บทที่ห้า
“สรุปยอดขายของเดือนนี้ค่ะ คุณหมวยเอ้อ” เลขาส่วนตัวผู้เป็นแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ยื่นเอกสารที่เธอไม่ได้ใส่ใจมาให้ตรงหน้า
“อ้อ เรื่องนางแบบซาลาเปาคนใหม่หาได้แล้วนะคะ...นมโตมาก เหมาะกับสินค้าจัมโบ้เปาของเราในอีกสามเดือนข้างหน้ามากๆ” เลขาสาวผู้มากความสามารถว่าด้วยความดีใจ แต่ไม่ได้สังเกตแววตาครุ่นคิดและเหม่อลอยของเจ้านายเลยสักนิด
“อืม” ผู้เป็นเจ้านายตอบรับสั้นๆ ก่อนจะหันหลังให้แบบไม่อยากจะเสวนาต่อ จนเลขาสาวอึ้ง...และไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรต่ออีก
คำสั่งเชิงบังคับสุดฤทธิ์ของอาม่านั้น...ทำเอาเธอไม่กล้าเล่าให้เหล่าน้องๆฟัง และเหมือนว่ารสสุคนน้องสาวลุคทอมบอยที่คอยโทรมาหาเธอบ่อยที่สุดนั้น...ก็ได้เงียบหายไปเช่นกัน
“จะเอายังไงดีวะเนี่ย” เธอบ่นอุบลำพังพร้อมยีหัวตัวเองไปด้วย เธอว่าเธอเป็นอิสระจากอาม่าเหมยได้เก่งกว่าใครแล้ว...แต่โจทย์นี้ มันกลับพันตัวเธอเอาไว้แบบดิ้นไปไหนไม่ได้
‘คมสัน’ ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำเอาเธอไม่สบายใจ เขาโทรหาเธอหลายสายแล้วสำหรับวันนี้...แต่เธอก็ไม่อยากจะรับสายเขา อย่างไร้เหตุผล
“กว่าจะรับได้” เสียงหงุดหงิดที่ค่อยได้ยินนักจากปลายสาย ทำเอาเธอสะดุด
“อื้อ มีอะไร...ยุ่งๆน่ะ”
“ยุ่งก็ส่งข้อความบอกได้ป่ะ ไม่ใช่เงียบไปแบบนี้” ไม่ใช่แค่เธอที่สะดุดกับความห่วงใยผ่านน้ำเสียงขุ่น เขาเองก็สะดุดกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเหมือนกัน
เขาลืมไป...ว่าภายใต้เงื่อนไขเขาไม่มีสิทธิจะพูดอะไรแบบนี้!
“อื้อ มีอะไรหรือเปล่าเหรอ?” เธอรีบแก้สถานการณ์โดยทำเป็นไม่สนใจประโยคของเขา
“ไม่ได้มีอะไร...ก็โทรหาตามปกติ”
“อ้อ...อื้ม” เหมือนความผิดปกติกำลังจะมาเยือนคนทั้งคู่ มวลความรู้สึกที่ไม่เคยก่อ...วิ่งวนไปมาจนทั้งคู่รู้สึกอึดอัด
“เป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ” เสียงทุ้มที่แสดงความใส่ใจเธอมาเสมอ ทำเอาเธอชะงักค้าง...มือบางกำโทรศัพท์ในมือแน่น
“เปล่า แค่ช่วงนี้มีโปรโมชั่นใหม่ของทางร้านน่ะ ก็เลยวุ่นหน่อย” น้ำเสียงผ่อนคลายทำเอาฝ่ายนั้นยิ้มออก
“ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันไหมล่ะ”
“นั่นแน่...หิวเหรอ?” เธอว่าเชิงขำจนเขาต้องส่ายหัว
“เว้นเรื่องอย่างว่า...เอาไว้บ้าง ในหัวนี่มีแต่เรื่องพวกนี้ป่ะ”
“อะไร ฉันก็แค่หมายถึงหิวข้าวอ่ะ...นายนั่นแหละเว้นเรื่องอย่างว่าออกจากหัวบ้าง” แล้วเสียงหัวเราะสองเสียงก็ประสานกันขึ้นมาแบบสบายใจ
แปลก...ทั้งคู่รู้สึกประหลาดในความรู้สึกของตัวเองขึ้นมาจนต้องชะงัก ความเก้กังในความรู้สึกภายในที่ต่างคนต่างสัมผัสได้...แต่ไม่อาจจะพูดระบายออกมาได้นั้น
มันช่างอึดอัดเหลือเกิน!
ความหิวที่ไม่ใช่เรื่องอย่างว่า...ก็นำพาให้คนสองคนนั่งเผชิญหน้ากันท่ามกลางร้านอาหารสุดหรูบนดาดฟ้าของภัตตาคารมีชื่อ
“มีอะไรหรือเปล่า...ทำไมทำตัวแปลกๆ” คมสันตักอาหารใส่จานให้คนตรงข้าม พร้อมถามประโยคแปลก...คนที่มีอะไรก็สบายใจต่อกันมาตลอด กลับมีทีท่าเก้กังจนอีกฝ่ายสัมผัสได้
“เหรอ? ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย” มลินธุรสว่าอย่างทำเป็นไขสือ
“แววตาเหมือนเต็มไปด้วยความคิดวิ่งวนมากมาย มีอะไรก็บอกกันได้นะ...เผื่อช่วยอะไรได้” ความจริงใจจากเขา...ทำเอาเธอสะดุดอีกครั้ง
เขาไม่มีวันมาช่วยเธอได้หรอกเรื่องนี้...เธอรู้ดี!
“นายคิดยังไง กับความสัมพันธ์ของเราสองคนเหรอ?” เธอรวบรวมลมหายใจเฮือกใหญ่ถามเขาออกไปแบบไม่มองหน้า แววตาคมนิ่ง...ฉายความเข้าใจอะไรบางอย่าง
ท่าทีแปลกๆของเธอ...มาจากคำถามนี้เองนั่นสินะ
“ไม่รู้ดิ...รู้แต่ว่าไม่เคยใช้สมองเลย” เขาดูผ่อนคลายจนเธอกล้าที่จะมองหน้าเขาแบบตรงๆได้
“อย่าบอกนะว่าใช่หัวใจ” เธอว่าอย่างเล่นๆบ้าง พร้อมตักอาหารให้เขากลับ
“เปล่า ใช้กระดูกสันหลัง” คำตอบของเขาทำเอาเธอต้องฟาดที่มือเขาเข้าให้แบบหมั่นไส้!
“คนบ้า! ใช้ยังไงฮะกระดูกสันหลัง...”
“อวัยวะส่วนล่างไง สาวเข้าออกอย่างเดียว” แววตาหื่นฉายขึ้น จนเธอต้องส่ายหัวให้...เธอผ่อนคลายแล้วก็จริง
แต่ประโยคของอาม่าก็ทำให้เธอได้เข้าใจว่า...ระหว่างเธอกับเขามันคงเป็นได้แค่นี้
“นายไม่เคยคิดจะมีแฟนจริงๆเหรอ?” ประโยคคำถามที่สองจากเธอทำเอาเขาหรี่ตา การเป็นคู่ขากันมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง...ที่เธอดูซีเรียสและวิตกกังวลให้เห็น
“ถามเพราะว่าอยากรู้ หรือถามเพราะว่าอยากเป็นล่ะ” เธอรู้ว่าผู้ชายอย่างเขาเจ้าชู้ไปเรื่อย แต่ไม่เคยได้สนใจ...และไม่เคยถูกเจ้าชู้ใส่มาก่อน
“ฉันอยากเป็นได้เหรอ” ผู้หญิงขี้หยอดอย่างเธอ ก็เลยเอาบ้าง...ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้หยอดเขาเท่าไหร่
“ไม่ได้...ฉันไม่อยากมีเธอเป็นแฟน” คำตอบของเขาทำเอาเธอรู้สึกเหมือนเลือดทั้งหน้า ได้เผือดหายไปจนยิ่งกว่าซีด...
เธอไม่เคยคิดอยากจะเป็นแฟนเขามาก่อน แต่ทำไมพอมาได้ยินเขาพูดว่าไม่อยากมีเธอเป็นแฟนแค่นี้...ทำไมมันถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้!
“ก็ดี...เพราะฉันอยากจะบอกนายว่า ฉันอยากจะมีแฟนแล้วล่ะ” บรรยากาศในการรับประทานอาหารในวันนี้...ดูเครียดขึ้นมาทันใด
“มีคนที่รู้สึกชอบเหรอ” สันกรามนูนขึ้นจนเธอสังเกตได้ จนความลังเลที่เคยคิดว่าจะไม่...เริ่มก่อตัวขึ้นมา
หึ...เธอไม่มีทางเลือกแล้ว!
“ก็...ไม่รู้นะ แต่แค่เบื่อแล้วกับความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด” เธอผ่อนคลายให้เขาเห็นก่อน...จนความเครียดได้เทไปที่เขาฝ่ายเดียว
“เป็นไข้เหรอ?” คนฉลาดไม่แพ้...เอามืออังที่หน้าผากเหมือนกับกำลังทดสอบอุณหภูมิร่างกายของเธอ หากแต่แท้จริงแล้ว เขาทดสอบปฏิกิริยาของเธอมากกว่า
“ฉันจริงจังนะ!” เธอปัดมือเขาออก...เมื่อใจเริ่มสั่นกับการถูกเขาสัมผัสได้เสมอ
“เป็นไข้แน่ๆ หน้าแดงด้วย” แววตาเจ้าเล่ห์ล้อเธอ พร้อมเท้าคางมอง...เขารู้สิว่าเธอคงจะทดสอบเขาอยู่ และเขาก็พร้อมที่จะพลิกเกมส์เธอซะด้วย
“ดูนายมั่นใจจังเลยนะ...ว่าฉันไม่ได้อยากมีแฟนจริงๆ” ท่าทีที่ไม่เดือดร้อนและไม่เชื่อถืออย่างแน่ๆของเขานั้น...มันทำให้เธอชักจะโมโหขึ้นมา
“อยู่กันมานานซะยิ่งกว่าผัวเมียบางคู่ เข้าใจกันซะยิ่งกว่าคู่แต่งงานที่อยู่กันมายี่สิบปีสามสิบปี จะให้เชื่อง่ายๆ...ว่าเธออยากจะมีแฟนเนี่ย มันรู้สึกเสียชาติเกิดยังไงก็ไม่รู้”
“แล้วทำยังไงนายถึงจะเชื่อ!”
“เดี๋ยวนะ...ตกลงอยากมีแฟนจริงๆ หรือว่าอยากทำให้ฉันเชื่อกันแน่นะ?” คนเริ่มมีน้ำโหต้องพับคำพูดตัวเองเก็บลงไปทันที
“ที่ฉันมาบอกนาย...ก็เพื่อให้นายได้เตรียมใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต่างหาก”
“เตรียมใจยังไงอ่ะ ไม่เคยใช้ใจเลยสักครั้งนี่นะ” คนจอมยวนก็ยวนต่อ ทั้งๆที่ยังไม่อาจคาดเดาว่ามลินธุรสทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่
“งั้นนายก็เตรียมกายที่จะห่างจากฉันให้ดีๆก็แล้วกันเถอะ”
“อยากมีแฟนก็มีไปดิ ฉันไม่ได้ห้ามซะหน่อย..ลืมกฎของเราสองคนไปแล้วเหรอ” แววตาใสสะดุดบ้าง...จริงสินะ เธอลืมกฎของความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดนี้ไปเสียหลายข้อ
“แต่ถึงยังไง อะไรที่มันเป็นความสบายใจของเธอ...ฉันก็ทำให้ได้หมดแหละ เพราะนอกจากการเป็นคู่ขาเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีให้กันได้ด้วย” สองสายตาประสานกันอย่างสื่อความหมาย
“ขอบใจนะ”
“มีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ?”
“ยังหรอก แต่ก็จะออกตามหา”
“ต้องให้ช่วยอะไรมั้ย”
“สวยๆแบบฉัน...หาผู้ชายไม่ยากเท่าไหร่หรอก” เธอยกวายขึ้นจิบแบบภาคภูมิโชว์ จนเขาต้องยิ้มและส่ายหัว
“แต่ผู้ชายที่จริงใจหายากนะ”
“ก็ทำยังไงได้ล่ะ...ผู้ชายที่จริงใจ ดันไม่อยากจริงจังนี่นา” แล้วเธอก็เล่นบทหยอดเขาแบบอ่อนๆอีกหน
“เป็นไข้แน่ๆ ไปหาหมอกันมะ” เขาตัดบทด้วยความขำ จนเธอต้องแกล้งขำให้ด้วย...ความรู้สึกไม่ชัดเจน และประหลาดก่อตัวขึ้นสู่คนทั้งคู่ จนเธอและเขาไม่อาจจะสรุปความรู้สึกของตัวเองออกมาได้
ทำได้เพียง...ทำในสิ่งที่ที่พูดออกไปว่าจะทำเท่านั้น!
“เดี๋ยวนะ! นี่แกยอมที่จะหยุดความสัมพันธ์กับคู่ขาที่คบกันมา 5 ปี! เพียงเพื่อที่จะทำตามคำท้าเชิงขู่ของคุณย่าเท่านั้นน่ะเหรอ?” บรรยากาศในร้านเดิมที่มลินธุรสกับ เพ็ญยุพามักมานั่งดื่มชิลล์ๆกันเสมอ ดูจะไม่ชิลล์เหมือนทุกวัน
“แกก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเลือก”
“แต่ฉันก็ไม่เห็นด้วย...ที่แกจะไปท้องกับผู้ชายที่จะต้องรู้จักกันแค่เดือนเดียวนี่หว่า”
“ฉันบอกแกตอนไหน...ว่าฉันจะไปท้องกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่เดือนเดียว” ว่าแล้วก็ยกแก้วไวน์ขึ้นชนใส่ผู้ชายที่จ้องเธอมานานอย่างท้าทาย
“ก็ดูจากพฤติกรรมแกนี่ไงที่บอกฉัน” เพ็ญยุพามองตามสายตาเพื่อนรัก ที่มุ่งไปยังผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง...ที่นั่งอยู่อีกมุมของร้าน
“พูดอย่างกับไม่เคยเห็นฉันอ้อยผู้ชาย”
“ก็เคยเห็น...แต่แกพูดว่าแกจะต้องท้องกับผู้ชายไปให้คุณย่านี่หว่า แถมยังไม่ใช่คู่ขาผู้เหนียวแน่นของแกอีก ฉันเสียดายว่ะเอาจริง...แกไม่เสียดายเหรอ?” แล้วภาพชายที่ถูกเอ่ยถึงก็เดินเข้ามาในร้าน พร้อมหญิงสาวน่ารักสุดเซ็กซี่คนหนึ่งที่เกาะแขนกันเข้ามา
“ไม่เสียดายหรอก...แกดูนั่นสิ คู่ขาของฉันมานั่นละ”
“โอ้โห ตั้งใจมาร้านประจำแกอีกแล้วว่ะ”
“ใช่ไง...” มลินธุรสยักคิ้ว พร้อมยกไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น...วันนี้เธออยากดื่มเบาๆ ให้สมกับแผนการเบาๆที่ตั้งใจ
“เอาจริง งงมาก...อะไรยังไงโปรดขยาย”
“ฉันว่าฉันจะจับคู่ขาของฉันนี่แหละทำผัว!” เสียงกระซิบเฉียบขาดของเธอทำเอาเพ็ญยุพาอ้าปากค้างพร้อมพยักหน้า
“แกกำลังจะเล่นเกมส์เหรอ?”
“ทำไงได้ มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันถนัดนี่หว่า”
“แล้วแกจะมั่นใจได้ยังไง...ว่าหมอนั่นจะทำตามเกมส์ของแก”
“แกก็รอชม...ด่านถัดไปสิ” แล้วร่างเซ็กซี่ยั่วเย้า...เนื้อนมไข่ของมลินธุรสก็สะบัดก้นไปยังชายหนุ่มที่มองเธอไม่วางตาอยู่ก่อน อย่างมาดมั่น
“เชียสค่ะ” เธอยื่นแก้วไวน์ที่เหลือเพียงนิด...ชนเข้ากับผู้ชายที่เธอเดินเข้าไปหา แบบใช้หางตาเหลือบมองแววตาคมที่จ้องเธอมาแบบไม่ยอมวางอยู่...
“เครื่องดื่มคุณจะหมดแล้ว ผมขออนุญาตสั่งให้ใหม่นะครับ” แล้วสุภาพบุรุษสุดมุมก็กวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟมารับออเดอร์ใหม่ให้เธอทันที
“เชิญนั่งก่อนสิครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...แค่แวะมาชนด้วยเฉยๆ” แล้วเธอก็หมุนตัวเดินกลับโต๊ะแบบสวยๆ จนชายหนุ่มผู้ชอบใจเรือนร่างของเธอ ต้องลุกตามไปยังโต๊ะของเธอทันที
“นั่นมันคู่ขาคนสำคัญของคุณใช่ไหมคะ?” สาวน้อยผู้ไม่ยอมปล่อยแขนแกร่งของเขาเอ่ยถามด้วยความหงุดหงิด
“ไหนบอกว่าไม่ผูกมัด..แต่นี่จงใจเดินเข้ามายุ่งกับชายอื่นยั่วคุณชัดๆ” เมื่อเห็นเขาไม่ตอบนอกจากมองไปยังโต๊ะนั้นไม่วางตา...เธอก็ว่าขึ้นอย่างหงุดหงิด
“คิดแบบนั้นเหรอ” เขาถามแบบไม่ต้องการคำตอบ พร้อมยกเครื่องดื่มสีอำพันหมดรวดเดียว...
บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอะไร...แต่ครานี้เขารู้ว่าเธอไม่น่าจะโปรยเสน่ห์เล่นๆทั่วไปแบบที่ผ่านมาแน่ๆ
