บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

“เวลานี้มีคนในเผ่าจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการที่พ่อจะกลับไปคอร์นเวลล์ เข้าร่วมรบเพื่อสนับสนุนพระเจ้าเจมส์อีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าพ่อจะไปไหนพวกเขาก็จะติดตามพ่อไปอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับสำหรับชาวอังกฤษ และเพราะอิทธิพลของพ่อนั่นแหละที่สามารถทำให้พวกเขาติดตามพ่อไปร่วมรบที่คอร์นเวลล์ได้...” สีหน้าของเขาเครียดขึ้นกว่าเดิม ถอนหายใจหนักหน่วง

“และเวลานี้พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษกำลังคิดแก้แค้นจึงได้ส่งบริตมาสก๊อตแลนด์เพื่อเข้าโจมตีปราสาท แคชเชอร์ของเรา” น้ำเสียงที่พูดมาถึงตอนนี้บอกความเจ็บใจอย่างที่สุด “แต่ว่า เราแทบไม่มีกำลังจะป้องกันปราสาทแห่งนั้นไว้ได้นอกเสียจากเผ่าของแม็คเฟอร์สันจะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเราอีกแรงหนึ่ง เจ้าก็รู้ว่าแม็คเฟอร์สันนั้นมีอิทธิพลเหนือผู้คนกว่าสิบสองเผ่า เขาสามารถจะเรียกชาวเผ่าเหล่าเหล่านั้นให้มาร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือเราได้”

โจนน์ใช้ความคิดตามไปในทุกคำพูด บัดนี้อเล็กซานเดอร์ได้ตายลงแล้ว และบริตก็กำลังเดินทางมาถึงที่นี่แล้วด้วย ซึ่งการมาของเขาครั้งนี้ก็ด้วยเจตนาจะโจมตีเผ่าของเธอ

เสียงพูดของท่านบิดากระชากเธอออกมาจากภวังค์แห่งความคิด

“โจนน์ เจ้าจะทำตามที่พ่อขอร้องได้หรือไม่... เวลานี้แม็คเฟอร์สันก็สัญญาแล้วว่า ยินดีที่จะให้การสนับสนุนเราอย่างเต็มที่ ถ้าเพียงแต่เจ้าจะยอมแต่งงานกับเขาเท่านั้น”

จากสายสกุลทางด้านมารดา โจนน์มีบรรดาศักดิ์เป็นเคาท์เตสและทายาทผู้มีทรัพย์มรดกมหาศาล รวมทั้งที่ดินซึ่งอยู่ติดกับที่ดินในปกครองของแม็คเฟอร์สันด้วย

“ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาต้องการจะได้ที่ดินของลูกด้วยใช่ไหมเจ้าคะ” เธอถามออกไปด้วยความหวัง อดขนลุกไม่ได้ เมื่อนึกถึงสายตาโลมเลียมของแม็คเฟอร์สันยามที่กวาดไปทั่วเรือนร่าง

“ใช่”

“ถ้ายังงั้น เราจะยกที่ดินนั่นให้เขาไปเพื่อตอบแทนที่เขามาช่วยเราไม่ได้หรือเจ้าคะ” เธอยอมเสียสละทั้งที่รู้ว่านั่นคือความสิ้นหวัง...แต่ก็เต็มใจ... อย่างน้อยมันก็คือการเสียสละเพื่อชาวเผ่าที่รักยิ่งของเธอ

“เขาไม่ยอมเพียงแค่นั้น” เสียงบิดาบ่งบอกความคั่งแคนใจ “แม้ว่ามันจะเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งที่จะต่อสู้เพื่อชาวเผ่าทั้งหลาย แต่เขาจะไม่ยอมส่งคนของเขาเข้าสู่สนามรบอย่างเด็ดขาด เพราะว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเผ่าของเขาเรื่องที่จะเอาที่ดินของเจ้าไปแลกนั้น เขาถือว่าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีอีกด้วย”

“แต่ถ้าเขาต้องการจะได้ที่ดินของลูกอย่างมากมายถึงเพียงนั้น มันก็ย่อมจะต้องมีหนทาง... ”

“เขาต้องการตัวเจ้า เขาพูดเรื่องนี้กับพ่อเองที่คอร์นเวลล์” สายตาคู่นั้นกวาดไปทั่วใบหน้าลูกสาว ซึ่งบัดนี้ได้เปลี่ยนจากวัยเด็กขึ้นสู่วัยสาวที่พรั่งพร้อมด้วยความงามอย่างน่าประหลาดใจ “เจ้าน่ะหน้าเหมือนแม่ตอนที่เขาอายุเท่าเจ้านี่แหละ มันก็เป็นธรรมดาที่คนแก่อย่างเจ้าแม็คเฟอร์สันย่อมต้องการ พ่อคงจะไม่มาขอร้องเจ้าถึงที่นี่หรอกนะโจนน์ถ้ามันมีทางอื่นให้เลือก...เจ้าเคยขอร้องให้พ่อแต่งตั้งเจ้าเป็นทายาท เจ้าเคยบอกพ่อว่าเจ้าพร้อมจะทำอย่างเพื่อชาวเผ่าของเรา” น้ำเสียงนั้นเหมือนจะเตือนให้เธอนึกถึงคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้

หัวใจของโจนน์รานร้าวเมื่อคิดถึงว่า การเสียสละของเธอในครั้งนี้มันหมายถึงการยอมเสียสละตนเองให้กับชายชราผู้มากด้วยตัณหาราคะผู้นั้น ซึ่งเท่ากับเธอจะต้องสละแล้วซึ่งชีวิต แต่ความเป็นแคชเชอร์ทำให้เธอเชิดหน้าขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อ... แล้วท่านพ่อจะให้ลูกติดตามท่านพ่อกลับไปเดี๋ยวนี้เลยไหมล่ะเจ้าคะ”

สีหน้าของบิดาที่บ่งบอกความภาคภูมิใจนั้น ทำให้โจนน์มีความรู้สึกว่าการเสียสละของเธอในครั้งนี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก แต่แล้วเขาก็สั่นศีรษะปฏิเสธ

“อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนเบรนน่าก่อนก็แล้วกัน เราไม่ได้เตรียมม้ามาและพ่อก็ร้อนใจอยากจะกลับไปถึงแคชเชอร์เร็ว ๆ เพื่อเตรียมการรบในครั้งนี้ พ่อจะส่งข่าวไปบอกให้แม็คเฟอร์สันรู้ว่า บัดนี้เราตกลงที่จะให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นแล้ว และพ่อจะส่งคนมารับเจ้าต่อไป”

เมื่อบิดาเดินกลับไปขึ้นมานั้น โจนน์ก็บังเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าเธอได้มีส่วนในการร่วมรบครั้งนี้ด้วยดังนั้นแทนที่จะยืนรอส่ง เธอจึงเดินเข้าไปในหมู่ทหารที่ยืนม้าอยู่เรียงราย คนเหล่านั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นทั้งเพื่อนสนิทเพื่อนเล่นของเธอมาแต่เล็ก ด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยินคำตอบตกลงแต่งงาน อันเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของเธอบ้าง และบางทีพวกเขาจะมองเธอด้วยสายตาที่ดีขึ้นเธอเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างผู้ชายผมแดงคนหนึ่ง

“สวัสดี เรนัลด์ การ์แวง” รอยยิ้มของเธอเริ่มขัดเขินเมื่อเขาจ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เมียสบายดีหรือ”

“ก็คงสบายดีมั้ง” สันกรามเขาขบกันนูนเป็นสัน

โจนน์กล้ำกลืนความผิดหวังลงไว้ เมื่อรู้สึกว่าเธอถูกปฏิเสธจากเพื่อนผู้เคยสอนให้เธอตกปลา และเคยหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเธอตกลงไปในลำธาร

เธอหมุนไปหมุนมา รู้สึกเคว้งคว้าง และในที่สุดก็หันไปทางผู้ชายคนที่ยืนม้าอยู่เคียงข้างเรนัลด์

“และคุณล่ะ ไมเคิล แม็คคลีอ๊อด ยังปวดขาอยู่อีกหรือเปล่า”

ดวงตาคู่สีฟ้าชาเย็นประสานอยู่กับเธอ แล้วก็เมินมองไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ

โจนน์เดินต่อไปยังผู้ชายคนที่อยู่ข้างหลังเขา ทั้งสีหน้าและแววตาดูจะเปี่ยมด้วยความชิงชัง โจนน์ถึงกับยื่นมือออกไป น้ำเสียงที่พูดกับเขานั้นเกือบจะเป็นอ้อนวอน

“การ์ริค คาร์มิเกล เป็นเวลาถึงสี่ปีมาแล้วนะที่เบ๊กกี้ลูกสาวคุณตกน้ำตาย เราขอสาบานต่อท่านเหมือนที่เคยสาบานมาแล้วว่าเราไม่ได้เป็นคนผลักเขาตกน้ำ...เราไม่ได้เป็นปากเสียงกันเลย... ทั้งหมดนั่นมันเป็นแผนของ อเล็กซานเดอร์ที่จะ...”

สีหน้าของนักรบผู้นั้นราวสลักออกมาจากแท่งหินการ์ริค คาร์มิเกล กระทืบบังโกลนบังคับม้าให้วิ่งตรงไปข้างหน้าทันที และแล้ว... โดยไม่มีใครหันมาให้ความสนใจกับเธออีก ทุกคนต่างควบม้าของตนจากไป

จะมีก็แต่โจช นักรบชราที่ปล่อยให้ม้าของทุกคนขึ้นหน้าไปก่อน แล้วจึงได้โน้มตัวลงมาตบศีรษะเธออย่างปลอบใจ

“ข้ารู้... ว่าทุกสิ่งที่เจ้าพูดออกมามันเป็นความจริง” ความซื่อตรงจงรักของบุรุษผู้นี้ทำให้โจนน์แทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเมื่อประสานสายตาอยู่กับเขา “แต่ถึงยังไงมันก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเจ้าน่ะเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่ต้องห่วงหรอกนะแม้ว่าการ์ริค คาร์มิเกล หรือคนอื่น ๆ เขาจะเชื่อคำพูดของอเล็กซานเดอร์ แต่ไอ้เฒ่าโจชคนนี้มันไม่เชื่อหรอก เจ้าก็คงเห็นอยู่ว่าข้าไม่ได้เสียใจกับความตายของมันเลย ให้วิลเลียมเป็นผู้นำเสียยังจะดีกว่ามันหลายเท่า แต่เอาเถอะข้าคิดว่าสักวันหนึ่งไม่ว่าจะเป็นเจ้าคาร์มิเกลหรือใครก็ตามจะต้องเข้าใจเจ้าดีขึ้น เมื่อพวกมันได้รู้ว่าเจ้ายอมเสียสละที่แต่งงานกับแม็คเฟอร์สันเพื่อเผ่าของเรา”

“แล้วนี่วิลเลียมน้องชายข้าไปไหนเสียล่ะ” โจนน์ถามเสียงแหบห้าวเมื่อพยายามสกัดกั้นน้ำตาไว้อย่างสุดความสามารถ

“เขากลับบ้านโดยอีกเส้นทางหนึ่ง เพราะเราไม่อาจวางใจได้เลย เรากลัวว่าเจ้าบริตมันอาจจะลอบโจมตีขณะที่เราเดินทางมาพร้อมกันทั้งหมดก็ได้ เพราะฉะนั้นตอนที่ออกจากคอร์นเวลล์เราก็แยกทางกันเสีย” เขาตบศีรษะเธอเบา ๆ อีกครั้งก่อนจะขี่ม้าจากไป

โจนน์ยังคงยืนอยู่กลางถนนสายนั้นราวตกอยู่ในความมีนงง จับตามองตามกองทหารที่เลี้ยวลับแนวโค้งจนหายไปจากสายตาในที่สุด

“นี่ก็เย็นมากแล้ว” เบรนน่าซึ่งเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างตัวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างเห็นใจ “ฉันคิดว่าเราควรจะกลับเข้าวัดกันดีกว่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel