1 - รู้จักดี
01
รู้จักดี
Bena’s Part ;
โคล่ากระป๋องที่สองถูกโยนลงถุงพลาสติกที่ใช้เป็นถังขยะชั่วคราว ตั้งใจจะหยิบกระป๋องที่สามซึ่งเป็นกระป๋องเบียร์ที่ตั้งวางอยู่ใกล้กันขึ้นมาดื่มแต่ก็ถูกมือใหญ่ของคนตัวโตคว้าหมับเอาไว้
“พอแล้วบีน่า จะกินอะไรเยอะแยะ”
ฉันขมวดคิ้วยุ่งทันที สายตาตวัดมองพี่ธันวาอย่างไม่พอใจสุดขีด แต่ก็ยอมปล่อยกระป๋องเบียร์และเปลี่ยนมาเป็นนั่งกอดเข่าตัวเองแทน
“แค่นี้ก็หวงเหรอ บีเห็นในตู้เย็นมีเป็นลัง แล้วไม่ใช่แค่ลังเดียวด้วยเหอะ”
กระป๋องเบียร์แบรนด์ดังวางแช่อยู่ในตู้เย็นบดบังน้ำเปล่า แล้วไหนจะพื้นที่ข้างนอกโซนครัวนั่นอีกที่มีลังเบียร์วางซ้อนกันเป็นตับ
นี่ยังไม่รวมเหล้าแพง ๆ ที่วางโชว์บนชั้นใกล้ ๆ กันนั่นอีก
ทำหวงไปได้!
“พี่เป็นห่วงต่างหาก”
นอกจากคำพูดแล้วก็ยังมีสายตาหนักแน่นที่ส่งมาให้กัน ฉันถึงกับรีบหลบเลี่ยงเสมองไปทางอื่น ก่อนเปลี่ยนประเด็นไม่ให้บรรยากาศอึดอัดมากเกินไป
“แล้วพี่ธันมาได้ไง” ฉันหมายถึงว่าเขามาที่นั่นในเวลาพอดีกับที่ฉันวิ่งออกมาจากบ้านได้ยังไง
ฉันและพี่ธันวาเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่เขาย้ายออกมาอยู่คอนโดฯ ได้เกือบปีแล้ว แต่ก็มักจะกลับมาที่บ้านเกือบทุกอาทิตย์เนื่องจากกลับมาหาน้องสาวและพี่ชายที่อาศัยอยู่ที่นั่น
วันนี้เป็นวันอังคารมันเลยทำให้ฉันแปลกใจที่เห็นเขาที่นั่น แถมยังมาได้ถูกจังหวะเห็นสภาพหมามอมแมมอย่างฉันอีกต่างหาก
“พี่เห็นภาพพวกนั้นแล้ว”
การเคลื่อนไหวหยุดชะงักลงไปชั่วขณะ ไม่เว้นแม้แต่ลมหายใจที่สะดุดกึกเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ไม่ต้องถามต่อก็รู้ว่าภาพที่เขาเห็นนั้นเป็นภาพอะไร มันก็คงไม่พ้นภาพเดียวกันกับที่แม่ปาใส่หน้าฉันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานั่นแหละ
“พี่เชื่อหรือเปล่า” เป็นคำถามเดียวที่ฉันอยากรู้
พี่ธันยกยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ดวงตาจดจ้องมองลึกเข้ามา ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าเบา ๆ และให้คำตอบที่ฉันคาดหวังมากที่สุด
“พี่รู้ว่าเราไม่มีทางทำแบบนั้น”
“ทำไม?” ฉันเลิกคิ้วถามและขยับตัวเข้าไปใกล้พี่ธันอีกหน่อย ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ที่พื้นพรมหน้าโทรทัศน์จอใหญ่ ส่วนเขาก็นั่งข้างบนโซฟาตัวยาว ระดับสายตาของเราจึงแตกต่างกันมากฉันถึงต้องเชยใบหน้าขึ้นมองเขาที่อยู่สูงกว่า
บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันกำลังดีใจ เพราะคนที่ฉันคิดว่าเขาน่าจะรู้จักนิสัยฉันดีมากที่สุดอย่างแม่ กลับตัดสินและมองฉันไม่ดีผ่านภาพถ่ายพวกนั้นไปหมดแล้ว
แต่ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้...
คนที่อยู่ข้างฉันเสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เขาเป็นพี่ชายข้างบ้านที่ฉันสนิทสนมมากที่สุด เราเป็นทั้งพี่น้อง เพื่อน และอะไร ๆ อีกมากมายที่นิยามไม่ได้ แต่ก็ยกเว้นสถานะ ‘คนรัก’ ที่มันไม่มีทางเกิดขึ้น
“พี่รู้จักเราดี”
คำสั้น ๆ แต่ทำให้ฉันสั่นไหวจนปั้นหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงหนักแน่นนั้นหรือเปล่า หรือว่าสายตาคมขลับที่จดจ้องมองมา หรือไม่ก็อาจจะเป็นความหมายในคำพูดนั้นที่สะท้อนให้ฉันรู้สึกว่าเขาเองก็ใส่ใจฉันมากเหมือนกัน
“รู้จักดีขนาดไหนกันเชียว” ฉันแสร้งทำเสียงขุ่นนิด ๆ และเคลื่อนสายตาละออกจากใบหน้าของเขา ยื่นมือไปหยิบกระป๋องเบียร์อันเดิมที่เคยถูกห้าม แต่ครั้งนี้ก็ยังถูกคว้าหมับเอาไว้จนต้องชักมือกลับมากอดเข่าตัวเองเหมือนเดิม
“บีไม่ชอบกลิ่นควันบุหรี่เพราะเคยมีครั้งหนึ่งได้กลิ่นมันจนเป็นลม บีแพ้แอลกอฮอล์เพราะเคยเผลอกินจนต้องส่งเข้าโรงพยาบาล แล้วบีก็ไม่ยุ่งเรื่องสารเสพติดเพราะมีเพื่อนตอนปีหนึ่งเคยเล่นไอซ์ บีก็เลิกคบเพื่อคนนั้นทันที”
ฉันถึงกับอ้าปากค้างกับคำขยายความของเขา มันเป็นจริงทุกอย่าง และเขาก็ไล่เรียงอธิบายมาตามภาพต้นเหตุได้อย่างถูกต้องด้วย
นี่เขารู้จักฉันขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ขาดอย่างหนึ่งไปนะ
“แล้วเรื่องที่บีเต้นกับผู้ชายล่ะ พี่ธันไม่เห็นเหรอว่าบีเต้นยั่วเขาแค่ไหน”
พี่ธันอธิบายมาเกือบครบแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุหรี่ หลับคอพับ แล้วก็สารเสพติดในครอบครอง แต่มันเหลืออีกหนึ่งเรื่องซึ่งก็คือเรื่องที่ฉันเต้นยั่วเย้าสนิทสนมกับผู้ชายแปลกหน้า เขาไม่ได้พูดถึงมัน
“อันนั้นพี่ไม่รู้ ก็เลยไม่พูดถึงไง” เขาไหวไหล่ ก่อนหยิบกระป๋องเบียร์มาเปิดและกระดกดื่มมันอย่างรวดเร็ว
สีหน้าเขานิ่งและเรียบเฉยมาก แต่ไม่รู้ทำไมภายในน้ำเสียงนั้นฉันกลับรู้สึกได้ว่ามันมีความไม่พอใจและเสียใจอยู่ในนั้น
“พี่ธันพูดถูกทุกอย่างเลยนะ ภาพที่เห็นน่ะมันคือภาพบีจริง ๆ แต่บีไม่ได้ทำ บุหรี่บีไปแย่งมาจากเพื่อนเพราะวันนั้นเพื่อนบีมันสูบหลายตัวแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าไอ้คนถ่ายมันตั้งใจจะแกล้งบีหรือเปล่า”
ภาพที่ออกไปเป็นภาพที่ฉันกำลังคีบบุหรี่ด้วยมือข้างขวา ส่วนมีอีกข้างก็เท้าสะเอวมองเพื่อนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ท่าทางออกรสออกชาติผ่านรูปภาพไร้การเคลื่อนไหวนั่นก็คงทำให้คิดกันไปต่าง ๆ นานาว่าฉันกำลังสูบบุหรี่ ซึ่งจริง ๆ แล้วฉันแค่แย่งมันมาจากมือของเพื่อนเท่านั้น ตั้งใจจะปรามเพื่อนเพราะเห็นว่าวันนั้นเพื่อนสูบไปเยอะมากจริง ๆ แต่ก็กลายเป็นว่าฉันนี่แหละที่รับจบ
