บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 สั่งสอน

ณ sa bay jai cafe’

“.....คิดเงินค่าาาาา”

เสียงลูกค้าสาววัยรุ่นยกมือขึ้นกวักเรียก ฉันคว้าบิลใบเสร็จประจำโต๊ะ ดิ่งไปที่เธอและยิ้มหวานให้

“ขออนุญาตทวนรายการนะคะ มีสตอเบอรรี่ชีสเค้ก 1 ชิ้น ทาทูเวลเครป 1 ชิ้น อเมริกาโน่ 1 แก้วและมัทฉะกรีนทรีปั่น 1 แก้ว ทั้งหมด 289 บาทค่ะ”

“อ่ะนี่.. ไม่ต้องทอนค่ะ” เธอส่งแบงค์แดง 3 ใบ ฉันจึงยิ้มรับและยกมือไหว้

“ขอบคุณมากค่ะ.. โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”

เมื่อลูกค้าลับหลังไป แพรวา เพื่อนที่ทำงานพาร์ทไทม์คู่กับฉัน ก็ออกจากเคาน์เตอร์มาช่วยเก็บทำความสะอาดโต๊ะ

“นี่ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ร้อนเงินหรอ”

“คะ ใครบอกหรอ”

“ก็เห็นพี่ผู้จัดการบอกว่าถ้าใครมีธุระด่วน ให้ยกชั่วโมงให้เธอน่ะ”

“อ่าาา….แหะๆ”

ฉันยิ้มแห้งตอบ เพราะร้อนเงินจริงๆ ด้วยหนี้ก้อนโตที่เกิดจากความอยากมีผัวรวย ฉันจึงต้องขยันมากขึ้นโดยไปขอพี่ผู้จัดการร้านทำงานเพิ่มแบบไม่หยุด และแทนชั่วโมงคนอื่นได้

“เธอไม่ได้ติดการพนันใช่ไหม” แพรวาถามด้วยความเป็นห่วง

“ติดบ้าอะไรล่ะ แค่ ..เอ่อ นะ น้องฉันจะเข้ามหาลัยแล้วน่ะ”

ฉันเลือกที่จะโกหก มากกว่าบอกความจริงออกไป ถ้าคนอื่นรู้ว่าฉันเป็นหนี้ 2 ล้านกว่า ด้วยเหตุผลบ้าๆ นั่น คงมีแต่คนสมน้ำหน้าแน่

ครืดดดดด ครืดดดดด…

สายเรียกเข้า “เจ้าของหอ”

“ค่ะป้า….”

(หนู! รีบกลับหอด่วนเลย)

เสียงรนรานดังขึ้นที่ปลายสาย ฉันชะงักมือจากการเก็บแก้ว โฟกัสที่เสียงข้างหูแทน

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

(ใครก็ไม่รู้ เอาป้ายมาติดหน้าหอ แปะรูปหนูหน้าเบอเร่อเลย)

“ห้ะ อะ อะไรนะคะ!! รูปหนูงั้นหรอ แล้วป้ายอะไรคะ”

(เอาเป็นว่ารีบกลับมาแล้วกันนะ …ตายแล้ว เด็กในหอออกมาดูเพียบเลย)

“ค่ะๆ หนูจะรีบไป”

หัวใจเต้นระรัวไปด้วยความตื่นตระหนก ตอนนี้คนที่รนรานคือฉันเอง ลางสังหรณ์ในใจเริ่มไม่ดี ภาวนาแค่อย่าให้เป็นเรื่องที่ฉันคิด

“เป็นไรรึเปล่า ทำหน้าตาตื่นอย่างกับเจอผี” แพรวาถาม

“ฉะ ฉันขอออกงานก่อนนะ มีเรื่องที่หอ”

สองมือสั่นแกะผ้ากันเปื้อน วางพาดขอบเคาน์เตอร์อย่างไม่แยแส แพรวามองตามด้วยอาการงงๆ ทำท่าจะถามต่อ แต่ ณ ตอนนี้ ฉันไม่สามารถอยู่ฟังคำถามอะไรได้อีกแล้ว

ปี้นนนนนน

เสียงแตรรถไล่ตามหลังจากการถูกขับปาดหน้า ไฟเขียวไฟแดงไม่มีผลต่อความเร็ว มือกำบิดจนเกือบสุดไมล์เร่งให้ถึงปลายทางอย่างด่วนที่สุด

เพียงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ล้อทั้งสองก็เบรคหัวแทบทิ่มอยู่ริมถนน หัวใจดวงน้อยแทบหลุดออกจากอก เมื่อเห็นป้ายที่กำลังถูกติดตั้งโดยช่าง รถหรูสีดำคันคุ้นตา และบุคคลที่สูงโปร่งโดดเด่น ยืนกลางร่มสั่งการอยู่ไม่ไกล

…เรียนผู้พบเห็นโปรดระวัง บุคคลในภาพได้กระทำการทำลายทรัพย์สินส่วนบุคลและมีพฤติกรรมไร้มารยาทต่อผู้เสียหาย โดยการชูนิ้วกลาง ด่าหยาบคาย ต่อหน้าสาธารณชน ไม่มีจิตสำนึก!...

ข้อความยาวเหยียด พร้อมรูปภาพฉันที่กำลังเขียนเบอร์ที่หน้ารถเขา และอีกภาพ ฉันกำลังชูนิ้วกลางใส่เขาในวันนั้น

กรี้ดดดดด นี่มันบ้าอะไรอีกเนี้ย!

ทั้งเด็กร่วมหอ ทั้งคนในซอยที่อยู่ระแวกนั้นต่างยืนมุงดูป้าย บ้างก็ซุบซิบถามความกัน บ้างก็กำลังยกมือถือขึ้นถ่าย บ้างก็กวักมือกวักไม้เรียกคนอื่นๆ มาดูด้วย

ความอับอายนั้นทำให้ฉันตัวหดลง จนแทบอยากจะหายออกไปจากโลกนี้ ฉันหลบซ่อนใบหน้าของตัวเองไว้ใต้หมวกกันน็อคใบโต สองเท้าจ้ำเข้าไปขวางหน้าเขา แล้วถามออกไป

“ป้ายนี่มันอะไรกันคะ”

“.....”

“ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะ”

“หึ นึกกว่าใคร”

“หนูยอมรับข้อกล่าวหาไปแล้ว ทำไมคุณต้องประจานหนูแบบนี้ด้วย”

“ดูเธอจะไม่สำนึก ฉันเลยต้องเตือนสักหน่อย”

“คุณจะบ้าหรอ! นี่มันเกินไปแล้วนะ”

“ไม่เกินหรอก สำหรับเด็กที่ถูกอบรมมาน้อยอย่างเธอน่ะ”

“เอาป้ายลงเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“สั่งฉัน?”

“ถ้าไม่เอาลง หนูจะแจ้งความ..”

“เอาสิ เธอแจ้งความ ฉันฟ้องศาล คงสนุกดี”

“นี่คุณ…..”

“เร่งมือหน่อยนะ ผมมีธุระ”

เขาตะโกนสั่งช่างติดป้ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ผู้คนยังรุมล้อมแสดงความอยากรู้อยากเห็น และแน่นอนว่าพวกเขากำลังรับชมสองคู่กรณีที่ยืนเถียงกันตรงนี้อยู่ด้วย

แม่งเอ้ย! นี่ไม่คิดจะฟังคำขอฉันเลยหรอ จิตใจอำมหิตไปไหนยะ

พรึ้บ

สองขาเรียวทรุดลงอย่างกับไม่มีเอ็นยึด แนบเนื้อผิวเข่าลงบนพื้นถนนร้อน ฉันยกมือพนมต่อหน้าเขา เอ่ยน้ำเสียงที่สั่นจากอารมณ์ที่ทั้งโกธรและอับอาย

“ขะ ขอร้อง ปลดป้ายเถอะนะคะ”

“.....”

“หนูผิดไปแล้ว หนูขอโทษจริงๆ ค่ะ ตอนนั้นหนูคิดน้อยไป ..ไม่สิ หนูไม่คิดอะไรเลย หนูสำนึกแล้วค่ะ”

“แล้ว!?”

น้ำเสียงทุ้มต่ำตอบกลับ แสดงความไม่ใจอ่อนต่อน้ำตาของเด็กสาว ใบหน้าคมหวานเชิดขึ้นเล็กน้อย มองฉันด้วยแววตาที่หยิ่งยโส

“ฮึก หนูจะทำตามสั่งทุกอย่าง แต่ช่วยปลดป้ายออกเถอะนะคะ มันมีผล กระทบต่อหนูมากจริงๆ”

ลูกนกตัวน้อยอ้อนวอนแทบจะกราบเท้า ตอนนี้ศักดิ์ศรีฉันถูกแดดแผดเผาไปจนหมดเกรี้ยง เขามองอย่างพิจารณา ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ

“หยุดก่อน !”

เขาตะโกนสั่งช่าง คนงานต่างหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย เพราะเมื่อกี้พึ่งเร่ง ตอนนี้ก็สั่งให้หยุด เขาหมุนตัวเดินไปที่รถ พลางสะบัดหน้าเพียงหนึ่งครั้ง ส่งสัญญาณให้ฉันรู้ถึงจุดประสงค์

คงไม่ได้คิดจะให้ฉันใช้ร่างกายชดเชยหรอกใช่ไหม ไม่นะ อร้ายยยยยย

ตึ้บ

เสียงปิดประตูรถดังขึ้น เขาถอนหายใจเพียงเบาๆ คว้าทิชชูมาซับหยดเหงื่อบนใบหน้าใสนั้น

“คะ คือ….”

“ถอนหมวกเธอก่อนไหม เห็นแล้วฉันอึดอัดแทน”

เขาพูดโดยไม่หันมองหน้าฉัน ปลายนิ้วเรียวนั้นยังกดซับคราบเหงื่ออย่างบรรจง ก่อนหน้านี้เห็นผ่านๆ ยังรู้ว่าหล่อ พอมาอยู่ในระยะเห็นเต็มตาแบบนี้ ฉันคิดว่าเทพบุตรมาเกิดจริงๆ

ใบหน้าแดงจากแดดจนเส้นเลือดฝาดขึ้น ผิวขาวเนียนใสไร้จุดตำหนิ กรอบหน้าคม ลำคอเรียว ขนตาเป็นแพอย่างกับผู้หญิง จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากกระจับสีชมพู ลงไปที่ลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงตามการกลืนน้ำลาย….

คุณพระ นี่มันร่างทองชัดๆ !

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel