บทย่อ
ใครอยากมีผัวรวย ฉันน่ะสิ ฉันน่ะสิ…เพราะความเมาที่ทำให้ฉันบ้าถึงขั้นไปเขียนเบอร์บนรถสปอร์ตราคาเกือบร้อยล้าน ! และเจ้าหนี้แสนหล่อ ที่มีความนิยมแบบ ‘ชายรักชาย’ “เธอจะยอมรับข้อกล่าวหา หรือจะมาเป็นไม้กันหมาให้ฉัน”
บทที่ 1 ใครอยากเป็นเศรษฐี ?!
เวลา 00.42 น. ณ Nah Mor Bar
“คนโสดฉลองงง”
“ฮี้ววว….”
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
เสียงแก้วชนต่อกันดังครื้นเครงพอๆ กับเสียงดนตรี EDM ร่างบางแต่นมบึ้ม (ฉันเอง) โยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะอันร้อนแรง ก่อนจะหยีหน้าแสดงอาการถูกน้ำมึนเมาบาดคอออกมา
“พักเทอมตั้งเดือนนึง ฉันต้องคิดถึงพวกหล่อนแน่ๆ”
“อย่าสะตอ ตื่นมาเจ๊ก็ลืมพวกฉันแล้ว” ฉันยอกย้อนเจ๊ชานนี่กลับ
“อย่างเจ๊ จูงผู้ชายไปด้วยสักคน ก็ลืมชื่อเพื่อนแล้วย่ะ” แตงโมกระทบไหล่ พยักหน้าไปทางเจ๊ชานนี่อีกคน
“พวกหล่อนก็ต้องเข้าใจ ว่าหล่อนน่ะสำคัญน้อยกว่าโจ้ย”
“หึ….” ปูเป้หัวเราะแบบเอือมๆ ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นคุย
“ว่าแต่ปิดเทอมจะไปทำอะไรกัน”
“นอนฉ่ำ” เจ๊ชานนี่ตอบ
“เกาะพ่อแม่กิน” แตงโมตอบ
“หาผัวรวยสักคน” และสุดท้ายฉันเอง
“ฮูยยย หัวข้อแหกคอกมาก พูดอย่างกับหาซื้อตามตลาดได้”
“หาได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นผัวคนอื่น…”
“หรือเป็นเมียคนอื่น… อย่างอีเจ๊ชานนี่ไง ฮ่าๆๆ” แตงโมแซวแรง
“บางครั้งฉันก็เป็นผัวย่ะชะนี ไม่ได้โค้งดากให้ผู้ชายเสียบอย่างเดียว”
“โอ้ย พูดซะเห็นภาพเลยนะเจ๊” แตงโมทำหน้าพะอืดพะอม
“เธอไม่ทำงานพาร์ทไทม์หรอ” ปูเป้หันมาถามฉันต่อ
“ก็ทำเหมือนเดิมแหละ ดีกว่านอนว่างๆ”
ฉันตอบอย่างเซ็งๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทำ ต้องทำแบบเลือกไม่ได้ ก็นะ… ฉันไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอ มีเงินกองให้ใช้เหมือนคนอื่นๆ นิ
“เอาเป็นว่าฉันวนเวียนอยู่แถวนี่แหละ เผื่อยัยถิงถิงหาเพื่อนกินเหล้า” แตงโมพูดปลอบฉันแล้วตบไหล่เบาๆ
“อย่าดึงดราม่าก่อนหยุดยาวสิยะ…เอ้าาา ชนอีกรอบ”
เคร้งงงง
“คืนนี้ไม่เมาไม่กลับโว้ยยยยย”
ทั้งแก๊งของฉันมีกันอยู่ 4 คน คือ เจ๊ชานนี่ (จริงๆ ชื่อชาญชัย แต่นางเป็นสะตุ๊ดชี่ เลยเปลี่ยนชื่อให้กับเป็นตัวแม่หน่อย) ถัดมาคือยัยแตงโม คนที่สะดีดสะดิ้งที่สุดในกลุ่ม อีกคนคือปูเป้สาวห้าวของแก๊ง
และสุดท้าย…ฉันเอง “ถิงถิง” ลูกครึ่งไทย-จีน ทรงเต็มมือ ผิวขาว ผมตรงสลวยดกดำ ด้วยหน้าตาหมวยๆ และความกล้า (มั่น) เกินร้อย ดูจะเป็นลูกรักพระเจ้า แต่ลึกๆ แล้ว…ฉันคิดว่าพระเจ้าคงเกลียดฉันเข้าไส้ต่างหาก
ทำไมน่ะหรอ ??
อย่างที่บอก ฉันเป็นลูกครึ่งไทย-จีน แม่เป็นคนไทย พ่อเป็นคนจีนที่มาทำธุรกิจที่ไทย พ่อจิ้มแม่จนท้องป่อง แล้วโปรยคำสัญญาว่าจะกลับไปจัดการงานที่บ้านและจะมารับแม่พร้อมฉัน(ที่อยู่ในท้อง) ไปตั้งรกรากครอบครัวอันแสนอบอุ่นที่ประเทศจีนด้วยกัน
เพราะความรักและไว้ใจ แม่ฉันก็เชื่อ อุ้มท้องรอจนคลอด หลังจากนั้น 3 เดือน พ่อก็บินมาไทย ดูหน้าฉันแค่ 2 วัน ก่อนจะอ้างว่าธุระที่บ้านยังไม่เคลียร์และอากง อาม่าเหมือนจะไม่ยอมรับสะใภ้ต่างชาติ
ตอนนั้นแม่ฉันเสียใจมาก อยากไปหาอากง อาม่าด้วยตัวเอง แต่พ่อก็ห้ามไว้ โปรยคำสัญญาหวานๆ เช่นเดิมและจิ้มแม่ฉันป่องอีกรอบ
แน่นอนว่าการกลับจีนของป๊าครั้งนั้น แม่แอบเช็คเอกสารเที่ยวบินและตามไปเงียบๆ ก่อนจะพบความจริงว่า….พ่อมีเมียและลูกรุ่นไล่ๆ กับฉันที่จีนอยู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเป็นครอบครัวสุขต์สัน อย่างกับว่าพ่อไม่เคยตกหลุมรักหญิงอื่นมาก่อน
แม่ยืนดูภาพนั้นผ่านประตูรั้วบ้าน โดยจับมือฉันไว้หนึ่งข้างและอีกข้างที่ลูบท้องป่องๆ ของตัวเองไปด้วย
ทุกอย่างจบลงในพริบตา ไม่มีการบุกรุก ไม่มีการเรียกร้อง ไม่มีคำถามใดๆ แม่กลับไทยมาก็ย้ายบ้าน เปลี่ยนชื่อหนี และทำลายทุกอย่างที่เป็นของพ่อ แม้กระทั่งรูปคู่ของพวกท่านก็ไม่เหลือ
ดราม่าฉ่ำไหมล่ะ
ยังไม่จบ… เพราะจู่ๆ ต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว นั่นทำให้จากสาวหวานโลกสวย ต้องยืนหยัดเข้มแข็งเป็นเสาหลักของบ้าน ถึงตอนนั้นฉันจะอายุแค่ 7 ขวบ แต่ก็รู้ดีว่าแม่ทำงานหนักแค่ไหน ยิ่งตอนที่พึ่งคลอดน้องชายออกมา แทนที่จะพัก แม่กลับรับจ้างซักผ้า เย็บผ้า รีดผ้า ทำขนมฝากร้านค้าขาย และอีกสารพัดเพื่อหาค่าเรียนให้ฉันและค่านมให้น้อง
แม่ฉันเก่งที่สุดในโลก
เพราะเห็นความทุ่มเทที่แสนลำบากของแม่มาโดยตลอด วันนึงมีโอกาสที่ตัวเองจะช่วยได้ ฉันจึงไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่า ทุกปิดเทอมฉันจะแอบแม่ไปทำงานพาร์ทไทม์ ที่ต้องแอบเพราะแม่ไม่อยากให้ฉันทำ ขอแค่ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ เรียนสูงๆ หางานดีๆ เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและฉลาด จะได้ไม่โดนใครหลอกง่ายๆ
บ่อยครั้งที่เห็นแม่แอบลุกไปนวดตัวนอกบ้าน นั่งร้องไห้ท่ามกลางความมืด คนเป็นลูก ใครจะทนดูภาพนั้นไหว ยิ่งตอนนี้น้องชายฉันกำลังอยู่มัธยมปลาย อีกไม่กี่เดือนก็เตรียมเข้ามหา‘ลัยแล้ว นั่นเท่ากับว่าหนี้อีกหลายแสนรอแม่อยู่
ฉันจะทำทุกอย่างที่ช่วยลดภาระแม่ได้ ต่อให้ตัวเองจะเหนื่อยและไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเพื่อนคนอื่นๆ ก็ตาม
“มาวววววว”
“กลับกันเถอะ ยัยโมเมากว่านี้ ฉันต้องเช็ดฉี่มันอีกแน่” ปูเป้พูด
“เออ ฉันนัดหนุ่มไปเป่ากบที่ห้องละ บายยย” เจ๊ชานนี่รีบเบี่ยงหลบภาระ
“โหเจ๊ นี่เพื่อนนะไม่ใช่ขี้ ทิ้งได้ไงอ่ะ”
“แกล้งเล่นย่ะ บ่นเป็นคนแก่เลย มานี่ เดี๋ยวฉันแบกยัยถิงถิงเอง” เจ๊ชานนี่พูดด้วยความจำใจ พลางยกแขนฉันคล้องคอเจ้าหล่อน
“ฮึก เจ๊ ไปหาปู้ชายร๊วยยยยยย”
ฉันตะโกนแข่งกับเสียงเพลง ยกมือขึ้นชี้ฟ้า ทำท่าเหมือนลุงปัญญาสายฟ้าแลบเพื่อบ่งบอกความตั้งมั่นอันแรงกล้าในใจ
“เออๆ ก่อนจะหาผู้ชายรวย หารองเท้าหล่อนก่อน โน่นข้าง นี่ข้าง ยัยถิงถิงเอ้ย” เจ๊ชานนี่บ่นพลางก้มๆ เงยๆ ใส่รองเท้าให้ฉัน

