บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

วันนั้น ช่างเป็นวันช่างเป็นวันที่อากาศแจ่มใสบรรยากาศสวยสดงดงามเสียเหลือเกิน ท้องฟ้าเป็นสีครามใสอากาศอบอุ่นสบาย ดวงอาทิตย์สาดแสงสีทองลงอาบไล้ยอดหอคอยแบบโกธิคที่เสียดปลายแหลมขึ้นสู่ท้องฟ้าแห่งหมู่บ้านแบร์บริต

หมู่บ้านแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่เพียงสามสิบสี่หลังคาเรือน มีร้านค้าเพียงแค่สองร้านกับบ่อน้ำสาธารณะซึ่งใช้ร่วมกันตั้งอยู่ตรงบริเวณกลางหมู่บ้าน พวกชาวบ้านส่วนใหญ่จะมาชุมนุมกันอยู่บริเวณนี้ในตอนบ่ายวันอาทิตย์

บนเนินเขาที่อยู่ไกลออกไป คนเลี้ยงแกะจะนั่งทอดหุ่นเฝ้าแกะของตน และตรงลานโล่งไม่ไกลจากบ่อน้ำเท่าไรนัก โจนน์กำลังเล่นซ่อนหาอยู่กับพวกเด็กกำพร้าซึ่งทางสำนักนางชีมอบหมายให้เธอเป็นผู้ดูแล

ในท่ามกลางเสียงตะโกนเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานนั่นเองที่เหตุร้ายได้เกิดขึ้น... ราวกับว่าเพียงแค่การหลับตาจะทำให้เธอสามารถฟื้นความทรงจำได้รวดเร็วขึ้น โจนน์ได้พบตัวเองไปปรากฏอยู่ตรงลานกว้างนั่นอีกครั้ง มองเห็นเธอสวมหมวกฮู้ดปิดตากางมือควานหาตัวเด็กอยู่

“หนูอยู่ตรงไหนน้า... ครีส สกาไลน์” เธอร้องเรียกหายื่นมือออกไปไขว่คว้า แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กชายวัยเก้าขวบ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วยืนอยู่ห่างออกไปทางขวาไม่ถึงสองฟุต สาวน้อยอดยิ้มไม่ได้ กางแขนออกไปขยายอุ้งมือกรีดเกร็งราวปีศาจ ทำเสียงข่มขู่ลึก ๆ อยู่ในลำคอ

“หนูไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอกครีส...

“ฮา... ” เด็กชายตะโกนด้วยเสียงตื่นเต้นมาจากทางขวามือ “คุณไม่มีทางจับผมได้หรอกน่า”

“ต้องด้ายซี่...” โจนน์ทำเสียงข่มขู่และแสร้งทำเป็นหมุนตัวไปทางซ้าย ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะเกรียวกราวจากพวกเด็ก ๆ ซึ่งบ้างก็ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ หรือไม่ก็หลังต้นไม้ใหญ่

“นี่ไง... จับได้แล้ว... ” โจนน์ตะโกนบอกเมื่อคว้าข้อมือเล็ก ๆ ไว้ พร้อมกันก็รีบกระชากหมวกฮู้ดออกเพื่อว่าคนที่เธอจับตัวได้นั้นเป็นใครกันแน่

“คุณจับดาซี่ได้... ตอนนี้ดาซี่ต้องเป็นคนหามั่งแล้ว...” พวกเด็ก ๆ ตะโกนกึกก้อง

เด็กหญิงวัยห้าขวบเงยขึ้นมองหน้าโจนน์ ดวงตาคู่สีน้ำตาลเบิกกว้าง ร่างกายผ่ายผอมสั่นระริก

“ได้โปรอเถอะ...” เด็กหญิงพูดเสียงแผ่ว เกาะขาโจนน์ไว้แน่น “หนู... หนูไม่อยากใส่หมวกฮู้ดนั่น... ข้างในมันมืด... หนูต้องใส่ด้วยหรือคะ”

โจนน์ยิ้มอย่างเวทนา ลูบไล้เรือนผมของแม่หนูพร้อมกับบอกว่า

“ไม่ต้องใส่ก็ได้ ถ้าหนูไม่อยากใส่จริง ๆ ”

“หนูกลัวความมืดค่ะ” ดาซี่เปิดเผยความจริงทั้งที่ไม่จำเป็น ไหล่ลู่ด้วยความอับอาย และโจนน์ก็รวบร่างเข้ามากอดไว้แน่น

“คนเรามันก็เหมือนกันทั้งนั้น ไม่กลัวอะไรอย่างหนึ่งก็ต้องกลัวอีกอย่างหนึ่ง... อย่างฉันไงไม่กลัวความมืด แต่ก็กลัวกบ”

คำสารภาพของโจนน์ทำให้เด็กหญิงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

“คุณกลัวกบด้วยหรือคะ... หนูไม่กลัวเลย ชอบเสียด้วยซ้ำ มันไม่เคยทำอะไรหนูเลยค่ะ”

“นั่นไง... เห็นไหมล่ะ หนูเก่งกว่าฉันตั้งหลายเท่า” โจนน์ว่า

“พวกเรา...เลดี้ โจนน์ กลัวกบด้วยละ” ดาซี่ร้องตะโกนบอกเพื่อนฝูงที่วิ่งเข้ามาหา

“ไม่... ไม่กลัวหรอกน่า... ” หน่มน้อยที่ชื่อครีสรีบตะโกนแก้ข้อกล่าวหา ไม่อยากให้ใครมาตำหนิเลดี้ โจนน์ผู้เป็นที่รักยิ่งของแก ทั้งนี้เพราะแม้โจนน์จะเป็นสุภาพสตรีสกุลสูง แต่ว่าครั้งหนึ่งก็เคยถึงกับถลกชายกระโปรงย่ำลงไปในคูน้ำ และช่วยแกจับกบตัวใหญ่มาแล้ว และยังเคยปีนต้นไม้ขึ้นไปช่วยพ่อหนูวิลล์ที่ปีนต้นไม้เล่นแล้วเกิดกลัวความสูงไม่กล้าจะไต่กลับลงมา แต่แล้วครีสก็เงียบเสียงเมื่อเห็นสายตาขอร้องของโจนน์ที่มองมา

“งั้นผมสวมหมวกฮู้ดเองก็ได้ครับ” เด็กชายอาสามองหน้าหญิงสาววัยสิบเจ็ดผู้อยู่ในชุดแม่ชีฝึก แต่ไม่ได้มีท่าว่าจะเป็นแม่ชีผู้เคร่งครัดเลยแม้แต่น้อยด้วยความชื่นชมบูชา

“ตกลง...ตอนนี้ครีสเป็นคนหาแล้วนะ” โจนน์บอกพวกเด็ก ๆ ส่งหมวกฮู้ดให้กับครีส แล้วก็ยืนยิ้มมองดูพวกเด็ก ๆ ที่กระจัดกระจายกันเข้าหาที่ซ่อน หลังจากนั้นก็หยิบหมวกแม่ชีฝึกหัดที่ถอดออกไว้ขึ้นมาสวม ตั้งใจว่าจะเดินไปที่บ่อน้ำ ซึ่งขณะนี้พวกชาวบ้านกำลังจับกลุ่มสอบถามคนเดินทางที่ผ่านเข้ามาในหมู่บ้านถึงสงครามที่ สก๊อตแลนด์กำลังต่อสู้อยู่กับอังกฤษในคอร์นเวลล์ว่าขณะนี้เหตุการณ์ดำเนินไปถึงไหนแล้ว

“เลดี้โจนน์ขอรับ” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนเรียก “มาทางนี้เร็วเข้า มีข่าวจากท่านลอร์ดขอรับ”

โจนน์แทบจะลืมหมวกสีขาวที่ถืออยู่ในมือเมื่อออกวิ่งสัมผัสความตื่นเต้นที่ครอบคลุมอยู่ในบรรยากาศนั้น

“ข่าวอะไร” โจนน์ถามพลางหอบหายใจ มองหน้าชาวเผ่าผู้เดินทางผ่านมาอย่างร้อนใจ หนึ่งในจำนวนนั้นก้าวออกมาข้างหน้า ถอดหมวกออกอย่างแสดงความเคารพ

“คุณเป็นลูกสาวของลอร์ดแห่งแคชเชอร์ใช่ไหมขอรับ”

ทันทีที่ได้ยินชื่อแคชเชอร์ ผู้ชายสองคนที่อยู่ตรงบ่อน้ำชะงักมือที่กำลังสาวเชือกดึงถังขึ้นจากบ่อ และหันมามองตากันอย่างตกใจ แต่แล้วก็ลอบยิ้มให้แก่กันพร้อมกับรีบก้มหน้าลงมองถังในบ่อเพื่อซ่อนรอยยิ้มไว้

“ใช่ ฉันนี่แหละ” โจนน์ตอบอย่างร้อนใจ “คุณมีข่าวจากพ่อฉันงั้นเรอะ”

“ขอรับ มายเลดี้ ตอนนี้ท่านกับกองทหารกำลังเดินทางมาที่นี่ หลังเรามานี่แหละขอรับ”

“คุณพระช่วย...แล้วการรบที่คอร์นเวลล์เป็นยังไงมั่งล่ะ” เธอถามออกไปทันที ลืมความกังวลเกี่ยวกับตนเองไปจนหมดสิ้น เธอห่วงสงครามที่กำลังต่อสู้กันในคอร์นเวลล์มากกว่า และคำตอบของผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏอยู่ในสีหน้าเขาก่อนที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดเสียด้วยซ้ำ

“ตอนที่เรากลับมานี่มันก็ใกล้จะยุติแล้วละขอรับในคอร์คกับตวนตั้น ท่าทางดูเหมือนว่าเราจะเป็นฝ่ายชนะซึ่งก็เช่นเดียวกับในคอร์นเวลล์ แต่แล้วเจ้าปิศาจมันก็เข้าร่วมกับกองทหารของโอ’ เฮนรี”

“เจ้าปีศาจไหนกัน” โจนน์ถามอย่างไม่เข้าใจ

สีหน้าของผู้ชายคนนั้นบอกความชิงชัง เขาถ่มน้ำลายลงบนดินก่อนจะตอบว่า

“เจ้าปีศาจ... มันจะเป็นใครล่ะขอรับถ้าไม่ใช่แบร์บริต... ขอให้มันตกนรกหมกไหม้... ”

ผู้หญิงชาวบ้านสองคนยกมือขึ้นทำเครื่องหมายกางเขนตรงหน้าอกราวจะขับไล่เจ้าปีศาจร้ายที่ชื่อแบร์บริต นั้นได้

แบร์บริต เป็นทั้งศัตรูและบุคคลที่ชาวสก๊อตแลนด์ทั้งหลายเกลียดชังอย่างที่สุด แต่คำพูดของผู้ชายคนเดิมซึ่งสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับทุกคนมากกว่านั้น

“เวลานี้เจ้าบริตมันเดินทางกลับมาสก๊อตแลนด์แล้วเฮนรี่ส่งมันมาที่นี่พร้อมด้วยกองทหาร เพื่อมาบดขยี้ที่เราไปให้การสนับสนุนพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ข้าว่านับแต่นี้เป็นต้นไป มันจะต้องเกิดการสังหารหมู่ เกิดการนองเลือดเหมือนครั้งที่แล้วอีกนั่นแหละ แต่จำคำข้าไว้ก็แล้วกันว่าครั้งนี้มันจะต้องเลวร้ายกว่าครั้งก่อนหลายเท่า เวลานี้พวกชาวเผ่าของเราต่างก็รีบเดินทางกลับบ้านกันทั้งนั้น เพื่อเตรียมตัวไว้ให้พร้อมที่จะทำสงครามกับกองทหารของมัน ... ” เขาหยุดเว้นระยะมองหน้าโจนน์ก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ตามความคิดของข้าแล้ว ข้าว่าเจ้าบริตมันจะต้องเข้าโจมตีแคชเชอร์ก่อนที่จะโจมตีเผ่าอื่น เพราะว่าเผ่าของคุณหญิงให้การสนับสนุนที่คอร์นเวลล์มากที่สุด”

เมื่อพูดจบเขาก็ผงกศีรษะราวทำความเคารพ เอาหมวกเฮลเม็ทขึ้นสวมแล้วจึงได้ขึ้นม้าจากไป หลังจากนั้นผู้คนที่มาชุมนุมกันอยู่ที่บ่อน้ำก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านช่องของตน ต่างวิพากษ์วิจารณ์ข่าวครั้งนี้ไปตามเส้นทางที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคดขึ้นไปตามไหล่เขา

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ชายสองคนที่อยู่ตรงบ่อน้ำเมื่อครู่ ภายหลังจากที่ขี่ม้าตามพวกชาวบ้านไปถึงทางแยกก็เลี้ยวลงทางขวา กระตุ้นม้าให้ถลาโลดเข้าสู่แนวป่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel