บทที่4
ขณะที่ใครคนนึงกำลังเดินทางไปสถานีตำรวจอีกฟากหนึ่งกลับแตกต่างออกไป นัยน์ตาที่ปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึกทอดมองแฟ้มเอกสารกองโตก่อนจะพ้นลมหายใจ ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จ้องมองพร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่บนสุดมาเปิดและวางลงตรงหน้าสายตาคู่นั้น
“คุณต้องรู้จักพนักงานในระดับหัวหน้านะครับคุณนนท์ อ่านสักหน่อยเถอะ” พงศธร เลขานุการคนสนิทของผู้บริหารสูงสุดของบริษัทในเครือNTKกรุ๊ปเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มงวดขณะที่สายตาคู่นั้นจ้องมองชายหนุ่มที่ตนได้รับมอบหมายให้มาคอยช่วยสอนงานอย่างไม่ลดละ
“บริษัทนี้เป็นบริษัทเกี่ยวกับการออกแบบก่อสร้าง สถาปนิก มัณฑนากร และวิศวกรหลายคนค่อนข้างติส ถ้าไม่อยากให้เขาต่อต้านคุณก็ต้องเอาชนะใจพวกเขาให้ได้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งนะครับคุณนนท์”
“ผมทราบครับคุณพงศ์ว่าเจ้าสัวท่านอยากให้ผมเอาชนะใจคนในบริษัท” ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาปกปิดความรู้สึกอย่างนนทกร รัชตะโภคินทร์ หรือ นนท์ ประธานผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทNTK Interior Architect บริษัทออกแบบและก่อสร้างครบวงจรในเครือของNTKกรุ๊ปเอ่ยขัดก่อนจะใช้มือเลื่อนไปปิดแฟ้มเอกสารและนำกลับไปวางที่เดิม
เขามองพงศธรกลับก่อนจะเอ่ย “แต่ผมว่าไม่จำเป็นที่ผมจะต้องรับรู้ประวัติโดยละเอียดของใคร ให้เขามองผมที่เป็นผม อย่าให้เขามองผมที่ถูกตั้งโปรแกรมดีกว่านะครับ”
“คุณนนท์ ผมไม่ได้ตั้ง...”
“การให้อ่านประวัติพวกนี้ ก็เหมือนการป้อนข้อมูลให้กับหุ่นยนต์ มนุษย์น่ะจะรู้จักกัน ใช้แค่แผ่นกระดาษกับคำพูดของคนอื่นไม่ได้หรอกนะครับ ให้ผมรู้จักพวกเขาตรง ๆ และให้พวกเขาสัมผัสผมตรง ๆ แบบนั้นดีกว่านะ” ประธานหนุ่มเอ่ยก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดและสนทนากับใครบางคนผ่านโปรแกรมแชตโดยไม่สนใจพงศธรที่นิ่งอึ้งอยู่
แต่ละบุคคลมีความคิดความอ่านไม่เหมือนกัน พงศธรได้แต่ลอบยิ้ม ไม่น่าเชื่อว่าหลานชายคนกลางของท่านประธานใหญ่คนนี้จะคิดอะไรที่ลึกซึ้งได้ขนาดนี้ทั้งที่หลาย ๆ อย่างทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเหลวแหลก ยี่สิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศหล่อหลอมให้เขาเป็นคนอย่างนี้อย่างนั้นสินะ
“ท่านให้ผมมาดูแลอยู่ข้าง ๆ คุณจนกว่าจะมั่นใจว่าคุณพร้อมจะฉายเดี่ยว...แต่ผมว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีผมอยู่ข้าง ๆ เลย” พงศธรเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มภูมิใจอย่างปิดไม่มิดก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้า “ผมมั่นใจว่าคุณฉายเดี่ยวได้ดี ยินดีที่ได้เจอกันครับคุณนนท์”
“คุณจะ...”
“ผมจะกลับไปบอกท่าน ว่าคุณพร้อมแล้ว และผมเชื่อว่าคุณพร้อมที่จะกุมบังเหียนที่นี่จริง ๆ ผมจะรอดูผลงานนะครับ”
นนทกรมองปลายมือที่ยื่นมาก่อนจะลุกขึ้นและยื่นมือไปจับกับอีกฝ่าย “แม้ว่าคุณจะอยู่กับผมแค่สามวัน แต่ขอบคุณนะครับที่ใส่ใจผม”
พงศธรยิ้มรับก่อนจะขอตัวกลับไปยังสำนักงานใหญ่ นนทกรมีความจำเป็นจนต้องไปอยู่ต่างประเทศนับยี่สิบปี เรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ที่ได้ยินมาไม่ใคร่จะดีนัก แต่ท่านประธานใหญ่ก็ยังรักใคร่หลานชายคนนี้มากกว่าใคร เจ้านายของเขาใช้เวลานับสิบปีในการเกลี่ยกล่อมให้นนทกรกลับมาไทย และรบเร้าอยู่นานกว่าที่ชายหนุ่มจะยอมตอบรับเข้ามาดูแลบริษัทนี้แทนที่พี่ชายต่างแม่ที่จะต้องไปรับช่วงต่อบริษัทอื่นในเครือ
ครั้งแรกที่เขาได้รับคำสั่งให้มาเป็นที่ปรึกษาของชายหนุ่ม สายตาที่เขามองคนรุ่นลูกคนนี้บอกตามตรงว่าไม่ดีนัก แต่พอได้ลองสัมผัสมากว่าสามวันเขาก็ต้องแปลกใจและเปลี่ยนใจในที่สุด
นนทกรมีความสามารถมากพอโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเขาเป็นที่ปรึกษา และชายหนุ่มจะทำมันได้ดีถ้าเขาไม่อยู่ที่นี่...ก็หวังว่าเขาจะมองคนไม่ผิด
พงศธรออกจากห้องไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ในห้อง ริสา เลขานุการสาวที่ทำงานเป็นเลขานุการมาตั้งแต่ประธานคนก่อนเหลือบมองเจ้านายคนใหม่อย่างสังเกต นนทกรเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูงโปร่งแม้ว่าจะไม่ดูกำยำแต่ก็มองออกได้ชัดเจนว่าเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่เสมอ ใบหน้าของเขานั้นนิ่งเรียบทว่ากลับดูมีเสน่ห์ ดวงตาคู่นั้นดูนิ่งเฉยปกปิดความรู้สึกส่งให้ดูเป็นผู้ชายลึกลับน่าค้นหาจนทำให้เธอเผลอใจเต้นอยู่บ่อยครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วเห็นทีคงตกหลุมรักเจ้านายคนใหม่เหมือนสาว ๆ คนอื่นในบริษัทเข้าแล้ว...ผู้ชายอะไรช่างดูน่าค้นหาเสียจริง
“คุณริสา คุณริสา”
“คะ เอ่อ คะมีอะไรให้ริสาทำคะ”
“เมื่อครู่ผมส่งเอกสารสำคัญให้คุณทางเมลเอาไปปริ้นให้หน่อยนะ” เจ้าของร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่จบบทสนทนาทางแอพพลิเคชั่นสนทนากับใครบางคน
ริสาพยักหน้ารับพร้อมกับตรวจเช็คเมลที่ได้รับจากเจ้านายคนใหม่อย่างตื่นเต้น ท่านประธานจะรู้มั้ยว่าเมื่อครู่เธอแอบอู้มาสำรวจท่านอยู่
“แล้วก็เรียกประชุมหัวหน้าทีมสถาปนิกให้ผมด้วย”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำก่อนจะรีบร้อนออกไปจัดการตามที่เจ้านายคนใหม่สั่ง
มือหนาหยิบสมาร์ทโฟนมาเก็บในกระเป๋ากางเกงก่อนจะชะงักและหยิบเอาบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในกระเป๋าขึ้นมาดู
ไม่ใช่กระดาษ ไม่ใช่กุญแจรถ แต่เป็นผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่เขาจำไม่ได้ว่ามาอยู่ในกระเป๋ากางเกงได้อย่างไร นนทกรจ้องมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก่อนจะจมไปกับภวังค์ความหลังที่เขายังไม่สามารถลบลืมได้
ประเทศรัสเซีย
หลายปีก่อน
‘เปียกหมดเลย อะ เช็ดสิ’ น้ำเสียงหวานเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าของตนมาให้ ตาคู่คมมองเลยไปยังใบหน้าหวานของหญิงสาวชาวรัสเซียที่หยิบยื่นน้ำใจมาให้ก่อนจะนิ่งไป
ตาคู่นั้นหวานแต่มีแววเศร้าแต่กลับทำให้เขารู้สึกใจสั่น...ดูเหมือนเธอจะขโมยหัวใจเขาไปซะแล้ว
‘คุณ คุณ นี่’
‘เอ่อ โทษที’ เขาตอบพร้อมกับรับผ้าผืนนั้นมาเช็ดหน้าและผมที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝน ‘คุณอยู่แถวนี้เหรอ?’
‘เปล่า ฉันแค่มาทำธุระน่ะ’
‘แต่คุณพอจะรู้ทางใช่มั้ย ผมมีอะไรให้ช่วยหน่อยน่ะ’ เขาถามเมื่อมองไปที่แผนที่ในมือแล้วพบว่าแผนที่นั้นยับเยินจนไม่สามารถดูได้ หญิงสาวมองตามก่อนจะเอ่ยตอบ
‘ก็พอรู้นะ คุณจะไปที่ไหน ถ้าฉันรู้จักฉันจะช่วย’
‘บ้านของโจเซฟ เอ่อ บ้านของคุณมิคาเอล เนวานอฟน่ะ’
‘มาเฟียรัสเซีย?’ เธอถาม ใบหน้านั้นดูตกใจไม่น้อย นนทกรไม่แปลกใจกับท่าทีนั้น ไม่แปลกหรอก ก็คนที่เขาต้องการไปเจอเป็นมาเฟียที่โด่งดังของรัสเซียนี่นา
เขาพยักหน้าพร้อมกับตอบออกไป ‘ก็ประมาณนั้น’
‘พอดีเลย ฉันมีธุระที่นั่นพอดี มาสิ ไปด้วยกัน’
‘มินยา ซาวูท เอมีร่า อะ คัก วาส ซาวูท(ฉันชื่อเอมีร่า แล้วคุณล่ะชื่ออะไร)’ คำถามเป็นภาษารัสเซียถูกส่งมาอย่างต้องการหยั่งเชิงว่าคนตรงหน้าสามารถสนทนาเป็นภาษาของประเทศนี้ได้หรือไม่ ชายหนุ่มนิ่งไปเพียงครู่ก็ตอบกลับอย่างฉะฉาน
‘มินยา ซาวูท ไนต์ ราด ปัสนะโกมิทสยะ(ฉันชื่อไนต์ ยินดีที่ได้รู้จัก)’ ชายหนุ่มตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มให้ เอมีร่าสินะ โชคดีจริง ๆ ที่ฟ้าส่งเขามาพบกับเธอ
เอมีร่ายิ้มพร้อมกับตอบรับอย่างเป็นมิตร ‘ราดา ปัสนะโกมิทสะ(ยินดีที่ได้รู้จัก)’
ก๊อก ๆ
“ห้องประชุมกับเอกสารพร้อมแล้วค่ะคุณนนท์” เสียงเคาะประตูและคำบอกเล่าของริสาฉุดให้คนเผลอนึกไปถึงอดีตหลุดจากภวังค์ ชายหนุ่มเก็บผ้าเช็ดหน้าแห่งความทรงจำกลับใส่กระเป๋าก่อนจะลุกเดินออกจากห้อง
อดีตก็เป็นเพียงแค่อดีต แม้มันจะสวยงามอย่างไรมันก็เป็นเพียงแค่อดีต
“เรามีโพรเจกต์ใหม่ ลูกค้าต้องการให้เราออกแบบและก่อสร้างคอนโดมิเนียมให้ ผมต้องการสถาปนิกสองคนที่เก่งภาษาเพราะลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ และที่สำคัญคือมีความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมรัสเซีย” นนทกรไม่รีรอรีบเอ่ยเข้าเรื่องทันทีที่เข้ามานั่งในห้องประชุม ตาคู่คมลอบมองบุคคลภายในห้องประชุมทีละคนจนไปหยุดที่หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มที่เขารู้แค่ว่าเป็นน้องชายของพี่สะใภ้ของเขา สามวันก่อนเป็นวันที่เขาได้เจอเธอคนนี้ครั้งแรก เธอสะดุดตาและให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด
เธอมีส่วนคล้ายกับเอมีร่าในบางความรู้สึก ชายหนุ่มละสายตาก่อนจะหันไปตั้งใจฟังหัวหน้าทีมสถาปนิกทีมต่าง ๆ นำเสนอคนของตัวเองเพื่อให้ได้งานนี้ไป
“ผมขอเสนออรนิตาและวริศครับ ทั้งคู่มีความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมรัสเซียพอสมควร ที่สำคัญเก่งภาษากันทั้งคู่ด้วย สถาปนิกในบริษัทนี้คงหาใครเก่งภาษาเท่าสองคนนี้ได้ยากแล้วละครับ พูดภาษาอังกฤษได้อย่างกับเจ้าของภาษาทีเดียว” เสียงที่ค่อนข้างจะโอ้อวดดังขึ้นหลังจากที่หลาย ๆ คนเสนอตัวรับโพรเจกต์นี้แต่ก็ยังไม่คนที่เหมาะสม
นนทกรเลิกคิ้วมองพิจารณาไปยังสองคนที่ผู้พูดนำเสนอก่อนจะเบนสายตามาถามปวินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยอมรับเลยว่าเขาคาดหวังให้ผู้ชายคนนี้และผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้โพรเจกต์นี้ไปมากกว่าคนของคมกฤต หัวหน้าทีมสถาปนิกที่เป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ของพี่ชายต่างมารดาของเขา ทว่าปวินก็ไม่มีท่าทีจะเสนอตัวในโพรเจกต์ใหม่นี้เลยแม้แต่นิด
ชายหนุ่มถอนใจก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน “แล้วคุณละปวิน คุณคิดเห็นยังไง”
ปวินที่นั่งเงียบมานานปรายตามองคมกฤตที่ชิงดีชิงเด่นกันอยู่บ่อย ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงนิ่ง ๆ “ก่อนจะตอบ ผมขอทราบข้อมูลก่อนนะครับ ลูกค้ามาจากประเทศอะไรครับ”
“ลูกค้าเป็นชาวรัสเซียที่มีภรรยาชาวไทยค่ะคุณปราน” ริสาเอ่ยตอบแทนนนทกรอย่างรู้งานก่อนจะยื่นเอกสารเกี่ยวกับลูกค้าให้กับปวิน “ลูกค้าต้องการสนทนากับสถาปนิกโดยไม่ผ่านล่ามเลยต้องการคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี คุณปรานเองก็เก่งภาษาส่งโพรเจกต์เก่าให้คริษฐาแล้วมารับโพรเจกต์นี้สิคะ โพรเจกต์นี้ค่าตอบแทนมหาศาลเลยนะคะ”
“ถึงปวินจะมีฝีมือแต่เรื่องการสนทนาปวินคงสู้อรนิตากับวริศไม่ได้หรอกนะ” คมกฤตแทรกขึ้นก่อนที่นนทกรจะถามปวินอีกครั้ง
“คุณคิดว่ายังไงปวิน?”
“ผมขอเสนอจิรชาครับ จิรชารู้เรื่องสถาปัตยกรรมรัสเซียเป็นอย่างดีเหมาะสมกับโพรเจกต์นี้” ชายหนุ่มตอบไปตามที่คิดแต่ก็ทำให้หลายคนประหลาดใจ เนื่องจากปวินนั้นไม่ได้เสนอคนของตัวเองหรือเสนอตัวเองเหมือนที่คนอื่น ๆ ทำซ้ำยังเสนอจิรชาที่เป็นหัวหน้าทีมสถาปนิกอีกคนของ บริษัทและหญิงสาวก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้
“ใครคือจิรชา?”
“จิรชาเป็นหัวหน้าทีมสถาปนิกหญิงคนเดียวของบริษัทครับ วันนี้เธอเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยทำให้ไม่ได้มาเข้าประชุม แต่ผมมั่นใจครับว่าจิรชาเหมาะสมกับโพรเจกต์นี้และถ้าเธอทำโพรเจกต์จะต้องเป็นไปได้ด้วยดี”
นนทกรนิ่งฟังพยายามนึกถึงประวัติของสถาปนิกหญิงคนเดียวของบริษัทที่พงศธรเคยคะยั้นคะยอให้เขาอ่าน แต่คิดเท่าไหร่ก็ว่างเปล่า เขาไม่ได้อ่านประวัติของคนที่ถูกเสนอชื่อเลยแม้แต่น้อยและในวันที่ประชุมแนะนำตัวเขาก็ไม่ค่อยได้สนใจใครเป็นพิเศษนัก
แต่ถ้าเป็นคนที่เป็นหัวหน้าได้ก็แสดงว่ามีความสามารถมากพอ นนทกรคิดกับตัวเองก่อนจะถามต่อ “แล้วอีกคนล่ะ คุณคิดว่าใคร คุณ?”
“ไม่ใช่ผมครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องสถาปัตยกรรมรัสเซียเท่าไหร่ แต่ผมก็มีคนที่ผมคิดว่าเหมาะสมครับ”
“ใคร...เพื่อนคุณที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เหรอ?” นนทกรถามทั้งที่พอจะเดาได้ไม่ยากว่าปวินจะต้องเสนอเพื่อนของตนที่ยังไม่ได้รับโพรเจกต์เป็นของตัวเองเพราะเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่นี่ไล่เลี่ยกับเขา...เธอคนนั้นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ปวิน
“ไม่ผิดครับ เป็นคริษฐาจริง ๆ คริษฐาเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ รอบรู้เรื่องสถาปัตยกรรมประเทศต่าง ๆเป็นอย่างดี และลูกค้าเป็นชาวรัสเซีย เขาไม่ต้องการใช้ล่ามเพราะเขาอยากจะสื่อสารความต้องการโดยตรงกับสถาปนิก ดังนั้นผมคิดว่าคงไม่มีใครเหมาะกว่าคุณมาการิต้าแล้วล่ะครับ”
“มาการิต้า?”
“ชื่อรองของคริษฐาน่ะครับ คริษฐาเพื่อนผมคนนี้เป็นลูกเสี้ยวรัสเซีย พูดภาษารัสเซียได้ อ่านเขียนได้ไม่แพ้เจ้าของภาษา มีใครจะเก่งกว่านี้ล่ะครับ”
ประธานคนใหม่มองหญิงสาวอย่างประหลาดใจ ถึงว่าสิเธอถึงได้ให้ความรู้สึกคล้ายกับเอมีร่า ที่แท้ก็มีสายเลือดรัสเซียเช่นเดียวกันนี่เอง แต่ร้อยคนพูดไม่เท่าทดสอบด้วยตัวเอง การจะมอบหมายงานให้ใครสักคนเขาต้องมั่นใจว่าความสามารถเหมาะสมจริง ๆ ไม่ใช่แค่ราคาคุย “ถ้าอย่างนั้นคุณลองแนะนำตัวเป็นภาษารัสเซียให้ฟังหน่อยสิ”
“มินยา ซาวูท มาการิต้า อะ คัก วาส ซาวูท?(ฉันชื่อมาการิต้า แล้วคุณล่ะชื่ออะไร)” น้ำเสียงสำเนียงรัสเซียเปล่งออกมาพร้อมกับดวงตาที่หันมาราวกับว่าจริงจังกับคำถามที่ส่งมาทำให้นนทกรรู้สึกหวิว ๆ ในหัวใจไม่น้อย ใบหน้าราวกับแสงสว่างของชีวิตมาหลายปีผุดขึ้นมาในความคิดแว่บ หนึ่งก่อนที่เขาจะสลัดมันไป...เธอทำให้เขานึกถึงเอมีร่าไม่น้อยเลย
นนทกรถอนใจกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “มินยา ซาวูท นนทกร ถึงแม้นี่จะเป็นการทดสอบขั้นพื้นฐาน แต่ผมก็จะลองไว้วางใจคุณสถาปนิกคนใหม่ก็แล้วกัน โพรเจกต์นี้ผมให้ทีมคุณปวินและคุณจิรชารับผิดชอบร่วมกัน พรุ่งนี้บ่ายผมมีนัดกับลูกค้าเที่ยงตรงวันพรุ่งนี้คุณกับคุณจิรชามารอผมหน้าบริษัทด้วย ผมจะพาไปพบลูกค้า หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ”
“ค่ะบอส”
การประชุมเป็นอันจบลงด้วยดีทว่าขณะที่ไม่มีใครทันได้สนใจริสาที่ยืนสังเกตทุกคนอยู่ได้แต่กำหมัดแน่น รู้สึกชิงชังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ปวินขึ้นมามากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้เธอก็ชิงชังอยู่แล้ว แต่วันนี้ยิ่งเพิ่มเข้าไปอีก เธอชอบปวิน แต่ท่าทีที่ปวินมีให้คริษฐานั้นกลับทำให้เธอริษยา ท่าทีท่านประธานคนใหม่เองก็เช่นกัน เขากำลังสนใจผู้หญิงคนนั้น...คริษฐา มาการิต้า อัศรากุล
ตาคู่คมยังคงแอบมองหญิงสาว หลายคนอาจจะคิดไปแล้วว่าเขาคงสนใจสถาปนิกสาวคนใหม่คนนี้ไปแล้ว แต่ลึก ๆ แล้วนนทกรรู้ดีว่าไม่ใช่ทั้งหมด
จริงอยู่เขารู้สึกสนใจคริษฐาคนนี้ แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็เพียงแค่รู้สึกว่าเธอคล้ายกับเอมีร่าจนอยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวก็เท่านั้น...
