2
กอดข้า
คืนต่อมา
ความมืดโอบกอดท้องฟ้าราวกับบอกรักอีกครั้ง สายลมเล่านิทานให้ใบไม้ข้างหน้าต่างฟัง
ภายในห้องนอนหลังคุณพ่อปิดประตูและกลับออกไปมีเพียงความมืดและเงียบเป็นเพื่อนเด็กน้อย
“ฮือ...” เซเวียร์เริ่มสะอื้นอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนเมื่อคืน
เธอจะได้พบแพนอีกไหม บางทีการพบกันเมื่อคืนอาจเป็นเพียงความฝัน...?
และที่นี่เยือกเย็นจัง เต็มไปด้วยหมอกและเรื่องเล่าแปลกๆ ที่แม้แต่ผู้ใหญ่ยังกลัว
“ฮือ...”
“เจ้าร้องไห้หรือ ทำไม” จู่ๆ ความมืดเอ่ยทัก “แต่เมื่อคืนเจ้าได้สัญญากับข้าแล้ว”
เสียงร้องไห้สะดุด “ข้านึกว่าท่านเป็นเพียงความฝันเสียอีก”
ความมืดยืนนิ่ง เขาจะเป็นความฝันได้อย่างไร เขาเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับฝันดีอย่างที่สุดต่างหาก
“แต่คืนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่าท่านมีจริง” เซเวียร์กลั้นสะอื้น ปาดน้ำตาด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษค่ะ ข้าก็แค่กลัวความมืดเท่านั้น”
“อยากฟังนิทานสักเรื่องไหม”
กาลเวลาอันยาวนานทำให้แพนรู้จักเรื่องเล่ามากมายตั้งแต่ยุคเทพนิยาย
“อยากค่ะ” เด็กน้อยกระโดดโลดเต้น “และท่านจะนอนเป็นเพื่อนข้าใช่ไหม”
“อาจได้ ถ้าหากเจ้าไม่ดิ้นเกินไป”
“ข้าสัญญาค่ะ ข้าจะไม่ดิ้นหรอก”
แพนไม่รู้หรอกว่าสัญญาของเด็กน้อยเป็นสิ่งที่เชื่อได้ไหม ทว่าอย่างไรเสียเด็กก็น่าคบกว่าผู้ใหญ่อยู่ดี
อาจพูดได้ว่าเขาเกลียดมนุษย์ที่เติบโตขึ้นและสะเพร่าทำวัยเด็กสูญหายไป
“แต่ขอท่านกอดข้าไว้ กอดแน่นๆ ได้ไหมคะ” มือเล็กดึงแขนแพน
อ้อนเสียจริง เด็กมนุษย์คนนี้น่ารักอย่างน่าประหลาดใจ
และทั้งที่ไม่เคยเชื่อฟังใครมาก่อนแต่ต่อหน้าเด็กคนนี้แพนกลับนอนลงอย่างเต็มใจเคียงข้างร่างที่เล็กกว่า อบอุ่นและอ่อนนุ่มไปทั้งตัว เส้นผมก็เช่นกัน
เซเวียร์น่ารักเหลือเกิน เขานึกอยากกอดเธอก่อนเธอขอด้วยซ้ำ
นี่เขาตกหลุมรักการเล่นกับเด็กกระมัง
หิ่งห้อยและสายลมเริงระบำเข้ามา บินว่อนวนเป็นรูปภาพตามเรื่องเล่าที่ล่อยลอยไป
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนที่ไกลแสนไกล...”
วันต่อมา
แสงแดดอบอุ่นปลุกเซเวียร์ให้ตื่นขึ้น
ห้องนอนอาบด้วยแสงสีขาว บานหน้าต่างปิด และเคียงข้างตัวเธอไม่มีใคร ไม่มีแพน
นั่นทำให้รู้สึกราวกับเมื่อคืนเธอเพียงแค่ฝันไปอีกแล้ว
หากแต่เขามีตัวตนและมาที่ห้องนอนของเธอจริงๆ ร่างเล็กยังจำสัมผัสแห่งอ้อมกอดเยือกเย็นอ่อนโยนนั้นได้ ทว่าแพนเป็นเอลฟ์ เป็นแฟรี่ หรือเป็นเทวทูต? ในเมืองห่างไกลอันเต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับเช่นนี้ใครจะรู้ได้
ทว่าแพนไม่น่ากลัวเลย เขาเป็นเหมือนแสงสว่างในความมืดของเธอ แต่คืนนี้เธอจะได้พบเขาอีกไหม สัญญาของความมืดที่ให้ไว้กับเด็กคนหนึ่ง...
จนป่านนี้แล้วเซเวียร์ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้พบแพนอีกไหม บางทีเมื่อคืนอาจเป็นคืนสุดท้ายที่เขามาพบเธอ เหมือนสายลมที่หากพัดผ่านไปแล้วไม่อาจหวนกลับมาได้
อีกอย่างในชีวิตเด็กคนหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะยอมให้เราเจอเทวทูตหรือเอลฟ์ได้กี่ครั้งกัน? บางคนไม่มีโอกาสได้เห็นสักครั้งด้วยซ้ำไป
เท้าเล็กก้าวลงมาตามขึ้นบันไดในอากาศเย็น ก่อนหยุดยืนตัวแข็งฟังเรื่องที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกันอย่างครุ่นเครียดชั้นล่าง
“แล้วเป็นอย่างไรต่อคะ” คุณแม่ของเซเวียร์ถามคุณป้าวัยห้าสิบคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ส่วนคุณพ่อนั่งฟังอย่างตื่นเต้นอยู่เคียงข้าง
“เขาก็เลยถูกกิ่งไม้นั่นทิ่มเลือดไหลไม่หยุดเลยอย่างไรล่ะคะ ที่บ้านรีบพาไปหาหมอตั้งแต่คลินิกเปิดแล้ว” ผู้ถูกถามตอบอย่างประหวั่นพรั่นพรึง
“แปลกอะไรอย่างนี้” คุณพ่อพึมพำ “บางทีอาจเป็นฝีมือปีศาจ แต่ที่จริงก่อนย้ายมาที่อาคุระผมก็ได้ยินเรื่องแปลกๆ ของที่นี่มาบ้าง และที่จริงนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมย้ายมา เพื่อว่าถ้างานสำเร็จเรื่องลึกลับท้าทายอำนาจแห่งแสงสว่างพวกนี้จะได้หมดไปเสียที”
“แต่ถึงใครๆ จะบอกว่าอาคุระเป็นเมืองผีหรือถูกสาปเอาเข้าจริงๆ ฉันที่เกิดที่นี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนมากหรอกค่ะ อยู่กับมันได้ ดีกว่าต้องอยู่เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยมนุษย์ แบบนั้นน่ะวุ่นวายตั้งเยอะ” คุณป้าตอบอย่างภูมิใจ
“คุณมิโดริละก็ พูดอย่างกับตัวเองไม่ใช่มนุษย์ เอ๊ะ หรือคุณจะไม่ใช่” คุณพ่อล้อติดตลก
ทว่าคุณแม่ที่ยังตระหนกไม่ตลกด้วย “แล้วอีกคนที่ไปกับคนนั้นล่ะคะคุณมิโดริ เป็นอย่างไรบ้าง”
“รายนั้นจับไข้หัวโกร๋นไปแล้วค่ะ ถามอะไรก็ไม่ตอบเหมือนเป็นใบ้ สะดุ้งขึ้นมาก็ร้องว่าผีๆๆ เมืองอาคุระก็แบบนี้แหละค่ะทำอย่างไรได้ เลื่องลือในเรื่องลึกลับและวิญญาณมาแต่ไหนแต่ไร ในป่าลึกเข้าไปยิ่งแล้วใหญ่ บ้าบิ่นอะไรอย่างนี้ที่กล้าเข้าไป ก็เลยโดนอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”
“อ้าว เซเวียร์ตื่นแล้วหรือจ๊ะ” คุณแม่เหลือบเห็นเซเวียร์ยืนตัวแข็งทื่อบนบันได ลุกเดินเข้าสวมกอดและอุ้มมาที่โต๊ะอย่างร่าเริงราวกับไม่ได้กำลังพูดคุยเรื่องลึกลับ
“มาสวัสดีป้ามิโดริสิจ๊ะ บ้านของคุณป้าอยู่ติดรั้วเรานี่เอง คุณป้ามีสวนผักกับสวนดอกไม้ด้วยนะจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะคุณหนู น่ารักอะไรอย่างนี้ เหมือนตุ๊กตาเลย ป้าเป็นเพื่อนบ้านของหนูจ้ะ” ป้ามิโดริยิ้มไปแนะนำตัวไป
“แต่ตอนนี้ป้ารับจ้างคุณแม่ทำสวนให้บ้านของคุณหนูด้วย เมื่อคืนหลับสบายหรือเปล่าคะ ชอบบ้านหลังใหม่ไหมเอ่ย”
แต่ถึงชวนคุยสารพัดเซเวียร์ก็ยังดูกลัวอยู่
“จริงสิในสวนป้าชอบมีกระรอกมาเที่ยวเล่นด้วย ไปแอบดูกันไหม มะเขือเทศก็กำลังสุกน่ากิน มาสิคะ เดี๋ยวป้าหาตะกร้าให้คุณหนูเด็ดใส่ด้วย”
เซเวียร์ลืมเรื่องประหลาดที่ผู้ใหญ่เล่าไปหมดแล้วเมื่อได้เห็นสวนผักและกระรอก ก่อนยิ้มแก้มปริเมื่อเก็บมะเขือเทศใส่ตะกร้าได้เต็ม
“โอ้โห เก่งจัง ตะกร้าใหญ่ขนาดนี้ยังยกไหว คราวนี้มาเล่นกับโคทาโร่หมาป้าบ้างสิ มันร้องเพลงได้ด้วยนะคะ”
“ค่ะ เอ๋ ?”
ถึงตอบรับหากทว่าดวงตาคนตัวเล็กกลับเหลือบเห็นกระต่ายสีขาวปลายหูสีดำสามตัวห่างออกไป ต่างกำลังกินผักในแปลงอย่างเอร็ดอร่อย “แม่ขา มีแมวด้วยค่ะ!”
“กระต่ายจ้ะลูก‘” ผู้แม่กลั้นหัวเราะก่อนส่งยิ้มแห้งให้ป้ามิโดริ “เซเวียร์เข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะค่ะ สงสัยอยู่ในเมืองใหญ่ไม่ค่อยได้เจอสัตว์เท่าไหร่ แต่เด็กคนนี้รักสัตว์มากค่ะ เซเวียร์อย่าเข้าไปใกล้นะจ๊ะเดี๋ยวมันตกใจหนีไปซะก่อน”
ทว่าขาเล็กสั้นวิ่งออกไปตามสัญชาตญาณด้วยความอยากอุ้ม “กระต่าย กระต่ายจ๋า”
ผู้บุกรุกขนปุยได้ยินเสียงเท้าเด็กก็ตกใจมุดรั้วไปยังสวนอีกบ้าน
“แย่แล้ว อย่าเข้าไปทางบ้านฝั่งนั้นเจ้ากระต่าย!” คุณป้าโวยวาย “บ้านนั้นเป็นพวกนายพราน กลับออกมาเดี๋ยวนี้นะถ้าพวกเจ้าไม่อยากตาย!”
หากแต่ผักใบเขียวสวยยั่วยวนเกินห้ามใจ พวกมันกินอย่างเพลิดเพลินโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเซเวียร์และคุณป้าสักนิด
“ออกมานะเจ้ากระต่าย! เร็ว!”
ถ้าพวกพรานออกมาเห็นเข้าต้องแย่แน่ กระต่ายกระโดดข้ามสู่แปลงแครอทที่กำลังงอกงามอย่างสบายใจ ทันใดนั้นตาข่ายพลุ่งขึ้นจากพื้นและรวบตัวพวกกระต่ายไว้ทั้งหมด!
ฟุ่บ!
“แย่แล้ว!”
กระต่ายทั้งสามดิ้นอย่างหวาดกลัว เซเวียร์วิ่งเต็มฝีเท้า “หนูจะมุดรั้วไปแก้ตาข่าย”
ทว่าไม่ทันแล้ว ยินเสียงฝีเท้าแว่วออกมาจากในบ้าน เซเวียร์ขนลุกเมื่อเห็นเด็กแฝดคู่หนึ่งอายุพอๆ กับเธอเดินออกมา คนหนึ่งกำมีดแวววาวในมือ
“นั่นเคนจิกับนาโอะมาแล้ว! เจ้าสองคนนี้เป็นลูกนายพราน ร้ายกาจมากเสียด้วย!” คุณป้าร้องห้ามเสียงดัง “หยุดนะเคนจิ นาโอะ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่ากระต่ายตัวเล็กๆ เนื้อน้อยพวกนี้หรอก ยังไงกินไปก็ไม่อิ่มอยู่แล้ว!”
ทว่าอีกฝ่ายเงื้อมีดแวววาวเดินมาทางกระต่ายที่กำลังหวาดผวา
“อย่านะ เคนจิ นาโอะ!”
