บท
ตั้งค่า

5 แผนการ

5

แผนการ

“ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะคะที่รัก?”

ลดา อดีตนางแบบอินเตอร์ ที่ผันตัวมาเป็นแม่บ้านในวัยสี่สิบต้นๆ นอนเฉยๆ ให้สามีเลี้ยง รีบลุกปรี่จากโซฟาตัวหรูเข้าไปหาเกริก หลังเห็นร่างหนาเดินผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามา

“แล้วนี่ลูกไปไหน ไม่ได้กลับมาพร้อมคุณหรอกเหรอ?”

คำถามแรกยังไม่ทันได้ตอบ คำถามที่สองถูกยิงตามออกไปติดๆ เมื่อหันมองหาไม่เห็นลูกสาว ที่ขาไปขึ้นรถไปพร้อมกับสามี

“อย่าเพิ่งจุ้นจ้านอะไรกับผมนักได้ไหม? กำลังอารมณ์ไม่ดี!”

เกริกตะคอกใส่ภรรยาด้วยอาการหัวเสีย เลือกที่จะไม่ตอบสักคำถาม เดินเลี่ยงขึ้นไปบนชั้นสอง ตรงเข้าห้องทำงานเพราะต้องการอยู่เงียบๆ ลำพัง

ประจวบเหมาะกับลูกสาวคนโต กำลังเดินลงบันไดมาหาอะไรกินด้านล่าง หลังจากนอนขึ้นอืดอยู่ในห้องมาทั้งวัน

ทั้งคู่เดินสวนโดยชำเลืองหางตามองกันเพียงเท่านั้น เธอไม่ถามไถ่อะไรพ่อ แม้จะสังเกตได้ถึงสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของเขา เดินผ่านหน้าแม่เลี้ยงตรงเข้าไปยังห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม พร้อมกวาดสายตามองหาอาหารที่พอกินได้

ป้าแมวแม่ครัวประจำบ้านทำอาหารเสร็จได้สักพัก รอเวลามื้อเย็นจึงจะยกออกไปเสิร์ฟ แต่ด้วยความหิวนิทานจึงเลือกที่จะไม่รอ เปิดหม้อตักพะโล้ราดใส่จานข้าว เดินจ้วงกินไปจนถึงห้องอาหาร

“ไร้มารยาท! ผู้ใหญ่ยังไม่ได้ทันกิน”

เพราะถูกสามีโมโหใส่ลดาจึงหงุดหงิด เธอเดินเข้ามาหาเรื่องลูกเลี้ยง ซึ่งกำลังนั่งกินข้าวเงียบๆ ที่โต๊ะอาหาร ต้องการระบายอารมณ์ใส่ใครสักคน และนิทานเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

“ผู้ใหญ่อย่างเธอ ไม่สมควรได้รับมารยาทจากใคร”

นิทานแทบไม่แยแสด้วยซ้ำ เธอตอบเสียงเรียบหน้านิ่ง สนอกสนใจการตักไข่พะโล้เข้าปาก

“ยังไงฉันก็มีศักดิ์เป็นแม่เธอนะ! ให้เกียรติกันหน่อย”

มือบางทุบลงบนโต๊ะด้วยความโมโห จ้องใบหน้าที่มีทั้งคราบขี้ตาและน้ำลายแห้งกรังเพราะยังไม่ได้ล้าง แต่กลับสวยได้อย่างน่าหมั่นไส้ด้วยสายตาแข็งกร้าว

“เหอะ! ทุกวันนี้ยังได้รับเกลียดจากฉันไม่พออีกหรือไง?”

“…”

“ฉันมีให้เธอทั้งเกลียด และรังเกียจเลยนะ ยังอยากจะได้เพิ่มอีกเหรอ?”

นิทานเหลือบมองคู่สนทนาด้วยสายตาเหยียดหยาม นั่นยิ่งสร้างโทสะให้ลดาเพิ่มขึ้น โดนสามีโมโหใส่ไม่พอ ยังมาโดนลูกติดสามีปั่นประสาทอีก

“นังเด็กคนนี้!”

ด้วยความโกรธจนเผลอลืมตัว ร่างระหงทำท่าจะปรี่เข้าไปประทุษร้ายคนอายุน้อยกว่า แต่กลับเบรกแทบไม่ทันเมื่อนิทานเอ่ยขึ้น

“แขนซ้ายยังเข้าเฝือกอยู่นะ อย่าลืม”

นั่นเป็นการเตือนกลายๆ ที่สภาพลดาเป็นแบบนี้ เพราะเพิ่งถูกนิทานตบตกบันไดจนแขนซ้ายหัก ออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อช่วงเช้าพร้อมเฝือกดามแขน

หากเธอยังคิดจะล้ำเส้นอีก นิทานก็พร้อมจะจัดการแขนขวาของหล่อน ให้มีสภาพไม่ต่างจากอีกข้าง

ลดาชะงักค้างกำหมัดแน่น เธออยากเฉดหัวนิทานออกจากบ้านใจจะขาด อยู่ก็เหมือนเป็นหนามคอยยอกอก มีเรื่องให้ปะทะฝีปากกัน จนจะเป็นประสาทอยู่แล้ว

ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมสามีของเธอจึงไม่ไล่ลูกทรพีคนนี้ออกไป เงินทองก็มีตั้งเยอะแยะ ซื้อบ้านเดี่ยวหรือไม่ก็คอนโดให้อยู่ก็ได้ จะเก็บไว้ให้ตัวเองปวดหัวเพื่ออะไร

นิทานตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากอิ่มพอดี เธอเดินเอาจานไปเก็บและกำลังจะกลับขึ้นห้อง เป็นจังหวะที่น้องสาวคนละแม่ เดินเข้ามาหาแม่ของหล่อนในห้องอาหาร นิทานจึงชะงักเท้ายืนแอบฟังอยู่หน้าประตู

“คุณแม่ จัดการคุณพ่อให้นาราด้วยนะคะ!”

นาราเบะปาก สองแขนเรียวตวัดโอบรอบเอวบางของลดา ซบใบหน้าลงบนบ่ามารดาคล้ายพยายามออดอ้อน

“มีอะไรเหรอลูก คุณพ่อทำอะไร?”

ลดาดันร่างลูกสาวออกมาสอบถามด้วยความสงสัย ยกมือเกลี่ยผมยาวสลวยถัดใบหูให้

“ก็คุณพ่อทิ้งนาราไว้ที่นู่น ปล่อยให้นาราเรียกแท็กซี่กลับบ้านเอง”

“ไปทำอีท่าไหนล่ะ คุณพ่อเขาถึงได้โกรธขนาดนั้น?”

“ไม่ใช่ความผิดนารานะคะ คุณบดินทร์เขาเข้ามาผิดจังหวะเอง”

นาราทำแก้มป่องยกมือกอดอก พรางหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ ลดาจึงนั่งตาม

“มีอะไร? เล่าให้แม่ฟังหน่อย”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ นาราอยากเล่าเรื่องคุณบดินทร์มากกว่า”

น้ำเสียงนาราเริ่มเปลี่ยนไป เธอดูเริงร่าขณะกล่าวถึงบุคคลที่สาม

“ว่ามาสิ”

“นาราว่านาราชอบคุณบดินทร์ค่ะคุณแม่”

นาราเอ่ยพร้อมทำท่าทางกระดี๊กระด๊า แววตาวิบวับ ราวกับเด็กสาวซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงความรักครั้งแรก

“มันจะเป็นไปได้ยังไง? เขาแก่กว่าลูกเกือบรอบเลยนะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ฟีล Sugar Daddy ไงคะคุณแม่ เดี๋ยวนี้ใครๆ เขาก็ฮิตแนวนี้กันทั้งนั้น”

“…”

“คุณแม่กับคุณพ่อยังห่างกันตั้ง 10 ปี นาราห่างกับคุณบดินทร์แค่ 9 ปีเอง”

ลดาถอนหายใจออกมาหนักๆ ใช่ว่าเธอไม่ชอบบดินทร์ เขาออกจะรวยขนาดนั้นใครจะไม่อยากได้เป็นลูกเขย แต่กิตติศัพท์ของผู้ชายคนนี้น่ะสิที่ทำให้เธอหนักใจ

ใครๆ ก็รู้ว่าบดินทร์ไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตน เขากินไปเรื่อยๆ เบื่อก็เปลี่ยน ราวกับผู้หญิงเป็นกางเกงชั้นใน ที่ต้องเปลี่ยนใหม่ทุกๆ สามเดือน

“อะไรดลจิตดลใจให้ไปชอบเขาได้ล่ะ?”

“เขาหล่อมากค่ะ แล้วเขาก็รวยมากด้วย ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นผู้ชายอายุใกล้ 30 หน้าเด็กมาก อย่างกับเพิ่ง 20 กลางๆ เองค่ะคุณแม่”

“เล่นกับไฟระวังมันจะเผาจนเรามอดไหม้นะลูกรัก”

“…”

“แม่ว่าลูกเปลี่ยนเป้าหมายเถอะ ผู้ชายหล่อรวยมีอีกตั้งมากมาย แต่คนนี้แม่ไม่แนะนำ”

ลดาอดห่วงลูกสาวไม่ได้ นาราเพิ่งจะอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ได้ไม่นาน เธอยังเดียงสาและอ่อนหัดในเรื่องความรัก ไร้เล่ห์เหลี่ยมในการเอาตัวรอด เผลอเอาใจลงไปเล่นจนหมด สุดท้ายไม่พ้นน้ำตาเช็ดหัวเข่า

“ไม่ค่ะ นาราจะเอาคนนี้!”

“…”

“นาราว่านารารับมือไหว เพราะนารามีคุณแม่ คุณแม่จะคอยให้คำแนะนำนาราใช่ไหมคะ?”

ดื้อรั้นสมกับเป็นลูกสาวของเธอเสียจริง ราวกับลดามองเห็นตัวเองในอดีต ถอดแบบกันมาแบบเปะๆ

“ในเมื่อห้ามไม่ฟัง แม่ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากช่วยแหละนะ”

เธอจำใจตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะดูท่าแล้วนาราคงไม่ยอมวางมือง่ายๆ หากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือไม่ก็ต้องขยาดจากผู้ชายคนนั้นไปเอง

นิทานยืนฟังบทสนทนาระหว่างสองแม่ลูกจนจบ เธอรู้สึกสนอกสนใจผู้ชายที่ชื่อบดินทร์ขึ้นมาทันที อยากจะรู้เสียจริง ว่าคนที่ทำให้น้องสาวของเธอคลั่งไคล้ได้ขนาดนี้ หน้าตาจะเป็นแบบไหน

ครืด ครืด

สมาร์ทโฟนราคาแพงเกิดการสั่นสะเทือน แจ้งสัญญาณการมีสายเรียกเข้า เกริกดึงความคิดของตัวเอง ออกจากเรื่องสัญญาที่ตนเพิ่งพลาดโอกาส หันมาให้ความสนใจกับอุปกรณ์สื่อสารบนโต๊ะทำงาน

ชื่อของวาทีซึ่งโชว์หราบนหน้าจอ ทำให้เขารีบคว้ามันขึ้นมากดรับสาย หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อย่างคาดหวังระคนหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าจะถูกปฏิเสธอย่างถาวร หรือได้รับโอกาสใหม่เป็นครั้งที่สอง

“สวัสดีครับคุณวาที”

เกริกพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองให้เรียบนิ่ง ทั้งๆ ที่รู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่นเทิ้ม

[สวัสดีครับคุณเกริก ผมต้องขอโทษแทนท่านประธานด้วย สำหรับเรื่องในวันนี้]

“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจคุณบดินทร์ดี คงทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน ว่าแต่โทรมาครั้งนี้... ข่าวดีหรือข่าวร้ายเหรอครับ?”

เกริกเฝ้ารอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แทบไม่กล้าหายใจ เพราะลุ้นระทึกกับสิ่งที่กำลังจะได้ยิน

[ข่าวดีครับ]

“Yes!”

เสียงอุทานอย่างดีใจหลุดออกจากริมฝีปากหนา กลับมาหายใจได้ทั่วท้องเมื่อผลเป็นไปดั่งที่หวัง

[สุดสัปดาห์นี้ สถานที่และเวลาเดิมนะครับ]

“ได้ครับๆ”

[แต่ครั้งนี้ท่านประธานย้ำมาว่า ลูกสาวที่พามาต้องเป็นคนโตเท่านั้น]

ดีใจได้ยังไม่ถึงนาทีรอยยิ้มกลับหุบลง เกริกรู้สึกหนักใจกับเงื่อนไขข้อนี้มาก ให้ไปงมเข็มในมหาสมุทรหรือเข็นครกขึ้นภูเขา ยังจะดูเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ มากกว่าการให้ไปขอความร่วมมือจากนิทาน

ตั้งแต่อดีตภรรยาเสียไป แล้วเกริกต้องรับนิทานมาอยู่ร่วมบ้านด้วย ไม่เคยมีวันไหนที่ลูกสาวคนนี้ไม่ทำให้เขาปวดหัว เธอต่อต้าน ตั้งกำแพง ไม่เปิดใจรับใครทั้งนั้น

ดื้อรั้นเป็นที่หนึ่ง เอาแต่ใจไม่ฟังใคร ให้ทำอย่างกลับทำอีกอย่าง อะไรที่ทำให้พ่อตัวเองปวดหัวได้เธอจะทำ เกริกความดันเขาขึ้นไม่พัก ต้องกินยาลดความดันอย่างต่อเนื่อง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น

[คุณเกริกสะดวกไหมครับ?]

วาทีเห็นปลายสายเงียบๆ ไป จึงกล่าวทวนถามซ้ำอีกครั้ง

“เอ่อ... ผมจะพยายามพาเธอไปให้ได้ครับ”

ทั้งๆ ที่รู้เปอร์เซนต์ว่าจะล้มเหลวมากกว่าประสบผลสำเร็จ แต่เกริกไม่มีทางเลือก ไม่ว่าด้วยวิธีไหน เขาจำต้องพานิทานไปร่วมรับประทานอาหาร ระหว่างเจรจาธุรกิจกับบดินทร์ให้ได้

หลังวางสายจากวาทีแล้ว เกริกนั่งทำใจ และคิดหาวิธีพูดคุยเกลี้ยกล่อมลูกสาวคนโตร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนตัดสินใจหยัดกายลุกเดินออกจากห้องทำงาน

ระหว่างเปิดประตูนิทานบังเอิญเดินผ่านมาพอดี เธอคงกำลังจะกลับห้องของตัวเองซึ่งอยู่ทางปีกซ้ายด้านในสุด ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่ตั้งใจ เกริกเกิดอาการประหม่าเพราะไม่ทันตั้งตัว

“เดี๋ยว!”

แต่เมื่อลูกสาวกำลังจะเดินผ่านไป เขาจึงรีบเรียกรั้งเอาไว้ ขาเรียวชะงักหยุดยืนอยู่กับที่ เอี้ยวใบหน้าเล็กน้อย คล้ายรอฟังสิ่งที่คนเป็นพ่อกำลังจะพูด ไม่ได้หันกลับไปประจันหน้ากันตรงๆ

“คือ... พ่อมีเรื่องจะรบกวนลูกหน่อย”

เกริกอึกอักพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง ทั้งๆ ที่เป็นพ่อของเธอแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเกรงใจลูกสาวตัวเอง ราวกับทั้งคู่เป็นคนแปลกหน้ากัน

“เหลือเชื่อนะคะ อย่างคุณพ่อเนี่ยนะต้องการความช่วยเหลือจากหนู?”

นิทานรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะนานมากแล้วที่ทั้งสองไม่เคยได้สนทนากันดีๆ มีแต่ตีฝีปากกันไปมา ไม่ก็ถูกพ่อต่อว่าด่าทอ ร่างเล็กจึงหันกลับมาเผชิญหน้าเกริกตรงๆ

“สุดสัปดาห์นี้ พ่ออยากให้ลูกไปเจอคุณบดินทร์กับพ่อหน่อย”

เกริกไม่สนใจคำกระแหนะกระแหนนั้น เขาเลือกที่จะแจ้งเจตจำนงค์ของตนออกไปแทน

ชื่อของบดินทร์ทำเอาคิ้วได้รูปกระตุก เธอเพิ่งได้ยินเรื่องราวของเขา จากปากน้องสาวต่างแม่มาหยกๆ ริมฝีปากอิ่มจึงยกยิ้ม คล้ายมีแผนการชั่วร้ายบางอย่างในใจ และนั่นจึงทำให้เธอตอบตกลงโดยไม่ต้องหยุดคิดให้เสียเวลา

“ได้สิคะ หนูจะไป”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel