8.เสียใจสิ
“ถึงจะน่าเสียดาย แต่เราคงต้องยอมรับความจริงว่าตงตงนั้นไม่สามารถมาเป็น..พื้นที่ปลอดภัยให้เชอรีนได้ คราวนี้..เราจะเลือกใครดีล่ะที่สามารถปกป้องเชอรีนและอยู่ข้างกายเชอรีนได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่ทำให้อาการ..ของเธอกำเริบขึ้นมา”
เขาตีเนียนพร้อมกับทำท่าทางเสียดายออกมาทั้งๆ ที่ในใจกำลังโห่ร้องดีใจ..
ไม่เหลือตัวเลือกแล้วคนสวย ชี้ที่พี่แล้วพูดชื่อของพี่ขึ้นมาสิ
“อันที่จริง ฉันคิดว่ายังมีผู้ชายอีกคน..ที่อยู่ข้างๆ คุณตงตง..”
“นั่นแหละคือตัวเลือกที่ถูกต้อง ไม่มีใครจะเหมาะสมกับการทำหน้าที่นี้เท่ากับพี่อีกแล้ว เรายังต้องอยู่ร่วมกันอีกนานเพราะฉะนั้นแล้วเริ่มต้นกันวันนี้เลยน่าจะดีกว่า”
สิงหารีบพูดตัดบทในทันทีก่อนที่เชอรีนจะพูดชื่อของผู้ชายคนอื่นขึ้นมาอีก เขาชอบที่ตัวเองได้ค่อยๆ ไล่ต้อนเธอให้มุมแต่ทว่า ตัวเขาเองก็เป็นคนที่อดทนไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก การที่เธอพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อไม่ให้เขาได้อยู่ข้างๆ เธอ มันทำให้อารมณ์ของเขาคุกรุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนนี้รังเกียจกันไปก่อนเถอะ..หากได้ลองสักครั้งเชื่อเลยว่าจะต้องอยากได้เขาอีกแน่ๆ..
เชอรีนส่ายหน้าในทันทีเพราะเธอไม่คิดจะให้คุณสิงหามาอยู่ข้างๆ เธอ อีกทั้งเขาน่าจะงานยุ่งมากไม่ใช่เหรอ เขาจะคอยมาปกป้องเธอได้ยังไงกัน
“..ไม่ใช่ว่าคุณ..งานยุ่งมากเหรอคะ อันที่จริงเชออาจจะค่อยๆ ..ฝึกเข้าหาคนอื่นด้วยตัวเอง..”
ปลายนิ้วของสิงหาลูบไล้ลงไปที่ริมฝีปากสีแดงระเรื่อ เธอไม่ได้ทาอะไรบนนั้นด้วยซ้ำแต่มันกลับมีสีที่เหมือนผลแอปเปิ้ลสุกงอม สีแดงหวานและชุ่มฉ่ำราวกับกำลังรอคอยให้เขาทาบริมฝีปากลงไปกัดกินมัน..
“พี่รอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอกนะ อย่าลืมสิว่าดอกเบี้ยของเชอเพิ่มขึ้นตลอดเวลา หากไม่รีบจัดการความกลัวของตัวเอง..อนาคตข้างหน้าเชออาจจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไปเลยก็ได้นะ..”
เมื่อเขาหยิบยกเรื่องหนี้สินขึ้นมาพูด เชอรีนก็เลือกที่จะเงียบเพราะดูเหมือนเขากำลังตอกย้ำจุดยืนของเธออยู่..ว่าเธอไม่ได้มีสิทธิ์ในการต่อรองกับเขามากมายขนาดนั้น
อีกทั้งอาการที่เธอเป็นอยู่ เชอรีนเองก็อยากจะหายดีเหมือนกัน เธออยากจะก้าวเท้าทั้งสองข้างนี้..ก้าวเดินไปยังข้างนอกกรอบสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่เธอกักขังตัวเองเอาไว้
หากนั่นคือการแนะนำของหมอเพื่อที่อาการของเธอจะดีขึ้น เช่นนั้นแล้วเธอก็ควรจะให้ความร่วมมือกับเขาไม่ใช่รึไง
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ..หากว่านั่นคือการรักษา เชอก็ยินดีจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่..”
ต้องอย่างงั้นสิ..ว่าง่ายๆ จะได้โตไวๆ
“ขั้นแรก เชอไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนก่อนสิ คืนนี้เราจะนอนด้วยกันที่นี่”
เขากล่าวออกมาด้วยคำพูดสองแง่สองง่ามขณะที่ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้มออกมาราวกับตัวร้าย
“...นั่นใช่การรักษาที่คุณหมอแนะนำมาเหรอคะ”
เธอเอ่ยถามเพื่อให้แน่ใจ การที่เขานอนกับเธอมันจะช่วยเรื่องอาการของเธอได้ยังไงก่อน ไม่ใช่ว่าเขาเอาเรื่องหมอมาอ้างแล้วมั่วนิ่มอยากนอนกับเธอหรอกเรอะ
“เพื่อให้เชอเห็นว่าพี่คือพื้นที่ปลอดภัย..เพื่อให้อาการของเชอหายดีพี่จำเป็นต้องฝืนใจทำอะไรที่ไม่อยากทำเลยนะ พี่ไม่ได้อยากจะมานอนที่นี่กับเราสักหน่อย..แต่เพราะพี่เห็นถึงความอยากหายของเชอ พี่เลยจำใจต้องทำตามที่หมอผืนป่าสั่งน่ะ..”
เขากล่าวคำที่ตรงข้ามกับความในใจออกมาพร้อมกับทำหน้าทำตาทะเล้น
“อา..เชอรีนรอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาชุดนอนมาให้”
ครั้งนี้จะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด เขาต้องได้เห็นผิวกายที่ขาวเนียนของเธอบ้างสิ
“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ คือว่าในตู้นี้มีชุดนอนอยู่แล้ว ไม่ต้องรบกวนคุณสิงหาก็ได้ค่ะ”
“.....อ่า เอาแบบนั้นก็ได้ เชอไปเปลี่ยนชุดสิ เราจะได้นอนกันสักที เพราะวันนี้นั่งรถมาทั้งวันแล้ว..พี่ก็เลยรู้สึกเหนื่อยน่ะ”
ชุดนอน? อย่าบอกนะว่าชุดนอนแขนยาวขายาวอะไรแบบนั้นน่ะ หรือว่าที่จริงเขาควรจะจัดการหักเงินเดือนแม่บ้านก่อนเลย..ทำไมกันนะ ทำไมอะไรๆ มันถึงไม่ได้ดั่งใจเขาเลย แค่จะนอนกับเชอรีนเขาแค่ล็อคประตู หลังจากนั้นก็จับเธอมัดข้อมือเอาไว้ แล้วแบกเธอขึ้นเตียงเท่านั้นเอง..เรื่องง่ายๆ แค่นั้นแล้วเขาทำให้มันยากขนาดนี้ทำไมกันวะ
ไม่เข้าใจตัวเองเลยโว้ย!!
เชอรีนเริ่มติดกระดุมชุดนอนแขนยาวของเธอทีละเม็ด เกิดมาเธอไม่เคยนอนกับใครมาก่อนเลย ในห้องของเธอมีแค่เธอและโทรศัพท์หนึ่งเครื่องเท่านั้นเอง
เธอพ่นลมหายใจออกมาทางปลายจมูก บางทีนี่อาจจะเป็นการรักษาอาการของเธอก็ได้ เขาคงไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่จะคิดเรื่องลามกหรือว่าทำอะไรแปลกๆ กับเธอหรอกละมั้ง
ใบหน้านั้นของเขา..ดูดีขนาดที่เป็นนักแสดงได้สบายๆ เลย ระดับความหล่อของเขาเป็นพระเอกยังได้ เขาคงจะมีผู้หญิงเข้าหาไม่ขาด และ..เธอที่เป็นแค่ดาราตกอับแถมหนี้สินยังท่วมหัวขนาดนี้
เขาจะมาสนใจเธอได้ยังไงกัน..ห้ามเลยนะเชอรีน ห้ามคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เธอเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เชอรีนปรายสายตามองคุณสิงหาที่กำลังนอนอยู่บนเตียงของเธอด้วยท่าทีสบายๆ เขายกมือขึ้นมาหนุนศีรษะและเมื่อเธอมาเขาก็หลับตาลงช้าๆ
“หากไม่ปิดไฟพี่จะนอนไม่หลับ..เพราะงั้นกดปิดไฟด้วยนะเชอรีน”
เธอกำลังจะถามเขาเลยว่าคืนนี้เราลองนอนแบบเปิดไฟดูหน่อยได้ไหม แต่เขากลับพูดตัดหน้าเธอซะอย่างนั้น
ปลายนิ้วของเชอรีนสั่นไหว ขณะที่กำลังกดลงไปบนสวิทช์ไฟ เธอมองทางไม่ค่อยเห็น แต่ก็พยายามใช้มือคลำเพื่อที่จะเดินไปที่เตียง เชอรีนล้มตัวนอนลงอีกฝั่งของเตียง เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า..
มันแย่มากกว่าที่คิด เพราะเมื่อปิดไฟแล้วนั่นทำให้ประสาทสัมพันธ์ของเธอชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งที่กำลังกวนใจเธอนั้นมีไม่น้อยเลย..ยกตัวอย่างเช่นกลิ่นน้ำหอมราคาแพงของเขา และกลิ่นข่มปร่าของควันบุหรี่ที่ติดตามตัว ยังไม่รวมกับเสียงของลมหายใจของเขาที่มัน..กวนใจเธออย่างน่าประหลาด
“แล้ว..ที่ผ่านมาใช้ชีวิตแบบไหนกัน อยู่ในห้องคนเดียว..ไม่เหงางั้นเหรอ”
เธอกลื่นน้ำลายลงคอที่แห้งผาก
“ไม่ค่ะ ไม่ได้รู้สึกเหงาขนาดนั้น..เชอเป็นคนจัดคิวงานพร้อมกับโทรไปนัดคิวคนขับรถและช่างแต่งหน้าให้นักแสดงคนอื่นๆ ..แล้วก็เป็นคนติดต่อรับงานแสดงของนักแสดงในค่ายด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปนอกห้องแต่การได้คุย ได้ยินเสียงของผู้คนมากมายผ่านสายโทรศัพท์แค่นั้นมันก็เหมือนกับได้ออกไปนอกห้องแล้วค่ะ”
ชั่วขณะหนึ่งสิงหาพบว่าเขากำลังรู้สึก..สงสารเธออยู่
“แล้ว..ไม่อยากกลับไปเล่นละครหรือว่าไปรับงานแสดงแล้วเหรอ ไม่เสียดายรึไงที่หยุดความฝันเอาไว้แค่ตรงนั้น”
เธอเงียบไปพักหนึ่ง นั่นเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากมากทีเดียว เธออุทิศชีวิตให้กับการแสดงและเธอรักอาชีพนั้น มันไม่ใช่แค่ความเสียใจแต่..จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของเธอจางหายไปด้วย
“เสียใจค่ะ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อฉันในตอนนี้แม้แต่จะยืนอยู่หน้าคนที่ไม่รู้จักยังทำไม่ได้เลย แล้วจะกลับไป..เล่นละครได้ยังไงกัน”
