บทที่ 2
“คนที่ควรร้องไห้มันเป็นเธอเหรอนีรนาท”
“คนอื่นไม่เกี่ยว ถ้าจะโกรธ จะเอาคืนก็มาลงกับพี่…”
ชนัญชิดาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะมองคนที่พูดประโยคนั้น และมองหน้านีรนาทอีกครั้งหนึ่ง
มุมปากของชนัญชิดายกขึ้นอย่างเย้ยหยัน และนั่นก็ทำให้นีรนาทยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ทั้งยังกอดแขนของฉัตรฉายไว้แน่น
ปากก็พร่ำบอกว่าขอโทษเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ และก็มองหน้าชนัญชิดาไปด้วย
นีรนาทกำลังจะบอกชนัญชิดาว่าฉัตรฉายผู้ชายคนนี้ได้เป็นของนีรนาทโดยสมบูรณ์แล้วทั้งตัวและหัวใจ
ชนัญชิดาเบนสายตากลับมามองหน้าฉัตรฉาย ก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้กับเขา ฉัตรฉายมองหน้าเธอและหันกลับไปมองนีรนาท
ทุกคนต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดของตัวเอง นีรนาทคิดว่าชนัญชิดาคงจะร้องแรกแหกกระเชออย่างคนที่หัวใจสลายเมื่อรู้ว่าคนที่ชนัญชิดาเฝ้ารักมาหลายปีอย่างฉัตรฉายต้องมาลงเอยกับเพื่อนสนิทตัวเอง
นีรนาทผู้หญิงคนนี้เคยเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของชนัญชิดา ฐานะบ้านของนีรนาทต่างกับชนัญชิดาราวฟ้ากับเหว
มารดาของชนัญชิดาเสียไปตั้งแต่อายุสิบห้า หญิงสาวอยู่ในความดูแลของบิดาคนเดียวมาตลอด การเลี้ยงดูก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตามประสาผู้ชายที่บ้างาน และใช้เพียงเงินเลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียวก็เท่านั้น
ดีหน่อยที่ชนัญชิดาใฝ่ดีและรู้ว่าโตมาเธอควรจะเป็นและทำอะไร หญิงสาวรู้จักหน้าที่ของตน รู้ว่าจุดที่จะขึ้นไปยืนมันคือจุดไหนในชีวิต
ชนัญชิดาตอนโตก็เลยเป็นผู้หญิงนิ่งเงียบรักษาตัวตน ภายนอกไม่ขี้อ้อนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ไม่ได้มีความถือตัวแต่อย่างใด แม้จะอยู่ในจุดที่สูงกว่าคนอื่นแต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าถึงเธอไม่ได้
แต่ก็นั่นแหละใครจะไปชอบผู้หญิงเก่ง ๆ ผู้ชายชอบผู้หญิงอ่อนหวานนุ่มนวลบอบบางน่าทะนุถนอมทั้งนั้น
และมันก็ผิดกับนีรนาทที่เข้าออกบ้านชนัญชิดาเป็นว่าเล่นจนคนอื่นที่ไม่รู้คิดว่านีรนาทเป็นลูกสาวอีกคนของอาป๊าชนัญชิดา
นิสัยของนีรนาทตรงข้ามกับชนัญชิดาทุกอย่าง ขี้อ้อน น่ารัก เอาใจเก่ง งานบ้านงานเรือนเรียกว่าครบเครื่อง
แต่กับชนัญชิดาเรื่องงานบ้านงานเรือนไม่เป็นสักอย่าง หญิงสาวถนัดแต่เรื่องการค้าและแน่นอนว่าเธอทำได้ดีกว่าเด็กรุ่นเดียวกันเป็นไหน ๆ
เมื่อตอนที่มารดายังมีชีวิตอยู่ท่านก็ฟูมฟักปลูกฝังชนัญชิดามาตั้งแต่เด็ก อะไรที่ถ่ายทอดถึงลูกได้และเป็นเรื่องที่ดี มารดาก็เพียรพร่ำสอนจนเป็นวิชาติดตัวที่แม้ท่านจะไม่อยู่แล้วแต่มันก็ถูกซึมซับผ่านตัวตนของชนัญชิดา
ใครก็ได้...ใครก็ได้ที่ฉัตรฉายจะแต่งงานด้วย ใครก็ได้จริง ๆ ชนัญชิดาจะคืนแหวนที่ฉัตรฉายบอกว่าเป็นของมารดาเขาให้ แต่มันจะต้องไม่ใช่นีรนาทผู้หญิงสารเลวคนนี้!!
“เราขอโทษนะหิน ฮึกกก แต่เรากับพี่ฉายรักกันจริง ๆ”
รักกันจริง ๆ ชนัญชิดายิ้มเล็กน้อยมองหน้าฉัตรฉาย และมันก็เหมือนกับวงล้อของกาลเวลาได้ทำงานและดึงเราทั้งคู่ให้กลับเข้าไปสู่วังวนแห่งอดีตอีกครั้ง
หลังจากชนัญชิดาเรียบปริญญาตรีจบ ปริญญาโทใบแรกทุกคนคะยั้นคะยอให้เธอไปเรียนที่ต่างประเทศแทนที่จะเรียนที่ประเทศไทย ชนัญชิดาปฏิเสธไปแล้ว แต่อาป๊ากับพี่ฉายก็มีเหตุผลร้อยแปดมาโน้มน้าวใจเธอให้ทำตามความต้องการของพวกเขา
‘หินต้องเรียนให้สูงเพื่อที่ทุกคนในบริษัทจะได้ไม่ต้องมามีประเด็นกับลูก’
‘หินคิดซะว่าพักผ่อนก็ได้นะ แค่สองปีเองช่วงนี้ก็ให้ป๊าทำงานให้หนักหน่อย’
นั่นแหละชนัญชิดาก็ยังไม่ยอม จนสุดท้ายฉัตรฉายก็พูดบางอย่างกับเธอ
‘หินไปเรียนต่อนะ เรียนจบแล้วกลับมาแต่งงานกัน’
แล้วชนัญชิดาก็เข้าใจเหตุผลของอาป๊าเมื่อต้นปีนี้เองว่าที่อาป๊าให้เธอไปเรียนต่อไกลถึงที่ต่างประเทศเพราะอะไร เด็กชายในห่อผ้าตัวแดง ๆ บอกทุกอย่างกับเธอได้เป็นอย่างดี
ชนัญชิดาไม่ได้เป็นเด็กแล้ว เธอโตพอจะเข้าใจโลก เข้าใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ในตอนนั้นเพราะอาป๊าท่านกลัวว่าเธอจะผิดหวังและเสียใจที่ท่านมีลูกกับผู้หญิงอีกคน ท่านจึงให้เธอไปตั้งหลักก่อน และการไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางที่ท่านเลือกให้
ชนัญชิดาเห็นใจอาป๊าและท่านเหนื่อยกับเธอมามาก กว่าที่เธอจะโตจนป่านนี้ ชนัญชิดาเกือบจะเอื้อมมือไปประคองกอดน้องชายต่างมารดาแล้วถ้าไม่เห็นแม่ของเด็กที่คลานเข่าเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ อาป๊าเธอเสียก่อน
เมื่อตาสบตาชนัญชิดามองเห็นแต่ชัยชนะในดวงตาคู่นั้นของคนที่เป็นแม่เด็กชายในอ้อมแขนอาป๊าเธอ
ความรัก ความหวังดี ความไว้เนื้อเชื่อใจ ถูกพังทลายไม่เหลือชิ้นดี เมื่อแม่ของเด็กชายในอ้อมแขนอาป๊าเงยหน้าขึ้นมาสบตามองกัน