บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

ในค่ำคืนวันนี้ เขาไม่ได้มีท่าทีของสัตว์ร้ายที่ออกตระเวนล่าเหยื่อ ดังสมญาที่ได้รับการตั้งขึ้นหลงเหลือให้เห็นแม้แต่น้อย ท่าทางของเขาคือขุนนางผู้ทรงอำนาจ ผู้มีหน้าตาคมสันบาดหัวใจ ขณะจับตามองเขาอยู่ในระยะห่างเช่นนี้เธอก็อดภาคภูมิใจในตัวสามีมิได้

ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะเงียบกริบลงทันทีที่โจนน์ปรากฏตัวขึ้น รอยซ์วางถ้วยทองที่ถืออยู่ในมือลง กล่าวคำขอตัวจากแขกที่กำลังสนทนาอยู่ด้วย และหันมา ดูเหมือนเขาจะมีอาการชะงักงันเกิดขึ้นในทันใด

รอยยิ้มอ่อน ๆ ฉาบขึ้นบนใบหน้า แววในดวงตาเปล่งแสงแห่งความชื่นชม ขณะจับตามองดัชเชสสาวที่กำลังเดินเข้ามาหา ในชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียวแกมฟ้าที่ผ่าด้านเผยให้เห็นชุดราตรีสีทองที่สวมอยู่ชั้นในตรงช่วงลำคอประดับสายสร้อยทองคำฝังพลอยอะความารีน ช่วงเอวที่คอดกิ่วรวบรัดด้วยเข็มขัดผ้าซาตินสีทองปักประดับด้วยอะความารีนเช่นกัน

เรือนผมที่แสกกลางสยายยาวเป็นลอนคลื่นลงมาจนถึงกึ่งกลางหลัง ตัดกับชุดที่เธอสวมใส่ งดงามอย่างเหลือพรรณนา

ทันทีที่รู้สึกตัว รอยซ์ก็รีบเดินเข้าไปรับ จับมือเย็นเยือกมากุมไว้รั้งร่างเธอเข้ามาใกล้ ก้มลงยิ้มให้อย่างไม่คิดจะปิดบังความชื่นชมในความงามของเธอเลยแม้แต่น้อย

“เธอสวยเหลือเกิน” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ยืนนิ่ง ๆ สักครู่นะเพื่อให้พวกเขาได้ชื่นชมกับความงามของเธออย่างทั่วถึง”

“ฉันเคยได้ยินมานะเจ้าคะ มายลอร์ด ว่าเหตุผลหนึ่งที่ท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นถึงราชินีแห่งสก๊อตแลนด์ ก็เพราะว่าฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาจืดชืดไร้เสน่ห์โดยสิ้นเชิง” เธอสังเกตเห็นความแปลกใจที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น แล้วก็รู้ว่าสิ่งที่ตนเองกล่าวออกมานั้นมันเป็นความจริง

“ฉันรู้ว่าตัวเองอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ตอนที่กำลังโมโหอยู่ แต่ขอรับรองว่าจริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้คิดจริงจังตามคำพูดเหล่านั้นไปด้วย... โจนน์ ฉันอาจจะเป็นคนหลายอารมณ์ก็จริง แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ฉันไม่ใช่คนตาบอด”

“ถ้ายังงั้น ฉันก็ยินดีมากเลยเจ้าค่ะที่ท่านตัดสินการแต่งเนื้อตัวของฉันในคืนวันนี้ว่าเป็นที่พอใจของท่านมาก”

มันมีความหมายอันลึกล้ำปรากฏอยู่ในน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลยามที่เขาเอ่ยถามเธอออกไปว่า

“แล้วเธอจะยินดีสำหรับสิ่งอื่นที่จะตามมาในคืนนี้ด้วยไหมล่ะ”

“ได้สิเจ้าคะ... ” เธอพยักหน้ารับรอง “ตราบใดที่เรายังอยู่ในห้องข้างล่างนี่”

“เธอน่ะมันหัวรั้นนัก” เขาทำเสียงดุ กวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างและเสริมว่า “เอาละ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะออกต้อนรับแขกเหรื่อร่วมกันเสียที” เขาคล้องแขนเธอไว้และหันหลังกลับไปทางแขกเหรื่อ และในตอนนั้นเองที่โจนน์เพิ่งเห็นว่า ขณะที่เขากับเธอกำลังพูดกันอยู่นั้น บรรดาอัศวินทั้งหลายต่างก็ยืนเข้าแถวเรียงอยู่ทางเบื้องหลัง

คนที่ยืนอยู่หัวแถวคือสเตฟาน เวสท์มอร์แลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มองมายังเธอ สีหน้าเขาจะดุดันบึ้งตึงแต่ขณะนี้ เขาเดินเข้ามาจุมพิตเธอลงตรงแก้มเป็นการต้อนรับฉันญาติ และเมื่อก้าวออกห่างก็ยังยิ้มให้เธออย่างปราศจากความเดียดฉันท์

เป็นครั้งแรกที่โจนน์เพิ่งสังเกตเห็นว่า เขามีหน้าตาละม้ายแม้นพี่ชายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขายิ้มอย่างนี้ ดวงตาของเขาเป็นสีฟ้าไม่ใช่สีเทาอย่างพี่ชาย แต่ก็มีเสน่ห์ชวนมองยิ่งนัก

“ถ้ากระผมจะกล่าวคำขออภัยมันก็คงจะไม่เพียงพอสำหรับความยากลำบากทั้งหลายที่กระผมทำกับคุณหญิง แต่เวลานี้เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว กระผมหวังด้วยความจริงใจว่าสักวันหนึ่ง คุณหญิงจะให้อภัยกระผมได้”

คำขออภัยนั้นกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกจริงใจ และไพเราะเหลือเกิน และหัวใจที่อ่อนโยนก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เธอยิ้มให้เขาอย่างเต็มใจ และสเตฟานก็โน้มตัวเข้ามาใกล้พูดต่อเบา ๆ ว่า

“แต่กระผมเห็นจะไม่ขอโทษพี่ชายหรอกขอรับเพราะการไม่ขอโทษเท่ากับให้เกียรติแก่พี่ชายกระผมแล้ว”

โจนน์อดหัวเราะกับคำพูดของเขาไม่ได้ สัมผัสความรู้สึกว่ารอยซ์ผู้ยืนอยู่ข้างตัวได้ก้มลงมามอง เธอเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเขา และแววในดวงตาสีเทาคู่นั้นบ่งบอกถึงความชมเชยและภาคภูมิใจในตัวเธอ

เอริคก้าวเข้ามาเป็นคนต่อไป โจนน์คาดไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีวันกล่าวคำขออภัยต่อเธออย่างแน่นอน และมันก็เป็นจริงเช่นที่คาดคิดไว้ เขาเพียงแต่เข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ความกร้าวกระด้างชาเย็นฉายชัดอยู่ในดวงตา เขาเพียงแต่ผงกหัวเบา ๆ แล้วก็เดินออกไป

เมื่อรอยซ์สังเกตว่าสีหน้าเธอไม่สู้ดีนักก็ก้มลงกระซิบปลอบข้างหูว่า

“อย่าไปคิดว่าเขาดูหมิ่นอะไร เอริคแทบจะไม่เคยพูดกับฉันด้วยซ้ำ”

โจนน์จ้องลึกลงไปในดวงตาสามีแล้วก็เกิดความอบอุ่นใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศในยามค่ำวันนี้จะนำความสำราญมาสู่เธออย่างแน่นอน

เซอร์กอดเฟรย์ ผู้ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ประจำตัวรอยซ์ บุรุษผู้มีเรือนร่างสูงสง่า หน้าตาหล่อสมชาย เดินเข้ามาจับมือเธอและยกขึ้นจุมพิตเบา ๆ อย่างให้เกียรติ และเขายังทำยิ่งกว่านั้น ซึ่งช่วยให้บรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียดคลายลงได้อย่างอัศจรรย์ เขาได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังเพื่อให้ทุกคนที่ยืนอยู่ใกล้ได้ยินกันอย่างถ้วนทั่ว ว่าเธอเป็นสตรีผู้นอกจากจะมีความงดงามด้วยรูปโฉมแล้ว ก็ยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด และมีความกล้าหาญอย่างที่เขาเองก็คงจะทำไม่ได้เช่นเธอ เมื่อหันกลับมาทางเธออีกครั้งนั้นเขาก็พูดต่อว่า

“กระผมขอฝากความหวังไว้ด้วยนะขอรับคุณหญิง ว่าครั้งต่อไป ถ้าคุณหญิงจะหลบหนีจากปราสาทแคลม์เบลล์แบบเดียวกับที่ทำมาแล้วตอนที่อยู่ในค่ายช่วยกรุณาทิ้งรอยไว้ให้เราตามง่าย ๆ หน่อยนะขอรับ”

โจนน์ยิ้มให้เขาและตอบอย่างสงบเสงี่ยมว่า

“ถ้าฉันจะพยายามหลบหนีไปจากที่นี่ละก้อ จะต้องหาทางทำให้ดีที่สุดเชียวค่ะ” ซึ่งทำให้เซอร์กอดเฟรย์หัวเราะเสียงดังลั่นและจุมพิตแก้มเธออย่างเอ็นดู

เซอร์ออสเทซ ผู้มีเรือนผมสีบลอนด์และดวงตาสีน้ำตาลซึ่งฉายแววรื่นรมย์ กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า ถ้าการหลบหนีครั้งต่อไปของเธอ โจนน์จะปล่อยผมให้สยายยาวเช่นนี้แล้ว เรือนผมสีแดงแกมทองเลื่อมระยับจะบอกให้รู้ได้ทันทีว่าเธออยู่ตรงไหน และเขาก็จะติดตามเธอได้ง่ายขึ้น

รอยซ์ถึงกับยิ้มด้วยความพอใจ แต่กระนั้นดวงตาก็ยังเป็นประกายขุ่นขึ้งเมื่อจองหน้าอัศวินผู้นั้น ซึ่งทำให้เซอร์ออสเทซโน้มตัวเข้ามาทำเป็นพูดเสียงกระซิบกระซาบว่า

“คุณหญิงคงเห็นแล้วนะขอรับว่า สามีคุณหญิงน่ะหึงกระผมเข้าแล้ว สายตาแบบนี้คือการสั่งห้ามไม่ให้กระผมพูดอะไรอีกต่อไป”

หลังจากนั้น อัศวินแต่ละคนก็เดินเข้ามาแสดงความเคารพ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักรบผู้กล้าหาญและสามารถจะฆ่าเธอทิ้งเสียก็ได้ ขอแต่เพียงให้รอยซ์ออกคำสั่งเพียงคำเดียว แต่ทุกคนจะต้องอยู่ในฐานะที่ให้ความคุ้มครองป้องกันเธอด้วยชีวิตของพวกเขาเอง

“กระผมหวังแต่เพียงว่า... ” เซอร์ไลออนเนลกล่าว “จะไม่ทำให้คุณหญิงลำบากมากจนเกินไปนะขอรับตอนที่...เอ้อ... ตอนที่กระผมจับแขนลากตัวคุณหญิง... ”

“อ๋อ...แล้วก็อารักขาฉันมาที่ค่ายในคืนแรกนั่นน่ะหรือคะ” โจนน์หัวเราะเบา ๆ อยู่ในลำคอ

“อารักขา... เอ้อ... ใช่ขอรับ” เซอร์ไลออนเนลถอนอย่างโล่งอก

เกวิน คนสนิทของรอยซ์เข้ามาแสดงความเคารพต่อเธอในฐานะนายสาวคนใหม่ เขาเดินเข้ามาจุมพิตมือแล้วก็เอ่ยออกมาว่า

“กระผมคิดเอาเองนะขอรับ ว่าตอนที่คุณหญิงตัดผ้าห่มเป็นริ้ว ๆ นั่นน่ะ คงไม่ได้ตั้งใจจะให้พวกเราหนาวจนแข็งตายหรอกนะขอรับ”

คำพูดประโยคนั้น ทำให้เขาถูกมองด้วยสายตาแข็งกร้าวจากเซอร์ออสเทซที่ยังยืนอ้อยอิ่งอยู่ข้างโจนน์ และพูดออกมาอย่างโมโหว่า

“ถ้าเจ้าอยากเป็นอัศวินแล้วพูดยังงี้ละก้อ รับรองได้ว่าเลดี้แอนน์จะต้องมีสายตาไว้มองโรเดอริคแน่ ไม่ใช่เจ้าหรอก”

ทันทีที่ได้ยินชื่อเลดี้แอนน์และโรเดอริคทำให้เด็กหนุ่มยืนตัวแข็งไปในทันที เขารีบคำนับโจนน์และเดินออกจากที่นั้น เมื่อเธอมองตามก็เห็นเกวินเดินตรงไปยังหญิงสาวผมดำคนหนึ่งที่กำลังสนทนาอยู่กับผู้ชายที่โจนน์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

รอยซ์ก้มลงมองเธอ แววตาของเขาบอกความขบขัน

“เกวินมันหลงใหลสาวสวยคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นมาก” เขายื่นแขนมาให้ “มาเถอะ... ไปต้อนรับแขกด้วยกัน”

ความหวาดหวั่นก็บังเกิดกับโจนน์ก่อนหน้านี้ ภายหลังจากที่ได้รับบทเรียนจากการต้อนรับของพวกชาวบ้านดูจะมลายหายไปสิ้น ในอีกสองชั่วโมงต่อมา รอยซ์พาเธอไปแนะนำให้รู้จักแขกผู้มีเกียรติเป็นรายบุคคลและแม้โจนน์จะได้พบกับแววมาดร้ายในดวงตาของใครบางคน แต่เขาคนนั้นก็พยายามอำพรางไว้ด้วยรอยยิ้ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel