว้” พูดพลางโอบกอดพี่ชายฝาแฝดที่นอนไม่ได้สติ
เพราะไม่อยากตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะใช้เงินในการรักษาเท่าไหร่ฉันก็ยอม ต่อให้หมอบอกว่าไม่มีหวังฉันก็ยังจะรักษารวินท์ ฉันเชื่อว่ารวินท์จะต้องหาย เราสองพี่น้องจะกลับมาอยู่ด้วยกัน
จับมือพี่ชายฝาแฝดแล้วจึงซบใบหน้าลงเบา ๆ ที่ข้างเตียง “บัวขอกำลังใจหน่อยนะรวินท์ กำลังใจจากรวินท์ดีที่สุดแล้ว เค้ารักรวินท์นะ เค้าสู้ รวินท์ก็สู้นะ”
ตริ๊ง! เสียงแจ้งเตือนปลุกให้ฉันตื่น หลับไปเกือบครึ่งชั่วโมง ได้อยู่กับรวินท์ทำให้ฉันหลับสบาย ทว่าตั้งแต่รวินท์มาอยู่ที่โรงพยาบาลเราก็แทบไม่ได้เจอกันเท่าไหร่นัก ฉันเร่งรีบหาเงินใช้หนี้คุณนายสาเพราะกำหนดเวลาที่เขาให้ก็เหมือนต้องการให้ฉันไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยหันให้ได้
ยอมรับเลยว่าเหนื่อยล้ามากจริง ๆ เหนื่อยทั้งกายและใจ
(คุณธีร์: เดี๋ยววันนี้พี่ไปหานะ)
(บัวบูชา: ค่ะ หนูกำลังจะกลับค่ะ)
(คุณธีร์ : ไปไหน)
(บัวบูชา: มาเก็บเสื้อผ้าของใช้ค่ะ)
(คุณธีร์: อีกนานไหม)
(บัวบูชา: กำลังจะกลับค่ะ)
(คุณธีร์: ประมาณ)
(บัวบูชา: ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงค่ะ)
(คุณธีร์: ตรงต่อเวลาด้วยนะครับ)
(บัวบูชา: ค่ะ รับทราบค่ะ)
ฉันต้องรีบแล้วล่ะ ถ้าหากไปถึงช้าจะผิดต่อความใจดีที่คุณธีร์มีให้ เขาน่ะคือคนที่ช่วยให้ฉันไม่ต้องไปเป็นเมียน้อยเสี่ยหัน และช่วยให้ฉันไม่ต้องขายร่างกายให้กับคนหลายคน
ต่อให้การช่วยของเขามีเงื่อนไข แต่ช่วยก็คือช่วย เพราะโลกใบนี้ไม่มีของฟรี ไม่มีอะไรที่ได้มาแล้วไม่จ่ายกลับ
“รวินท์...บัวกลับก่อนนะ แล้วเดี๋ยวบัวจะมาหาอีก บัวจะเรียนให้จบอย่างที่รวินท์ต้องการ ไม่ต้องกังวลนะ บัวสบายดีมาก ๆ รวินท์หายแล้วเราค่อยไปเที่ยวกันเนอะ” จูบลงที่กลางหน้าผากของพี่ชายฝาแฝด
เดินออกมาหาพยาบาลพิเศษที่จ้างไว้ดูแลรวินท์ เพราะฉันยังต้องเรียนและยังต้องทำงานที่รับเงินมาก่อนแล้ว
“กลับแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ บัวฝากดูแลรวินท์ด้วยนะคะ หากมีเรื่องด่วนอะไรติดต่อบัวได้ทันทีเลยนะคะ”
“ได้ค่ะ พี่จะดูแลอย่างดีค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นก็รีบค่ะ รีบออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ตรงมาเรียกแท็กซี่
คุณธีร์เขาเป็นคู่สัญญาของฉัน ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมาถึงขั้นนี้
เขาคงเป็นโชคดีเดียวของฉันแหละมั้ง
หลังจากที่มืดแปดด้านฉันก็ขอให้เพื่อนที่รู้เกี่ยวกับอาชีพนั้นพาไปแนะนำกับคนจัดหางาน แล้วจากนั้นคุณอัปสรก็แนะนำฉันให้กับคุณธีร์ ตอนนั้นฉันคิดแล้วว่าเสียครั้งแรกให้เขาก็อาจจะได้ไม่มากนัก คงต้องหาคนอื่นเพิ่มเพื่อหาเงินใช้หนี้คุณนายสาให้ทันเวลาและหาเงินรักษารวินท์เผื่อเกิดเรื่องฉุกเฉิน
แต่แล้วคุณธีร์เขาก็จ่ายเงินให้ฉันเยอะมาก ทั้งยังขอผูกปิ่นโตแบบนี้ไหมนะที่เขาเรียกกัน หรืออาจจะมีคำอื่นอีก แต่ฉันไม่รู้จัก
ฉันที่ได้ยินรู้สึกดีใจมากเพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าฉันไม่ต้องไปฝืนใจนอนกับใครหลายคน แล้วก็ยังได้เงินก้อนมาใช้หนี้ค่าผ่าตัด
และเพราะการเดินทางที่ค่อนข้างไกลทำให้คุณธีร์ยื่นข้อเสนอมาเพิ่ม โดยให้ฉันไปอยู่ที่คอนโดของเขา ฉันก็เลยถือโอกาสเรียกเงินก้อนใหญ่เพื่อไปปิดจบหนี้เสี่ยหัน
โชคดีจริง ๆ ที่คุณธีร์ยอมให้ ฉันถึงพ้นคำว่าเมียน้อย
ฉันดีใจ ดีใจมากเลยที่ไม่ต้องไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยหันที่แก่กว่าพ่อฉันด้วยซ้ำ และดีใจมากที่เจอคุณธีร์ เขาคือคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยดึงฉัน ถึงจะแลกด้วยร่างกายฉันก็ไม่เสียดาย เพราะมันดีกว่าฉันต้องไปเป็นเมียน้อยคนอื่น สำหรับคุณธีร์แล้วเราสองคนต่างคือคนแปลกหน้าที่อยู่ด้วยกันด้วยสัมพันธ์ทางกาย
ไม่ว่าเขาจะมองฉันยังไงมันก็เป็นเรื่องของเขา เขาจะเป็นคนยังไงมันก็เป็นเรื่องของเขา เราต่างไม่เกี่ยวข้องกัน เขาให้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็พร้อมให้ในสิ่งที่เขาต้องการ
เราต่างแลกเปลี่ยนกัน โดยที่ฉันต้องห้ามรู้สึกอะไรกับเขาเพราะจะกลายเป็นฉันเองที่เจ็บปวด เขาพูดไว้ชัดเจนฉันก็ควรจะไม่เล่นกับไฟ แม้หัวใจจะแอบสั่นไหวในตอนที่เราอยู่ด้วยกัน
ฉันก็จะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านั้นมาออกมาบ่อยนัก ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นฉันที่เจ็บปวด เหมือนอย่างที่คุณธีร์เคยเตือนเอาไว้
