บท
ตั้งค่า

004 ก้าวแรก

หลังจากอ่านคำอธิบายจบ ผมก็อึ้งไปราวๆ 5 นาที เนื่องจากค่าสเตตัสที่เขียนออกมานั้นดูเผินๆเหมือนโดนหลอกด่า แต่ความเป็นจริงเป็นข้อมูลที่มีค่ามากทีเดียว อย่างที่เขาว่าถ้าไม่รู้จักตัวเองพอจะไปทำอะไรได้

แต่จากคำอธิบายที่เหมือนกับหลอกด่านี่ทำให้เข้าใจอะไรได้อย่างหนึ่ง

สมกับที่เป็นเกมแนวเพลเยอร์แอคทีฟ

ผมเคยอ่านผ่านๆมาเหมือนกันว่าโดมิเนตเวิลด์ออนไลน์เป็นเกมที่เน้นความสามารถของผู้เล่นเป็นหลัก การที่เกมจะไม่สมดุลเพราะเพลเยอร์ที่เล่นมานานเลเวลเยอะกว่าผู้เล่นใหม่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หรือการปั้มค่าประสบการณ์ให้กับผู้เล่นใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้วยสิ่งที่เรียกว่าเลเวลก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเท่าที่เห็นเกมนี้ไม่มีระบบเลเวล ความเก่งกาจของเพลเยอร์ในเกมนี้จึงขึ้นอยู่กับความสามารถของคนนั้นๆเป็นหลัก แน่นอนว่าถึงจะมีของดีๆแต่ตัวคนใช้ห่วยซะเองก็ไม่รอดเหมือนกัน

ส่วนเรื่องพลังชีวิตที่ปกติเกมแนวนี้จะกำหนดเป็นค่าตัวเลขเองก็ไม่มี แต่กลับกลายเป็นชาร์ตห้าเหลี่ยมเสียแทน

ด้วยความสงสัยผมเลยลองหยิกแขนตัวเองดู ผลคือผมรู้สึกเจ็บแต่ความเจ็บมันทื่อๆชอบกล ส่วนตัวเลขค่าพลังชีวิตที่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผมคิดว่าตัวเลขนี้คงจะเปลี่ยนไปตามอาการบาดเจ็บของอวาตาร์หรือตัวของผมเองจริงๆ

ดูเหมือนเกมนี้จะเน้นความสมจริงของตัวระบบแบบยิ่งยวด ไม่มีอะไรที่เหมือนกับเกมออนไลน์ที่ผมเคยเจอมาก่อนทั้งเกมฟูลไดว์ฟและเกมบนสกรีนเลยทีเดียว

ผมค่อยๆอ่านทวนสเตตัสของตัวเองไปเรื่อยๆจนมาถึงชื่อ ซึ่งผมค่อนข้างสงสัยพอควรว่าทำไมถึงมีชื่อถึง 2 ชื่อ แถมยังมีชื่อจริงใส่มาด้วยอีก ซึ่งนัยหนึ่งการแสดงผลแบบนี้ค่อนข้างอันตรายพอสมควรเพราะแปลว่าคนอื่นๆในเกมจะสามารถเห็นอวาตาร์และชื่อจริงที่เหมือนตัวจริงของผมทุกกระเบียดนิ้ว ...แต่เอาเข้าจริงๆผมอาจจะกังวลมากไปเองก็ได้เพราะเท่าที่ผมรู้ยังไม่เคยมีข่าวโฮมวิชวลของใครโดนแฮคได้สำเร็จเลยสักครั้งเดียว แถมผมยังสามารถแต่งหน้า เปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนลุคให้ไม่เหมือนตัวจริงเสียก็พอ คิดไปคิดมาก็น่าสนุกดีเหมือนกันแฮะ

ผมลองกดไปที่ช่องว่างตรงชื่อที่ 2 ดูก็มีพีดีคีย์บอร์ดลอยขึ้นมาทันที ผมลองใส่ชื่อไปมั่วๆแล้วลองเปลี่ยนใหม่ก็สามารถเปลี่ยนใหม่ได้เรื่อยๆ

โอเค...? ตกลงว่านี่เป็นแค่ชื่อเล่นเท่านั้นรึ? จะเปลี่ยนยังไงเมื่อไหร่ก็ได้งั้นสิ?

อ่าฮะ งั้นผมก็ตั้งชื่อเล่นของตัวเองเลยละกัน... เอาชื่ออะไรดีล่ะ

...

หลังจากผมนั่งมึนกับการตั้งชื่ออวาตาร์ของตัวเองกว่า 30 นาทีในที่สุดผมก็ได้ชื่อที่คิดว่าเข้าท่ามาชื่อนึง เทร็กซ์

แหม เท่ดีเหมือนกันนะเนี่ย!

ผมปิดพีดีสเตตัสลงแล้วเลื่อนมาเปิดอันต่อไปคือทักษะซึ่งว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย สแกนอินโฟก็ไม่ทำงาน เช่นเดียวกับคีย์ไอเท็ม เควส คอนแทค ซึ่งตอนนี้ว่างเปล่าทั้งหมด พีดีสแกนอินโฟก็มีแค่เปิดกับปิดการทำงานเท่านั้นเอง

พิคอัพคอลยังเปิดใช้งานไม่ได้ สลีปยังไม่ต้องใช้ตอนนี้ ส่วนเซ็ตติ้ง ผมสามารถตั้งค่าการแสดงผลของพีดีจากนาโนการ์ดได้ ผมเปิดให้แสดงแผนที่ขนาดเล็กตลอดเวลาทางด้านซ้ายมือของผม นอกจากนี้ผมยังสามารถตั้งค่าให้การแสดงผลพีดีให้ผมเห็นคนเดียวหรือคนอื่นเห็นด้วยได้ ผมตั้งเป็นเห็นคนเดียว ที่เหลือก็เป็นการปรับรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆซึ่งผมไม่ได้ไปยุ่งกับมันในตอนนี้

เอาล่ะ ได้เวลาไปข้างนอกห้องสักทีได้แล้วมั้ง?

ผมปิดพีดีทั้งหมดลงและลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปมองรอบๆในห้องอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่ลืมอะไรและไม่มีอะไรให้ลืมแล้วจึงเปิดประตู เดินออกมาจากห้องส่วนตัวสู่ทางเดินยาวเหยียดเต็มที่ไปด้วยเพลเยอร์และเอ็นพีซี

ถ้าจะให้เปรียบเทียบโถงทางเดินนี้กับอะไรสักอย่างล่ะก็ ผมคงจะเทียบกับถนนสองเลน ตอนผมเดินมาก็ไม่ทันสังเกตหรอกนะว่าทางเดินมันกว้างขนาดนี้ มีเพลเยอร์คนอื่นๆยืนคุยกันบ้าง อะไรบ้าง มีเพลเยอร์ใหม่ที่ตัวลีบๆอยู่บนรถเข็นโดยเจ้าหน้าที่เอ็นพีซีผ่านไปเรื่อยๆ ...นี่ตอนแรกผมก็มาสภาพแบบนี้รึ? น่าอายเป็นบ้า แต่ก็นะตอนมามาแบบมัมมี่แต่พอออกมาจากห้องกลับฟิตปั๋งแบบนี้ คงไม่มีใครสนใจเท่าไหร่หรอก

ผมหันไปมองด้านซ้ายเพื่อดูแผนที่ ดูเหมือนตอนนี้ผมจะอยู่ฝั่งขวาของตัวยาน ผมจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังใจกลางของแผนที่ซึ่งมีทางแยกออกไปตามจุดต่างๆอยู่อีกมาก

ระหว่างที่ผมเดินไปตามทางผมก็สังเกตผู้คนที่ผมเดินผ่าน มีทั้งคนที่เหมือนเพิ่งเริ่มใหม่แบบผมกับคนที่เหมือนจะเล่นเกมมานานแล้ว สังเกตง่ายๆจากการแต่งตัวเลยก็ได้ คนที่แต่งตัวเรียบๆแบบผมน่าจะเล่นได้ไม่นาน ส่วนคนที่แต่งตัวหรูหราอลังการน่าจะเป็นเพลเยอร์เก่า อย่างเจ้าบึ้กตรงนั้นที่ใส่ชุดเกราะสีแดงสดสวยงามประณีตบนลำตัวท่อนบน แต่ไหงท่อนล่างกลับใส่กางเกงขาสั้น!? ห้ะ!?

อีกคนเป็นผู้หญิงในชุดเสื้อกล้าม แต่ท่อนล่างกลับใส่เกราะขาอย่างหนาสุดๆ ท่าจะเคลื่อนไหวช้าน่าดู แต่กลับใส่เสื้อกล้ามที่ไม่มีพลังป้องกันนี่นะ?

ผมสังเกตรอบๆตัวอีกครั้ง เพลเยอร์พวกนี้...... แต่งตัวหลุดโลกกันทั้งนั้นเลยนี่หว่า ถ้าเป็นเกมเพลเยอร์แอคทีฟต้องแต่งตัวหลุดโลกแบบนี้รึ? หรือเพราะเป็นเกมนี้ที่เน้นความสมจริงเลยต้องแต่งตัวให้หลุดโลกเข้าไว้?

ผมจินตนาการตัวเองในชุดเกราะครึ่งท่อนก็ถึงกับต้องส่ายหัวไปมา เอ่อ...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะนะ

ผมเดินต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็โผล่มาที่ลานกว้างที่เป็นสวนขนาดใหญ่ บนแผนที่ระบุว่าจุดนี้อยู่ตรงกลางของยาน ‘สวนเอเทรีย’ จากจุดนี้ผมสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในยานลำนี้ได้ เช่น เทรนนิ่งฮอล หอสมุด คลังแสงและอื่นๆ

ผมเดินไปตามทาง กลิ่นของดอกไม้อ่อนๆโชยมาเอื่อยๆ ช่างเป็นสถานที่ที่ผ่อนคลายดีจริงๆ ในสวนนี้นอกจากจะเป็นจุดนัดพบหรือทางผ่านแล้ว น่าจะเป็นสถานที่เอาไว้พักผ่อนได้อย่างดีเลยทีเดียว ตรงกลางลานมีน้ำพุขนาดใหญ่ส่องประกายเป็นเจ็ดสีสวยงาม ลายล้อมไปด้วยไม้พุ่มและแปลงดอกไม้หลากสี บนเพดานก็เป็นกระจกเปิดให้มองเห็นด้านนอกได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอวกาศอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ผมเดินช้าลงเพื่อซึมซับกับบรรยากาศผ่อนคลายนี้ เพลเยอร์เด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งกินอาหารบนพื้นหญ้าอย่างสนิทสนม เป็นบรรยากาศที่ไม่น่าเชื่อเลยว่ากำลังอยู่ในยานอวกาศหรือในเกม

ผมเดินต่อเข้าไปยังโถงทางเดินของเทรนนิ่งฮอล บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป จากบรรยากาศสบายๆเริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น ผู้คนก็เปลี่ยนไปมีทั้งคนที่ดูเหมือนเป็นนักสู้มือเก๋าและมือใหม่แบบผมมารวม กัน

“เอ้า! ผู้อพยพคนไหนที่เป็นหน้าใหม่มาฟังเล็คเชอร์ทางนี้! เอ้าเจ้าหนูทางนั้นน่ะ ชัดเลยว่าเป็นเด็กใหม่มาทางนี้เลย!”

ชายคนหนึ่งในชุดลายพรางตะโกนและชี้มาทางผม ผมจึงเดินไปทางเขา เพลเยอร์ใหม่คนอื่นๆก็เดินมาด้วยกัน รวมแล้วประมาณ 30 กว่าคนได้

ชายคนเมื่อกี้ซึ่งน่าจะเป็นนายทหารเดินนำพวกเราไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งดูยังๆไงก็เป็นห้องประชุมทางทหาร บ้าชะมัด ห้องประชุมเนี่ยนะ...

ดูเหมือนผมจะออกสีหน้ามากไปหน่อย นายทหารจึงตะเบ็งเสียงใส่ผม

“อย่าชะล่าใจไปเจ้าหนู! ในสถามรบข้อมูลข่าวสารถือเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวพันถึงชีวิต! การเดินทางเข้าสู่สนามรบโดยที่ไม่มีรู้อะไรเลยก็เหมือนปิดตาเดินเข้าสนามรบไปเป็นเป้าซ้อมยิงนั่นแหละ เพราะฉะนั้น จงตั้งใจฟัง! ซึมซับข้อมูลเหล่านี้ กำจัดพวกปีศาจนั่น และชิงโลกกับคืนมา!”

นายทหารซึ่งตอนแรกเหมือนจะตะคอกใส่ผม พูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น โดยเฉพาะตอนที่พูดเกี่ยวกับกำจัดปีศาจนั่น

หลังจากที่นายทหารเย็นลงแล้วเขาก็เชิญให้พวกเรานั่งลง

“เอาล่ะ! ก่อนอื่นฉันขอกล่าวยินดีต้อนรับพวกนาย ผู้อพยพที่เพิ่งตื่นจากการหลับอันยาวนานสู่โลกอันโหดร้ายนี้ ตอนนี้พื้นโลกเบื้องล่างของเราถูกยึดครองโดยศัตรูปริมาณมหาศาล! พื้นที่โลกกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ทั้งผืนบกและผืนน้ำถูกรุกรานและยึดครองโดยเจ้าพวกนั้น! หน้าที่ของพวกนายคือลงไปข้างล่างนั่น กระทืบพวกมันและชิงโลกของเรากลับคืนมา!”

มีเสียงกระซิบกระซาบดังระงมไปทั่วทั้งห้องหลังจากที่เขาพูดจบ ประมาณ 20 คนไม่ค่อยมีปฏิกิริยากับข่าวนี้เท่าไหร่ อาจจะเพราะหาข้อมูลมาบ้างแล้ว ส่วนที่เหลือดูจะตื่นๆกับข่าวนี้เล็กน้อย

“ศัตรูพวกนี้ที่คุณว่าเป็นใคร มาจากไหน?” ชายคนหนึ่งเอ่ยถาม

“พวกต่างดาว ต่างมิติ สัตว์ประหลาด ประมาณนั้นแหละ” นายทหารตอบห้วนๆ

“มีรายละเอียดมากกว่านี้หรือเปล่าครับ?”

ชายคนเดิมถามซ้ำ ซึ่งแทนที่จะโกรธกลับทำให้นายทหารดูอารมณ์ดีขึ้นแทน

“ถ้าถามมาก็จะตอบให้ จะสรุปให้ฟังคร่าวๆก็แล้วกัน” เขากระแอมครั่งหนึ่งก่อนจะเริ่มอธิบาย“ประมาณสามสิบปีที่แล้ว แถบทวีปอาราสทาเรียซึ่ง อยู่ทางซีกโลกตะวันตกถูกจู่โจมจากกองทัพปริศนาอย่างกะทันหัน ทางกองทัพจากทวีปอื่นๆพยายามจะส่งกำลังพลไปช่วยแต่กลับถูกโจมตีจากกองทัพอีกหลายกองซึ่งจู่ๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ กองกำลังของโลกอยู่ในภาวะสับสนเพราะถูกโจมตีโดยศัตรูปริศนาที่ใช้อาวุธที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน มนุษย์โลกพยายามต้านอยู่กว่าสามปี แต่ก็ถูกตีพ่ายแพ้เรื่อยๆจากการบุกทะลวงอย่างหนักหน่วงจากทุกรอบด้าน แต่ละทวีปต้องพึ่งพาและปกป้องตัวเอง ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ แต่ยังเป็นโชคดีของมนุษย์ชาติที่ประเทศมหาอำนาจหลายแห่งมีการวิจัยทางอวกาศมาอย่างยาวนาน พวกเขาได้สร้างยานอวกาศขนาดยักษ์สำหรับเดินทางหาอาณานิคมนอกโลกอยู่หลายลำ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือยานฮาเวสเตอร์ลำนี้นั่นเอง แต่ในขณะที่มนุษย์ชาติพยายามที่จะอพยพออกจากโลก .....ทั้งๆที่ต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนของตน แต่ก็ยังถูกโจมตีอีกหลายครั้ง ยานอวกาศซึ่งควรจะอพยพมนุษย์โลกได้กว่ายี่สิบลำ กลับเหลือรอดเพียงสามลำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กองยานที่เหลือสามลำได้เดินทางมาถึงน่านฟ้าของทวีปโอรานอส ซึ่งอยู่แถบซีกโลกตะวันออก ผู้คนที่เหลือรอดต่างก็อพยพมาและได้ปักหลักและยืนหยัดอยู่ในทวีปโอรานอสจนมาถึงทุกวันนี้ จากการตรวจสอบ สาเหตุเป็นเพราะสภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศที่เหมาะกับการเป็นป้อมปราการบวกกับความพิเศษของตัวทวีป ทำให้พื้นที่สุดท้ายของมนุษย์ชาติยังคงอยู่ พื้นที่ในทวีปนี้จะเป็นฐานที่มันของพวกเราที่จะต้องต่อกรกับพวกู้รุกรานและยึดครองโลกนี้กลับคืนมาอีกครั้ง!”

ไฟนอลเควส.... เป็นคำแรกที่ผมนึกถึง เท่าที่ฟังดูนั่นก็คือเป้าหมายเคลียเกมของเกมนี้แน่ๆ การยึดโลกคืนมากจากผู้รุกราน โดมิเนตเวิลด์ แตกต่างจากที่ผมคิดไว้นิดหน่อย นึกว่าจะเป็นแนวแบบ ข้าจะยึดครองโลก ว่ะฮ่ะฮ่าๆๆๆ!!! ...อะไรประมาณนั้น

แต่ก็เป็นเรื่องเกินคาดจริงๆ ที่ประกาศเป้าเหมายเคลียเกมตั้งแต่แรกแบบนี้ โดยทั่วๆไปเกมออนไลน์มักไม่ค่อยมีเป้าหมายอะไรเท่าไหร่ แค่เริ่มเกมมาก็เก็บเลเวลเพิ่มระดับอวาตาร์ไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมาย... จริงๆจุดหมายก็คือเป็นอันดับหนึ่งของเหล่าเพลเยอร์นั่นแหละ

ระหว่างที่นายทหารกำลังอธิบายเรื่องอื่นๆพลางเปิดภาพโปรเจคเตอร์พีดีประกอบไปด้วย ผมก็เงี่ยหูฟังคนข้างๆคุยกัน

“นายว่าจะเป็นไปได้มั้ย? ไอ้การจะเคลียเกมนี้เนี่ย”

ชายอีกคนยักไหล่

“ท่าจะยากล่ะนะ เท่าที่ฉันสำรวจข้อมูลตามพีดีบอร์ด ส่วนมากฝั่งเพลเยอร์ไม่ค่อยมีพลังเท่าไหร่เลย พวกท่าไม้ตายหนักๆหรือเวทมนตร์ก็ไม่มี ขนาดยาฟื้นพลังยังไม่มีเลย จะรักษาบาดแผลก็ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ลูกเดียว แต่อย่างน้อยก็ยังดีนะที่มีอาวุธให้ใช้หลากหลายดี ทั้งดาบทั้งปืน มีครบ”

“ขนาดนั้นเลย? ฝั่งเราอ่อนแอขนาดนี้จะไปสู้ได้ไง ขนาดพวกเอ็นพีซีที่ต้องแข็งแกร่งกว่าเราแน่ๆยังแพ้ยับขนาดนี้”

“ก็ไม่แน่นะ เพราะเกมนี้ไม่มีระบบเลเวล ขอแค่กล้านิด มีฝีมือหน่อยก็ไปสู้แนวหน้าได้แล้ว อย่างพวกเราที่เป็นหน้าใหม่นั่นแหละ ถ้ามีของดีๆหน่อยนะ..... น่าจะไหวแหละ มั้ง?”

อย่ามั้งสิเฟ้ย!

“ว่าแต่ ถ้าเป็นอย่างที่นายว่า แล้วเกมนี้ก็เปิดมาตั้งครึ่งปีแล้วนี่ ฝั่งเราบุกไปทวีปอื่นถึงไหนต่อไหนแล้วใช่รึเปล่า?”

“น่าเสียดายนะ” เขาถอนหายใจแล้วเอนหลังกับพนักเก้าอี้ “ฝั่งเพลเยอร์ยังบุกทะลวงออกไปจากทวีปนี้ไม่สำเร็จเลย แค่ตั้งรับการบุกย่อยๆของพวกศัตรูก็เต็มกลืนแล้ว”

“ทำไมล่ะ คนเราออกเยอะ? เกมนี้คนเล่นกว่าล้านคนเลยไม่ใช่รึไง”

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นสิ อย่าลืมว่านี่เป็นการรบระดับกองทัพนะ ไม่ใช่เกมที่คนสามสี่คนเก็บเลเวลสูงๆหน่อยแล้วไปรุมตีบอสตัวเดียวซะที่ไหน ศัตรูน่ะมาเป็นกองทัพแถมมีรูปแบบการรบที่รับมือยากอีกด้วย”

“โหย... จะโหดไปมั้ยเนี่ยเกมนี้?”

“นั่นสินะ...”

ถ้าที่เจ้าสองคนนี่พูดเป็นเรื่องจริงล่ะก็...คิดใหม่เรื่องเริ่มเล่นเกมนี้ดีไหมเนี่ย เล่นเกมเพลเยอร์แอคทีฟเป็นเกมแรกทั้งที เนื้อหาเกมกลับชวนเครียดซะงั้น ความเป็นแฟนตาซีมีมั้งมั้ย ห๊า!?

อ๊ะ มีพวกสัตว์ประหลาดด้วยนี่นา

“เอาล่ะ! ต่อไปฉันจะพาพวกนายไปสนามฝึกซ้อม พวกนายต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้พื้นฐานเอาไว้ ตามฉันมา!”

นายทหารประกาศแล้วก็เริ่มเดินออกจากห้อง

ผมลุกขึ้นเกือบเป็นคนสุดท้าย เดินตามไปด้วยคิดอะไรหลายๆอย่างไปด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel