บทที่สี่ (NC 25+) - 2
ตอนนี้...เขากำลังลุกโชนแบบไม่อาจหยุดยั้ง เธอปลดปล่อยเขาและหยัดตัวขึ้นสู้ พร้อมดันเขาจนติดฝาผนัง...และเริ่มลูบไล้ไปตามแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเครียด
ที่ตอนนี้ช่างน่ากัดเป็นบ้า...
“เก่ง” สิ้นคำชม...ริมฝีปากบางก็ถูกครอบครองอย่างดูดดื่มอีกครั้ง สองเต้างามถูกบดบี้อย่างไม่ปราณีตามแรงปรารถนา
“อ๊า....อื้อ” ความเสียวกระสันทำเอาเธอเริ่มอยู่ไม่สุข เรียวขาเล็ก...ยกชันขึ้นโอบเอวสอบหนึ่งข้างเป็นเชิงท้า
“จัดไป” ลมหายใจหอบลึกของคนตัวใหญ่ ขยับสะโพกงอนงามให้เข้าที่ และหยัดตัวขึ้นรับน้ำหนักเธออย่างง่ายดาย
ส่วนอ่อนไหวกับส่วนแข็งแกร่ง...โอบรัดกัน เข้าหาจนจมผสมเป็นร่างเดียว
“อูว...” ความเสียวซ่านและความคับแน่น ทำเอาเธอแอ่นหนาหงาย เรียวลิ้นร้ายผู้ไม่ยอมปลดปล่อยเข้าส่งความหฤหรรษ์แบบไม่ให้ทิ้งช่วง
เรียวขาเล็กอีกข้างกระโดดขึ้นโอบรอบเอวเขาแบบรู้จังหวะ คนออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่หวาดหวั่นต่อการเล่นท่านี้เท่าไหร่
สะโพกงอนงาม...หยัดตัวเล็กน้อยก่อนเริ่มเป็นผู้ควบคุมจังหวะเข้าออก เชื่องช้า...
“อา...” เสียงทุ้มต่ำคำรามสูง กัดฟัน...พร้อมโน้มริมฝีปากลงมาลงทัณฑ์บริเวณความชูชันของสองเต้า
ปทุมสาวตอบโต้ด้วยการสั่นระริกในอุ้งปาก...สายน้ำถูกหยุดลงด้วยฝีมือของเธอผู้กำลังเซ็กซี่ที่สุดในสายน้ำ
“เยี่ยม...” เสียงครางหอบ ไม่ลืมที่จะเอ่ยชม ขณะที่เธอขยับเข้าหาเขาเป็นจังหวะในท่านี้ได้
“ฉันอยากให้นายลืมทุกเรื่องในหัวตอนนี้...” และเธอก็ไม่ลืมที่จะหยอดคำพูดที่เชิงปลอบ จนทำเอาเขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เธอมีให้มาด้วยใจมาเสมอ
“ขอบใจ...” และริมฝีปากก็ถูกครอบครองอย่างดูดดื่มอีกหน ความหอมหวานอันเคยคุ้น...หลอมรวมจนเป็นความสุขสมที่ยากจะบรรยาย
“เจ้เอ้อ! ทำไมรับสายช้าจัง...” เสียงโวยวายลอดมาจากปลายสาย ทำเอาคนที่กำลังนอนเพลียอยู่บนเตียงหรี่ตาขึ้นมองสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
นาฬิกาบนหัวเตียงบอกได้ดีที่สุด...ว่าเธอนอนมานานแค่ไหน ลมหายใจสม่ำเสมอของคนข้างๆ...ทำให้เธอตัดสินใจลุกออกจากที่นอนไปทั้งที่ยังเปลือยเปล่า
“มีอะไรเจ้าเอี่ยว” เธอส่งเสียงไม่ดังมาก เพราะไม่อยากให้เขาตื่นมาตอนนี้...
“จะมาถามเจ้อ่ะ ว่าวันนี้จะครบสามวันแล้ว...ที่เราต้องหาคำตอบไปให้อาม่าเหมย เจ้ได้ไปตอบยัง”
“ต้องตอบด้วยเหรอ”
“เอ้า ถ้าไม่ตอบ...แล้วเราก็ถูกอาม่าสั่งคำสั่งเผด็จการมาให้ อย่างนั้นน่ะเหรอ?”
“นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนี่” แล้วเธอก็ตัดสินใจกดวางสายโดยไม่ล่ำลาผู้เป็นน้อง เพราะไม่อยากหงุดหงิดตั้งแต่ตื่น
แม้เธอจะไม่ชอบใจทุกวิธีของอาม่า...แต่ ก็นั่นแหละเธอรู้ดีว่าเธอเลี่ยงไม่ได้หรอก!
และแล้ว...วันที่เธอคิดว่าจะต้องมาถึง ก็ได้มาถึงแล้วจริงๆ
“แสดงว่า...แกต้องโคตรตื่นเต้นเลยใช่มั้ย ถึงได้ชวนให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย” เพ็ญยุพาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเอ่ยพร้อมนั่งขัดสมาธิ ถือห่อขนมห่อใหญ่...ราวกับกำลังมานั่งลุ้นผลบอลเป็นเพื่อน
“ฉันก็แค่อยากจะเอาคืนแกบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้แกเรียกให้ฉันไปหาได้ฝ่ายเดียว”
“จ้า! รีบเปิดๆเข้าสิ ถ้าแกไม่เปิด...ฉันจะเปิดให้นะ!” มลินธุรสชูจดหมายในมือให้สูงขึ้นเพื่อไม่ให้เพื่อนแย่งไป
จดหมายซองสีแดงราวกับอั่งเปา...ที่ไม่ใช่อั่งเปาแน่ๆถูกส่งมาจากฮ่องกง โดยเหล่าบอดี้การ์ดที่คอยเฝ้าดูพวกเธออยู่ห่างๆนำมาให้ถึงห้อง
เธอรู้แหละ...ว่าอาม่าเหมยต้องมีคำสั่งอะไรในนั้นแน่ๆ หากแต่...เธอก็แอบหวาดหวั่นกับคำสั่งนั้นอย่างไรไม่รู้
“ฉันตื่นเต้นว่ะ”
“ปกติแกไม่ใช่คนที่จะกลัวอะไรง่ายๆไม่ใช่เหรอ ทำไมครานี้แกดูกลัวจังวะ” คนที่รู้จักเพื่อนสาวดี...ว่าด้วยความสงสัย แม้ตอนนี้จะแกะห่อขนมกินไปแล้วเรียบร้อย
“นั่นสิ...ลางสังหรณ์มันแปลกๆยังไงไม่รู้อ่ะ”
“เออน่า รีบเปิดเถอะ...บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”
“ไม่จริง มีแน่ๆ” แล้วมือบางก็ฉีกซองจดหมายส่วนหัวออกอย่างใจเย็น และหยิบกระดาษสีขาวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในนั้นออกมาคลี่ด้วยจังหวะแสนลุ้น
ข้อความที่ไม่ยาวนัก...นั้นเธอค่อยๆไล่อ่านมันอย่างเชื่องช้า
‘หมวยเอ้อ ลื้ออายุ 27 ปีแล้วใช่ไหม อั๊วรู้...ว่าลื้อมันหัวดื้อ แต่...ลื้อมันดื้อไม่เท่าอั๊วหรอก...’
“แน่นอน ใครจะไปดื้อสู้อาม่าล่ะ” เธอตอบกลับไปแบบนั้น...พร้อมอ่านบรรทัดถัดไปอย่างใจเย็น
‘อายุอานามลื้อมันก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว...เมื่อไหร่ลื้อจะมีผัวมีลูกให้อั๊วสบายใจซะที’ ประโยคนี้ทำเอาเธอสะดุดและถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย และเดาไปว่า...อาม่าคงจะส่งเธอไปดูตัวกับผู้ชายที่อาม่าดูไว้ให้แน่ๆ
“ทำหน้าเซ็งขนาดนั้น...มีอะไรเปล่าวะ?”
“เหอะ ที่สุดของลูกหลานคนจีน...ก็คงไม่พ้นเรื่องดูตัว...หาผัว หาคู่” เธอบ่นอุบก่อนอ่านบรรทัดต่อไปด้วยความแสนเซ็ง
‘คิดล่ะสิ...ว่าอั๊วจะให้ลื้อไปดูตัวกับผู้ชายที่อั๊วหาให้ ว่าไป!..ถ้าอั๊วหาผัวเก่ง อั๊วหาให้ตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ’
“อ้าว...เดาผิดหรอกเหรอ” แล้วเธอก็รีบเร่งอ่านต่อ โดยที่มีเพื่อนสาวนั่งลุ้นอยู่ข้างๆ
‘การอยู่รอดของแกงค์ไม่ใช่อำนาจหรือเงินทอง แต่มันคือทายาทมากกว่า...’ เธอพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ กับโจทย์ที่ไม่มีใครตอบได้
‘แต่...ดูสิอายุจนปูนนี้แล้ว วี่แววที่จะมีผัวมีลูกของลื้อมันก็ไม่มี ไอ้เรื่องหาผัวสำหรับลื้อ...อั๊วไม่ห่วงหรอก ไม่ห่วงแม้แต่น้อย’
“แหงสิ สวยขนาดนี้...จะไปหาผัวยากได้ยังไง” เธอว่าอย่างภาคภูมิใจ จนเพื่อนสาวผู้ลุ้นอยู่แทบจะกระชากจดหมายไปอ่านเอง
“อ่านมีเสียงได้ไหม หรือไม่ก็รีบอ่านให้จบแล้วมาเล่าให้ฉันฟัง!”
“เออน่า แปบนึง...ลุ้นอยู่”
‘อั๊วก็เลยมีภารกิจท้าทายลื้อ! ถ้าลื้อเห็นด้วยว่าตัวเองหาผัวได้ง่าย ลื๊อก็จงไปหาผัว...หาผัวเป็นตัวเป็นตนพามาพบอั๊ว ภายในหนึ่งเดือน! อ้อ...อย่าคิดเชียวนะ ว่าจะไปหาใครมาหลอกอั๊ว เพราะอั๊วไม่ใช่คนโง่
ถ้าลื้อหาผัวมาตามกำหนดไม่ได้...ลื้อจะถูกตัดออกจากกองมรดก! ปล.เงื่อนไขของอั๊วมีอยู่ว่า ลื๊อต้องท้องด้วยนะ ขอให้โชคดี!’
“อะไรนะ!” สิ้นประโยคสุดท้ายในหน้าจดหมาย มลินธุรสผู้ไม่เคยเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องอะไร ก็ได้แต่... ทำจดหมายหล่นจากมือแบบหมดแล้วซึ่งเรี่ยวแรง
“ไหนเอามาอ่านซิ!” ผู้ทนไม่ไหวกับการอยากรู้เรื่องชาวบ้าน รีบแย่งจดหมายไปอ่านทันที
“คุณพระ! ให้ท้องเลยเหรอวะ!” และเสียงอันดังและตกใจมากกว่าของเพื่อน ก็ทำเอาเธอต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
“เออดิ จะไปท้องได้ยังไง..แล้วจะให้ไปท้องกับใคร ฉันไม่อยากมีลูกเว้ย!”
“แต่แกก็มีเงินมีทองจากธุรกิจซาลาเปาออนไลน์ของแกอยู่แล้วนี่หว่า...หรือว่าแกเสียดายอะไรมรดกหมื่นล้านแสนล้านของอาม่าแกเหรอ?”
“ไม่เลย เรื่องเงินไม่ได้อยู่ในหัวฉันเลย...แต่แกรู้อะไรป่ะ การตัดออกจากกองมรดกของอาม่า หมายถึงตัดขาดการมีชีวิตอย่างสงบสุขบนโลกใบนี้...เพราะคนอย่างอาม่าทำได้ทุกอย่าง ที่ตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำ...ฉะนั้นฉันเสี่ยงกับเรื่องนี้ไม่ได้!”
“ต้องท้อง...แถมท้องภายใน 1 เดือนอีก...โคตรโหดเลยว่ะ” มลินธุรสโผเข้ากอดเพื่อนรักเป็นครั้ง...แวบหนึ่งใบหน้าของคนที่เธอนอนกกไปเมื่อวันนั้นก็โผล่เข้ามาในหัว
เวลาไม่สบายใจเรื่องอะไร...มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีภาพเขาเข้ามาเสมอ
แต่...แล้วเธอก็นึกอะไรบางอย่างออกมาได้
“คมสัน!” เหมือนเพ็ญยุพาจะมีประกายอะไรบางอย่าง แวบเข้ามาในหัวเหมือนเธอ
“ไม่ได้นะ ไม่ใช่แน่ๆ...เป็นคมสันไม่ได้” มลินธุรสรีบเบรกความคิดเพื่อนรักเอาไว้ทันที
“ก็ฉันมองไม่เห็นผู้ชายคนไหนในชีวิตแกแล้วนี่หว่า...”
“นั่นแหละ ฉันจะทำผิดกับกฎของคู่ขาไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ได้ ไม่ได้!” แล้วคนที่นิ่งๆแบบเธอก็ต้องมีความไม่สบายใจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
อาม่านะอาม่า...เธอเบื่ออาม่าที่สุด!
