EP19 คนส่วนตัว
EP19
.
.
.
สิ้นเสียงพูดร่างหนาก็เดินออกจากลิฟต์ไปรั้งท้ายทุกคน ทำให้วันใสได้แต่ยืนแน่นิ่งกับคำพูดของเขาและปล่อยให้ประตูเลื่อนปิดลงก่อนจะเคลื่อนมาชั้นสิบหก พอถึงที่หมายขาเรียวก็ก้าวออกมาตรงดิ่งไปที่ห้องรวมตัวของช่างแต่งหน้าทำผม
"อ้าวน้องวิ วันนี้ว่างหรอคะ" ทันใดที่ปรากฏร่างของเธอนีนี่ก็เอ่ยถามพร้อมเพ่งสายตามองช่อดอกไม้ในอ้อมแขน เธอเหมือนจะเดินออกจากห้องไปกับคนอื่นรวมถึงกาละเกด
"กองถ่ายเลื่อนเวลาค่ะ วิเลยอยากมาทำงานตรงนี้ก่อน"
"พวกพี่กำลังจะลงไปทำงานที่ชั้นสิบห้าค่ะ น้องๆวงลาสบอยกำลังถ่ายทอดสด น้องวิไปด้วยกันสิ"
"ค่ะ" วันใสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าตอบ เพราะในทีมช่างกำลังจะลงไปช่วยคุมเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม
ตกลงกันเสร็จสับก็ได้เดินกลับมาที่ลิฟต์ ผ่านไปไม่ถึงนาทีทุกคนก็เดินเข้ามารวมตัวกันที่ห้องถ่ายที่เหล่าไอดอลห้าหนุ่มกำลังทบทวนบทพูดกันอยู่
"วิได้อ่านข้อความที่พี่ส่งไปให้แล้วใช่ไหม" ในตอนที่กำลังยืนรอทำหน้าที่ของตนเองกาละเกดก็เอ่ยถามขึ้น ส่วนคนอื่นๆกำลังจับกลุ่มเมาท์มอยกันรวมถึงยืนให้กำลังใจพวกเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของบริษัทที่ทุกคนจะสนิทสนมกันไม่ว่าจะทำหน้าที่ไหน หรือสูงแค่ไหนก็ตาม ต่างคนต่างเคารพและให้เกียรติ
"อ่านแล้วค่ะ"
"วันใหม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ วิมีพอใช่ไหม"
"ค่ะ" วันใสพยักหน้าตอบ ความจริงแล้วแค่ค่าเครื่องบินที่บินไปมันก็เกือบจะไม่พอ เพียงแต่เธอไม่อยากรบกวนกาละเกดมากกว่านี้จึงตอบออกไปแบบนั้น วันใหม่ชนะก็จริงแต่มันก็แค่ค่าใช้จ่ายภายในโรงเรียนสอนบัลเล่ห์ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆค่าที่พักหรือค่ากินครอบครัวของเด็กจะต้องจ่ายเองทั้งหมด ซึ่งรวมแล้วก็ไม่น้อยในระยะเวลาที่วันใหม่จะเรียนจบ ทุกคนที่ได้ไปเรียนต่อล้วนมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีอยู่แล้วยกเว้นเสียแต่น้องสาวของเธอ
"วิ ถ้ามีปัญหาอะไรอย่ามองข้ามพี่นะ อย่าลืมสิวิเป็นคนช่วยพี่"
"ถ้าเป็นแบบนั้นพี่เกดคงทดแทนให้วิหมดแล้วค่ะ ลำพังดูแลวันใหม่วิก็คิดว่ามันมากกว่าสิ่งที่วิช่วยพี่เกดด้วยซํ้า"
"ถ้าวิยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะพี่ก็สบายใจ"
"แล้ว…เมื่อเช้าวันใหม่เป็นยังไงบ้างคะ ตื่นมาไม่เห็นวิ"
"แกไม่ได้งอแงอะไร พี่โกหกไปว่าวิต้องรีบไปทำงานแต่เช้า"
"วิรู้สึกผิดจัง…" เธอตอบออกมาเสียงแผ่วแล้วหลุบตามองต่ำ อุตส่าห์สัญญากับน้องไว้แล้วว่าจะนอนกอดทั้งคืน อีกอย่างมันคงเป็นคืนสุดท้ายแล้ว วันใหม่กำลังจะไปต่างประเทศ หวังว่าชีวิตการอยู่ที่นู่นของเธอจะมีความสุขที่สุดแค่นั้นคนเป็นพี่อย่างเธอก็ดีใจมากแล้ว
"น้องๆเข้าฉากเลยครับ" เสียงของผู้กำกับที่ดำเนินรายการเอ่ยบอก ทำให้เคนผู้จัดการวงให้สัญญาณกับทุกคนอีกครั้ง วันใสหลุดจากห้วงความคิดแล้วละสายตามองไปยังห้าหนุ่ม ข้างหลังเป็นแบล็คกาวน์ของสัญลักษณ์วงขนาดใหญ่ รอบข้างถูกจัดแสงให้สาดส่องเข้าถึงจุดประกายให้พวกเขาน่าดึงดูดมากขึ้น หลังจากที่พิธีกรพูดเปิดรายการเสร็จก็ถึงคิวที่ทุกคนต้องเดินเข้าไปนั่งประจำที่ ทุกสายตาจับจ้องมองไปที่เหล่าไอดอลหนุ่ม
"แนะนำตัวหน่อยครับ ทักทายแฟนครับที่รับชมรายการสดของเราตอนนี้หน่อย" พิธีกรเอ่ยอย่างอารมณ์ดีแล้วกล้องตัวหลักก็แพลนไปที่คนแรกซึ่งนั่งติดกับพิธีกรชายวัยกลางคน
"สวัสดีครับ คลาสนะครับ" คลาส…พี่ใหญ่ของวงพูดขึ้นเป็นคนแรกแล้วตามด้วยการยกมือไหว้ ก่อนที่คนต่อไปจะพูดขึ้นเรียงตามอายุ
"หยางหยางครับผม"
"ผมแพทริคค้าบ"
"ฮันซอนะครับ"
"คูเปอร์ครับ" จบลงที่คูเปอร์ สมาชิกในวงอายุเท่ากันสามคนคือ แพทริคและฮันซอ พอทุกคนแนะนำตัวพร้อมกับทักทายแฟนครับเสร็จกล้องก็แพลนออกเป็นแนวกว้างให้เห็นมุมมองมากกว่าเดิม
"ครับและนี้ก็คือวง LAS BOY บอยแบรนด์ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ วันนี้ผมจะพาทุกคนมารู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นและพูดคุยการเปิดตัวอัลบั้มใหม่ ซึ่งนี้จะเป็นรายการแรกที่หนุ่มๆจะมาเปิดเผยโปรเจ็คลับที่ซุ่มทำมาเกือบปี เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมจะขอถามเลยนะครับ โปรเจกต์มีความพิเศษยังไงบ้างครับ?"
"โปรเจกต์นี้นะครับความพิเศษก็คือเราตั้งใจจะสื่อทุกเพลงออกมาเพื่อมอบให้คนพิเศษของพวกเราครับ เพลงในไตเติ้ลจะเล่าเรื่องราวสตอรี่เกี่ยวกับพวกผมและคนสำคัญกลุ่มหนึ่ง ทุกเพลงจะมีความหมายซ่อนอยู่เป็นเนื้อหาต่อกันที่เล่าออกมาเป็นบทเพลงครับ" เป็นฮันซอที่เอ่ยตอบพร้อมกับสบตากล้อง
"คนพิเศษกลุ่มนี้นะครับพวกเขาคือแรงผลักดันที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในวันนี้ จึงอยากมองเพลงนี้เป็นของขวัญแทนความรู้สึกของพวกเราครับ" หยางหยางพูดต่อ
"ได้ยินมาว่าเมมเบอร์ในวงช่วยกันแต่งเพลงใช่ไหมครับ?"
"ใช่ครับ พวกเราเป็นคนเขียนเนื้อเพลงขึ้นมาคนละเพลง ตั้งใจอยากทำให้มันออกมาให้ดีที่สุด" พี่ใหญ่ของวงอย่างคลาสตอบ เพลงในไตเติ้ลหลักของพวกเขามีทั้งหมดห้าบทเพลง ทุกคนจะร่วมกันร้องในทุกเพลงเพียงแต่จะมีคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของที่เขียนบทเพลงนั้นขึ้นมา โดยผ่านการพิจารณาจากโปรดิวเซอร์และทีมงานที่เกี่ยวข้องมาแล้ว
"เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวกันเลยทีเดียว เพลงแรกก็น่าจะได้ชมกันในอีกไม่นาน ผมอยากรู้แล้วว่าคนพิเศษของพวกเขาจะเป็นใคร ยังไงก็รอติดตามกันได้นะครับ" สิ้นคำพูดพิธีกรก็เข้าเรื่องต่อไปในทันใด พวกเขาพูดคุยกันถึงรายละเอียดต่างๆในอัลบั้มใหม่รวมถึงร่วมเล่นเกมอีกมากมายโดยมีทีมงานคอยเป็นคนดูแลจัดการ ในการถ่ายทอดสดดำเนินไปเรื่อยๆเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงช่วงสุดท้ายที่ทุกคนต่างรอคอย
"ตอนนี้เรามาถึงช่วงสุดท้ายของรายการแล้วนะครับ ผมรู้ว่าทุกคนอยากรู้ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน" ว่าแล้วก็กลั้วหัวเราะออกมาทำให้ห้าหนุ่มอมยิ้มตามพร้อมกับหันมาเล่นกับกล้อง "สาวๆในอุดมคติของแต่ละคนเป็นยังไงบ้างครับ มีสเป็กสาวในใจกันบ้างรึยัง ผมเชื่อว่าทุกคนกำลังรอเอาคำตอบ"
"สำหรับผมนะครับ ขอแค่เข้าใจในงานที่เราทำ และสนับสนุนกันและกันแค่นี้ก็มากพอแล้วครับ" หยางหยางพูดขึ้นเป็นคนแรก เพราะคำถามนี้ทุกคนต้องตอบเองตามความรู้สึก
"เข้ากับลูกๆของผมได้ ก็เป็นแฟนผมได้ครับ" ฮันซอพูดต่อพร้อมขยิบตาใส่กล้อง ลูกๆของเขาที่หมายถึงคือเจ้าสัตว์เลี้ยงสี่ขาทั้งหมาและแมว
"น่ารัก ยิ้มเก่ง ตัวเล็ก สเป็กผมเลยครับ" แพทริคตอบด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
"เป็นผู้ใหญ่ดูแลผมได้ ทำงานบ้านเป็นครับ" จบท้ายด้วยคลาส ก่อนที่ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่คูเปอร์ที่กำลังนั่งนิ่งและมองผ่านไปหลังกล้อง หยุดที่ร่างของใครบางคนที่กำลังยืมอมยิ้มมองอยู่กับความขี้เล่นของพวกเขา
"คนที่พูดให้กำลังใจผมแม้ไม่รู้ก็ตามว่าเรามีปัญหาอะไร…รอยยิ้มไม่เหมือนใคร ดวงตาที่มองแล้วไม่เคยเบื่อ ที่สำคัญเธอทำให้ผมใจเต้นได้แค่ในตอนแรกที่เจอกัน นั่นแหละครับ คนที่ผมต้องการ…" คำตอบของคูเปอร์ทำให้ทุกคนในห้องอัดเกิดความเงียบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดถึงผู้หญิงและดูเหมือนจะไม่สนใจใคร ไม่เคยต้องมาพูดอะไรยาวๆแบบนี้ แต่ครั้งนี้เหมือนเขาต้องการจะสื่อถึงใครบางคนที่เจอแล้ว…เจอแค่ครั้งแรกก็ทำให้ใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สิ้นเสียงคูเปอร์พิธีกรก็เอ่ยปิดจบรายการ ทำให้ห้าหนุ่มเดินออกมาจากฉากเพื่อซับหน้าและจัดแจงเสื้อผ้าใหม่ให้เข้าที่ พวกเขาต้องเตรียมตัวถ่ายรูปอัลบั้มใหม่ต่อ งานอัดแน่นแทบจะไม่ได้มีเวลาได้พัก วันใสเดินเลี่ยงเข้าไปหาแพทริทเพื่อช่วยดูแล แต่เสียงของใครบางคนก็เอ่ยขึ้น
"น้องแพท ทำไมไม่มาหาเจ๊ละคะ มานี้เร็ว" นีนี่ที่กำลังยืนอยู่กับคูเปอร์พูดขึ้น ทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยบอกเธอ
"เจ๊ดูแลครูสมันก็แล้วกัน ผมไปละนะ" ว่าแล้วก็เดินไปหานีนี่ทำให้คูเปอร์หันมายกยิ้มให้เธอเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างหนาจะเดินเข้ามาหา วันใสจึงเดินนำไปที่โซนห้องแต่งหน้าเพื่อจะเช็ดคราบเหงื่อจากการทำกิจกรรมและเติมหน้าใหม่
"ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาแล้วซะอีก"
"วิต้องมาทำงานอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้ว่าง" ตอบเสียงแผ่วก็หยิบทิชชูขึ้นมาซับตามกรอบหน้าหล่อเหลาเบาๆอย่างระมัดระวัง ความใกล้ชิดทำให้เธอกลั้นลมหายใจเอาไว้แล้วทำหน้าที่ของตนเองให้เสร็จเร็วที่สุด
"คุ้นมั้ย"
"คุ้นอะไรคะ"
"สเป็กของฉันไง"
"ไม่คุ้นเลยค่ะ เธอเป็นใครหรอคะ"
"ไม่รู้สิ แต่เหมือนเธอเลยนะ" มือที่กำลังเช็ดตามพวงแก้มใสหยุดชะงักวันใสช้อนตามองแล้วทิ้งทิชชูก่อยจะเป็นฝ่ายหลบตา เธอเดินเข้าไปในห้องเชื่อมที่อยู่ติดกันแล้วหยิบเสื้อหนังขึ้นมาก่อนจะถอดตัวเดิมออกให้คูเปอร์
"ล้อเล่นใช่ไหมคะ ไม่เห็นเหมือนตรงไหนเลย" เธอตอบกลับแล้วจัดแจงคอเสื้อให้เข้าที่ ชุดที่ใช้ในการถ่ายแค่สวมเสื้อหนังทับก็เสร็จเรียบร้อยเพราะสไตล์ลิสเตรียมมาเป็นชุดเดียวกัน
"เปล่ามันเหมือนเธอจริงๆ" คูเปอร์หลุบตามองดวงตากลมแล้วยกยิ้มมุมปาก ภายในห้องแต่งตัวที่เชื่อมกับห้องถ่ายมีแค่เขากับเธอแค่สองคนเพราะคนอื่นยังไม่ได้เข้ามา มือหนาค่อยๆเลื่อนขึ้นหวังจะลูบศีรษะทุยแต่หางตากลับเหลือบเห็นใครบางคนที่ยืนมองอยู่หน้าประตู วินเซนมองคนตัวเล็กด้วยสายตาแทบจะฉีกออกเป็นชิ้นๆมือล้วงถุงกางเกงเอนหลังพิงกับผนัง
"เสร็จแล้วค่ะ"
"ยังไม่เสร็จเลย เธอทำหน้าฉันเปื้อน"
"เปื้อนตรงไหนคะ…" เธอทำสีหน้างุนงงเพราะยืนหันหลังโดยที่ไม่รู้เลยว่าสองหนุ่มกำลังเล่นสงครามเย็นกันอยู่
"แก้มไง…" วันใสยื่นหน้าเข้าไปเพ่งสายตามอง ความใกล้ชิดของสองคนนั้นทำเอาคนมองหมดความอดทนในอกแทบลุกเป็นไฟ ร่างหนาเดินไปกระชากร่างคนตัวเล็กออกมาอย่างแรง
หมับ!
"อ๊ะ!" ตัวบางกระทบอกแกร่ง วินเซนจ้องมองคูเปอร์ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเป็นเจ้าของเธอ
"อย่ายุ่งกับคนของฉัน..."
.
.
.
ช่วยเก็บอาการนิสนุง...
Next ep...
"รู้อะไรไหม มันบอกอะไรกับฉัน"
