4.ผิดตรงไหน
“มุมนี้สวยมากเลยให้ตายสิ ตอนที่หนูยิ้มมันน่ารักน่าเอ็นดูมากๆ เลยนะ ลุงภูมิใจในตัวของเชอรีนจริงๆ”
ในบ้านหลังน้อยเชอรีนกำลังยิ้มแย้มด้วยความดีใจ เธอมองตัวเองที่อยู่ในจอโทรทัศน์ด้วยแววตาที่เปล่งประกายมากกว่าครั้งไหนๆ เธอชอบการแสดงนะ ชอบที่ตัวเองได้สวมบทบาทเป็นคนนั้นที คนนี้ที ชอบที่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบในทุกครั้งที่มองเห็นตัวเองผ่านจอโทรทัศน์หรือว่ามองตัวเองผ่านป้ายโฆษณาที่ติดเอาไว้ตามข้างทาง..
เราไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ไม่มีสายเลือดร่วมกันเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะแม่ของเธอคือนักรักตัวยง แม่รักพ่อของเธอมากและยินยอมบินตามเขาไปถึงต่างประเทศเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน แต่ทว่าพ่อของเธอไม่ได้คิดจริงจัง..ด้วยอายุที่ยังไม่ผ่านพ้นวัยยี่สิบปีการตั้งครรภ์มันจึงเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่แม่จะรับมือไหว
แม่คือนักแสดงในสังกัดของลุงภาคิน แต่แม่ไม่ชอบทำงานเท่าไหร่นัก..แม่เป็นผู้หญิงที่สวยมากเท่าที่เธอเห็นตามรูป
เชอรีนไม่เคยเห็นหน้าแม่เลย เมื่อแม่คลอดเธอแม่ก็จากไปในทันทีพร้อมกับทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่ ลุงภาคินเลี้ยงดูเชอรีนเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง
เชอรีนยังจำได้ว่าวันแรกที่เธอออดิชั่น บทตัวประกอบผ่าน เราสามคนดีใจมากแค่ไหน ทั้งเธอ ลุงภาคินและพลอยใสต่างกระโดดกอดคอกันด้วยความดีใจ
เธออยากจะตอบแทนบุญคุณที่ลุงเลี้ยงดู จึงตั้งใจทำงานในเส้นทางสายนี้อย่างเต็มที่..แต่ทว่าในวันที่เธอพบเจอชายคนหนึ่ง..ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“นี่คือคุณไมเคิลนะ ท่านเป็นผู้สนับสนุนละครเรื่องนี้ที่เชอรีนเป็นนางเอก ดูแลท่านให้ดีเข้าใจรึเปล่า..หากท่านถูกใจเธอ เส้นทางบนหนทางการแสดงของเธอก็รุ่งโรจน์..”
ในตอนนั้นเชอรีนไม่เข้าใจเลยว่าพี่ผู้กำกับพูดแบบนั้นกับเธอทำไม แล้วเธอต้องไปดูแลผู้สนับสนุนเงินด้วยงั้นเหรอ.?
“เชอรีน วันนี้ไม่คิวถ่ายแล้วไปส่งคุณไมเคิลกลับหน่อยสิ”
“พี่คะคือว่าหนูไม่รู้จักคุณไมเคิลเป็นการส่วนตัว หนูไปกับท่านก็มีแต่จะอึดอัดกันเปล่าๆ ..ให้หนูกลับบ้านเถอะนะคะ"
ชั่วขณะหนึ่งแววตาของผู้กำกับคนนั้นเปลี่ยนไปในทันที
“นี่ไม่เข้าใจที่พี่สั่งงั้นเหรอ..คิดว่าแค่สวยอย่างเดียวมันสามารถประสบความสำเร็จได้เหรอ คิดว่าแค่แสดงดีมันช่วยละครดังงั้น เหรอ เราต้องการทุนในการจัดโปรโมทละครเรื่องนี้ ทุนในการลงโฆษณา..พี่ไม่เคยเจอเด็กที่บอกยากบอกเย็นเหมือนเราเลยแค่ไปนอนกับท่านสองสามครั้งแค่นั้น..เราก็จะเป็นนางเอกดังแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่มีหัวคิดเลยรึไงวะ! มาจากค่ายจนๆ แท้ๆ ไม่คิดพกความฉลาดมาหน่อยเหรอ!!”
เชอรีนยืนนิ่งๆ เพื่อให้ผู้กำกับด่าเธอให้พอใจ ก่อนที่เธอจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อสูดหายใจให้เต็มปอด สิ่งที่เธอแบกเอาไว้มันไม่ใช่แค่ปากท้องของเธอเพียงอย่างเดียว แต่มันรวมไปถึงความเป็นอยู่ของทั้งลุงภาคินและพลอยใสอีกด้วย..
“....”
ต้องไปนอนกับท่านจริงๆ งั้นเหรอ ต้องยอมกลืนศักดิ์ศรีลงท้องขนาดนั้นเลยเหรอ
“ขอโทษด้วยนะครับพอดีว่าผมกำลังจะเข้าห้องน้ำและ..คุณกำลังยืนขวางทางอยู่”
เชอรีนสะดุ้งในทันที เธอเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะรีบปาดน้ำตาอย่างลวกๆ
“ขะ..ขอโทษด้วยนะคะ”
นั่นคือครั้งแรก..ที่เชอรีนได้พบเจอกับ คีตะและ..นั่นคือจุดเริ่มต้นของความฉิบหายทั้งหลายทั้งปวง
“พี่ต้องให้ผมนะ..ผมไม่เคยอยากได้ใครเท่านี้มาก่อนเลย”
คีตะบอกกล่าวกับพี่ชายต่างพ่อของเขา ไมเคิล ลี
“มึงนี่นะ กูอุตส่าห์ตามชอบมาตั้งนาน มึงมาของ่ายๆ งี้เลย”
คีตะหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจ
“แล้ว..มึงจะให้กูไหมล่ะไอ้พี่ไมเคิล”
แค่เจอกันเพียงครั้งเดียวคีตะก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าเชอรีนนั้น..จะต้องทำให้เขามีความสุขได้อย่างแน่นอนหากว่าเขาได้ครอบครองเธอ
“แล้วกูเคยขัดมึงได้งั้นเหรอไอ้น้องเวร แต่อยากได้คนนี้ต้องพยายามหน่อยนะ..เพราะดูเหมือนน้องมันจะไม่ง่ายเหมือนคนที่ผ่านมาอ่ะดิ”
ไมเคิลตบไหล่ของน้องชายเบาๆ พร้อมกับขยับรอยยิ้มพราย
“เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องกังวลหรอก กูมีทางของกู”
ทางที่ว่าคือการ..ทำลายให้ย่อยยับ ไล่ต้อนให้จนมุมให้แผ่นหลังบางๆนั่นชนเข้ากับข้างฝา ให้ไม่มีหนทางใดๆ หลงเหลือให้เธอได้วิ่งหนีอีก..เมื่อถึงช่วงเวลานั้นเธอจะต้องยอมจำนนต่อเขาอย่างแน่นอน..
“ขะ..ข่าวพวกนี้มันอะไรกันคะพี่ มีข่าวออกมาแบบนี้ได้ไง พี่ไม่เคยไปค้างที่ไหนเลยนะ!!”
พลอยใสโวยวายเสียงดังเมื่อเธอเห็นข่าวหน้าหนังสือพิมพ์พร้อมกับข่าวในอินเตอร์เน็ตที่กำลังขึ้นเทรนอยู่ในตอนนี้ อันดับหนึ่งในการค้นหาคือชื่อของเชอรีน เชอรีนดาพร้อมกับวงเล็บด้านหลังว่า (เมียน้อย)
เชอรีนที่กำลังทานมื้อเช้าถึงกับวางช้อนลงในทันทีเมื่อเธอเห็นข่าว เธอไม่ได้ไปนอนกับคุณไมเคิลสักหน่อย เมื่อคืนเธอหนีกลับบ้านมา..แล้วทำไมข่าวถึงได้เขียนไปแบบนั้นกันนะ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะพี่ ทุกอย่างจะต้องมีทางแก้ไขอีกทั้งเรามีกล้องวงจรปิดที่ยืนยันที่อยู่ของพี่ได้ทุกเวลาว่าพี่ไม่ได้ไปอยู่กับท่านไมเคิลอะไรนั่นสักหน่อย!!”
จริงอยู่ที่เราไม่ได้ทำและเรามีหลักฐาน แต่ทว่าในตอนนี้สังคมกำลังร้อนและกล่าวประณามการกระทำของเธออย่างเลือดเย็น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครคิดหยุดด่าแล้วฟังเธอเลย คอมเม้นท์แย่ๆ ทั้งในเว็บไซร์และในหน้าไอจีส่วนตัวนั้นถล่มมาจนเธอต้องปิดไอจีเป็นการชั่วคราวเพราะไม่สามารถรับมือกับข้อความพวกนั้นได้
ในช่วงเวลานั้นเชอรีนมีคำถามที่เกิดขึ้นมาในใจ..เธอทำอะไรผิดกันนะ ตรงไหนที่เธอทำพลาดไป?
ทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด..แล้วทำไมชีวิตของเธอถึงได้พังทลายลงมาแบบนี้กันล่ะ ทำไม..มันถึงเป็นแบบนี้ไปได้
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ติดตามเสื้อโค้ทของเขาทำให้เธอสงบลง ราวกับว่าเสื้อที่เขาคลุมให้เธอมันคือป้อมปราการที่ช่วยบดบังเธอจากสายตาพวกนั้น..เรื่องราวมันผ่านมาหลายปีแล้วแต่เธอยังรับมือกับ..อาการวิตกกังวลของตัวเองไม่ได้สักที
“ขะ..ขอบคุณค่ะ”
“ไปหาหมอบ้างรึเปล่า อาการเธอดูแย่มากนะ”
เชอรีนขบเม้มริมฝีปากไปมา..เธอไม่กล้าไปหาหมอเพราะกลัวการออกไปข้างนอก เธอไม่ได้ออกมาข้างนอกห้องมานาน มากๆแล้ว ราวกับว่าพื้นที่ปลอดภัยเดียวของเธอมันคือในห้องนอนที่มืดมิดและเกมโทรศัพท์พวกนั้น..
“พาฉันกลับได้ไหมคะ..ฉันไม่น่าจะช่วยคุณได้หรอกค่ะ คุณก็เห็นว่าอาการของฉันมัน..”
“ก็ได้..พาเธอกลับไปแล้วก็ทำลายบ้านหลังนั้นพร้อมกับใช้มีดเถือหนังของลุงภาคินไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้แทน..เอาแบบนั้นก็ได้คนสวยถ้าเธอต้องการ"
เชอรีนรีบจับมือของเขาเอาไว้อีกครั้ง เมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสามารถต่อรองเขาได้
“ฉะ..ฉันจะลองดูค่ะ จะลอง..ทำดู”
