บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

รอยซ์คาดหมายว่าจะได้เห็นท่าทางของเธอเช่นเดียวกับผู้หญิงอื่นที่ตกอยู่ในอารมณ์รัก เขาไม่ได้เตรียมตัวสำหรับสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ขณะนี้ ปลายนิ้วที่ลูบไล้รอยแผลเป็นเลื่อนลงมาถึงอีกแผลหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้หัวใจ มันทำให้เขาต้องสะกดอารมณ์ไว้อย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร่วมรักกับเธอเสียในตอนนี้ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งนั้น ดวงตาเป็นประกายด้วยหยาดน้ำตาที่หล่อรื้นขึ้น

“ท่านคงเจ็บมาก... ” และก่อนที่เขาจะทันทำอะไรลงไป เธอก็โน้มใบหน้าลงจูบรอยแผลเป็นนั้นราวกับพยายามรักษาให้มันหายจากจูบเดียวนั้นได้ มันทำให้รอยซ์เสียการควบคุมตัวเองไปทันที

“โจนน์...” เขาเรียกชื่อเธอด้วยสุ้มเสียงแหบพร่าพรมจูบลงบนเปลือกตา นวลแก้มและหน้าผาก และแล้วริมฝีปากก็เลื่อนลงมายังเนินทรวง มันทำให้โจนน์ถึงกับครวญครางออกมา เมื่อไฟพิศวาสโหมกระหน่ำขึ้น

“เป็นของฉันเถอนะ โจนน์...”

ทั้งความปราโมทย์ และความตื่นกลัวแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย แต่เธอไม่ได้สนองตอบต่อความรู้สึก ประการใดประการหนึ่งนั้น แต่สนองตอบต่อความต้องการที่ปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของเขาอย่างแจ้งชัด พยายามปล่อยใจให้สบาย เตรียมพร้อมสำหรับการที่เขาจะร่วมรักด้วยความต้องการตามธรรมชาติ

ในยามนี้โจนน์มีความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกย่างอยู่บนเตาไฟ มันหลอมละลายทุกสิ่งทั้งภายนอกและภายในให้เป็นเนื้อเดียวกัน เสียงสะอื้นด้วยความปราโมทย์หลุดลอดริมฝีปากออกมา เมื่อรอยซ์ปฏิบัติต่อเธอทั้งอย่างรุนแรงและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน

“โจนน์... ” เขากระซิบเรียกชื่อเธอออกมาอีกครั้ง “ฉัน... ฉันขอโทษด้วยนะ” และแล้วร่างกายของเขาก็แทรกผ่านเข้าไปในเรือนร่างของเธอทันที ซึ่งทำให้โจนน์ถึงกับอุทานออกมาด้วยความเจ็บ

เขารอเวลาอยู่ จนเมื่อความเจ็บนั้นค่อยคลายลงแล้วจึงเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง ในยามนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความมาดหมาย แม้จะพยายามบังคับตัวเองให้ควบคุมสถานการณ์ไว้อย่างดีแล้ว แต่แทบไม่อยากเชื่อว่าเธอจะให้ความสุขทางเพศกับเขาได้มากถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายของเธอขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวด้วยจังหวะที่เขาเป็นผู้กำหนดขึ้นโดยสัญชาตญาณ

ความสุขสมของทั้งเขาและเธอที่เกิดตามมานั้นเหลือจะกล่าว ทั้งเขาและเธอต่างกกกอดกันและกันไว้แน่นราวจะไม่ยอมพรากจากกันอีกแล้วในชาตินี้ เธอนอนนิ่งอยู่ใต้ร่างกายรอยซ์ก็รออยู่จนลมหายใจของเธอเริ่มเป็นปกติแล้วจึงได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จนในที่สุดเขาก็ฝังฝากความรักความใคร่ไว้ในร่างกายเธอจนหมดสิ้น

โจนน์ล่องลอยอยู่ในกระแสพิศวาสอันแรงร้อน เนื้อตัวเธอยังแนบชิดกับเขาอยู่ และแล้วรอยซ์ก็พลิกร่างลงดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขนของเขาตามไปด้วย ในตอนนี้เองที่โจนน์ได้ตื่นขึ้นจากความฝันอันแสนหวานนั้น เปลือกตาเผยอขึ้นและรูปเงาภายในห้องนอนแห่งนั้นก็เผยโฉมออกมาให้เห็นอีกครั้ง

เธอเพิ่งได้ตระหนักว่า มันมีอะไรเกิดขึ้นและผ่านไปแล้วในชีวิต แม้ในยามนี้เธอจะอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นกระชับแต่กระนั้นก็ยังรู้สึกอ้างว้างเดียวดายอย่างบอกไม่ถูก เพราะรู้ดีว่ามันมีอะไรรอคอยอยู่ เธอรู้ว่าสิ่งที่ได้กระทำลงไปนั้นมันไม่ใช่การเสียสละแต่อย่างใดเลย มันจะเป็นเช่นนั้นไปไม่ได้ เพราะเธอมีความสุขกับการที่ได้ทำเสียเหลือเกิน ทั้งจิตใจและร่างกายราวกับล่องลอยขึ้นสู่สวรรค์เสียด้วยซ้ำ

ภายในห้องนอนแห่งนี้เธอได้พบว่า มันยังมีอะไรบางอย่างอยู่ด้วย มันเป็นอะไรบางอย่างที่ต้องห้าม และเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อตัวเองและความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นอย่างที่สุด

แต่แม้เธอจะรู้สึกหวั่นไหวละอายใจสักเพียงไรก็ตามเธอก็ยังอยากจะได้ยินเขาเรียกเธอว่า “โจนน์... ” ด้วยน้ำเสียงอย่างที่เคยเรียกมาแล้ว และอยากให้เขาพูดต่อด้วยว่า... ฉันรักเธอ...

และราวกับเขาจะอ่านความคิดของเธอออก รอยซ์ได้พูดอะไรบางอย่างออกมา เพียงแต่มันไม่ได้เป็นคำพูดที่เธอหวังจะได้ยินจากเขาเท่านั้น

“เธอเจ็บมากหรือเปล่า”

“ไม่... ” เธอส่ายหน้าประกอบคำปฏิเสธนั้น

“ถ้าเจ็บก็ต้องขอโทษด้วยนะ”

“ท่านไม่ได้ทำถึงขนาดนั้นหรอก”

“ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำเป็นคนแรกมันก็ต้องเจ็บทั้งนั้น” เขาพูดเรียบ ๆ

มันทำให้หยาดน้ำตาหล่อรื้นขึ้น และเกิดอาการฝืดคออย่างที่สุด เธอกลิ้งร่างออกจากวงแขน แต่รอยซ์ไม่ยอมให้เธอหนีไปไหน

ที่จริงรอยซ์รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรได้ดีกว่านั้น แต่จะต้องไม่ใช่ตอนนี้... และมันอาจจะไม่มีเลยก็ได้... เขาจะกล่าวคำว่า “รัก” ออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด... เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็มองเห็นภาพของผู้หญิงคนที่ตั้งใจจะแต่งงานด้วยผ่านเข้ามาในใจ และอดรู้สึกละอายใจไม่ได้ที่เขามาร่วมรักกับโจนน์ในสภาพเช่นนี้ และผู้หญิงคนนั้น ... เลดี้ดาซี่ แฮมเมล... ก็เป็นบุคคลที่พระเจ้าเฮนรี่ทรงมุ่งหวังตั้งพระทัยที่จะให้แต่งงานกับเขา

เพียงแต่เขายังไม่คิดจะแต่งงานกับหล่อน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะทรรศนคติที่เลดี้ดาซี่ แฮมเมล มีต่อเขาทุกครั้งที่หล่อนนอนตัวสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ได้และเหตุผลก็ไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขาเลย เพราะทุกครั้งที่ร่วมรักกัน เลดี้ดาซี่ แฮมเมล จะต้องพูดเสมอว่า

“ท่านน่ะเป็นผู้ชายที่มีอำนาจ มีความรุนแรงแล้วก็มีอิทธิพลอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเหนือศัตรูหรือผู้หญิงที่ท่านนอนด้วยก็ตาม...”

รอยซ์บังเกิดความกังวลขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคิดถึงว่า บางทีพระเจ้าเฮนรี่ อาจจะตัดสินพระทัยสู่ขอผู้หญิงคนนั้นเพื่อแต่งตั้งให้เป็นภรรยาของเขา โดยไม่รอให้เขากลับไปถึงอังกฤษในตอนปลายเดือนนี้ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อเหตุผลทางการเมืองอย่างที่รอยซ์เองก็ไม่พอใจนัก พระเจ้าเฮนรี่ทรงโปรดที่จะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ทุกครั้งที่มีโอกาสทำได้ และเคยกระทำมาแล้วหลายครั้ง... เริ่มจากพิธีอภิเษกสมรสของพระองค์เองกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งยอร์ค ผู้ทรงเป็นพระธิดาของพระเจ้าแผ่นดินที่พระองค์ทรงชิงบัลลังก์มาเมื่อหนึ่งปีก่อน ซึ่งผลจากการสู้รบในครั้งกระนั้นทำให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องสิ้นพระชนม์ลง

ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าเฮนรี่ก็ยังรับสั่งอยู่เสมอว่า ถ้าพระธิดาของพระองค์เจริญวัยกว่านี้ ก็จะทรงจัดการให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเจมส์แห่งสก๊อตแลนด์เสียเพื่อแก้ไขปัญหาความยุ่งยากระหว่างสองแผ่นดินให้หมดสิ้นไป

ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าวอาจจะเหมาะแก่พระองค์ แต่รอยซ์ไม่ปรารถนาที่จะสร้างพันธมิตรขึ้นด้วยวิธีนั้น เขาต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของเขาอย่างแท้จริง เป็นคู่ภิรมย์ในเตียงนอน เป็นประมุขฝ่ายหญิงผู้งามสง่าเป็นที่ยำเกรงแต่บ่าวไพร่และบุคคลทั่วไป และเขาก็ได้ต่อสู้อย่างหนักมาแล้วในชีวิตนี้ ใคร่ที่จะได้สร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมาบ้าง

โจนน์ขยับตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“จะอนุญาตให้ฉันกลับไปห้องได้หรือยังเจ้าคะ”

“อย่าเลย เงื่อนไขของเราที่ต่อรองกันไว้ มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น”

และแล้ว เพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันเป็นความจริงเพียงไร เขาดันร่างเธอให้นอนหงายลงและซุกไซ้ริมฝีปากลงอีกครั้ง ดูดซับเอาความมีเหตุผลด้วยประการทั้งปวงออกมาจากสมองจนหมดสิ้น และโจนน์ก็ซุกร่างเข้าไปหาเขาจูบตอบด้วยความกระสันปั่นป่วนใจ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel