บทที่หก
“อ้าว มาดื่มเหมือนกันเหรอ” คำทักทายจากคู่ขาผู้ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยน้ำเสียงเหมือนแปลกใจ
“ไม่เนียน” ท่าทางสบายไม่แพ้...ว่าอย่างรู้ทัน
“ว้า เกลียดคนรู้ทัน” ว่าแล้วสองเมือเรียวบางก็โอบรอบคอเขาและดันตัวเองไปจนสุดผนัง พิงไว้อย่างกรายๆภายใต้วงแขนของเขาที่ตามติดมา
“จงใจยั่วใช่ไหม?”
“หือ แสดงว่ายั่วขึ้นใช่ป่ะ”
“เผยมุมร้ายให้เห็นขนาดนี้...เห็นทีต้องร้ายกลับบ้าง” ฝ่ามือเล็กค่อยๆลูบไล้ไปตามไหล่กว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามใต้เนื้อผ้าอย่างดี
“เอาสิ ฉันอยากเห็นมุมร้ายๆของนายจัง”
“ไม่ใช่คนคออ่อน..ทำไมตาเยิ้มขนาดนี้” มุมปากหยัก...แสยะยิ้มแบบรู้ทัน
“ก็กำลังเล่นบทถูกผู้ชายมอมอยู่นี่นา...มันก็ต้องเนียนกันหน่อย”
“จะเผด็จข้าศึกคืนนี้เลยหรือไง” เขาเสียงเข้มแบบไม่รู้ตัว จนเธอยิ้มพึงใจ...
“อยากไปแจมไหมล่ะ” เธอแกล้งเย้า
“จูบก่อนได้ไหม” น้ำเสียงเข้มนั้น...ทำเอาเธอใจสั่นขึ้นมาเสียได้ เธอรู้ดีสิ...ว่าเวลาที่เขาโมโห เขาดุดันและเผ็ดร้อนแค่ไหน...
“ขออนุญาตหรือว่าขู่อยู่ล่ะ...”สิ้นคำถาม ริมฝีปากหยักก็ประกบริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นร้อนลงโทษจาบจ้วงจนเธอส่งเสียงกระเส่าในลำคอ
โชคดีที่ไม่มีใครผ่านมา...โชคร้ายที่เขาแทบจะหยุดตัวเองไม่ได้
“ได้คำตอบยัง” เขาถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า...พร้อมใช้มืออีกข้างปัดเส้นผมระใบหน้าให้พ้นทาง
“นายก็ดื่มหนักเหมือนกันนี่” รสชาติเครื่องดื่มดีกรีแรงที่ติดอยู่ในลิ้นเขา...แทบจะมอมให้เธอเมาหนักกว่าเดิมได้
“ดื่มแค่ไวน์ไม่ต้องตาเยิ้มขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
“แล้วใครบอกว่าตาเยิ้มเพราะว่าไวน์กันล่ะ” เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน พร้อมกัดโชว์เขาแบบท้าทาย
“เอาจริงเหรอ”
“เอาอะไร”
“เอากันตรงนี้ไง”
“หื้อ...บ้าน่า ฉันมีนัดแล้ว” เธอว่าพร้อมค่อยๆผลักเขาออกจากกายเชื่องช้า ก่อนขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่...และสะบัดผมเบี่ยงตัวออกจากเขาอย่างสวยๆ
แววตาขุ่นทำได้เพียงมองตามเท่านั้น...เขาพยายามปรับอารมณ์ให้สงบ กลับไปนั่งที่ของตัวเอง...แต่ก็ยังจ้องร่างบางแสนยั่ว ที่กำลังจงใจยั่วเขาอย่างหนักเสียด้วย
“ไปไหนมาตั้งนานคะ” ใบหน้าบูดบึ้งของสาวสุด เซ็กซี่ว่าอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเห็นเขาเดินตามหลังคู่ขาคนสำคัญของเขาออกมา
สาวทั้งประเทศรู้ว่าเขามีคู่ขา...และพวกหล่อนก็ปรารถนาที่จะอยู่ในตำแหน่งนั้น!
“กลับกันเถอะเดี๋ยวไปส่ง”
“อ้าว...เราจะไม่ไปต่อกันแล้วเหรอคะ”
“ฉันบอกเหรอ ว่าจะไปต่อด้วย” เขาลุกเดินออกจากที่นั่งด้วยอารมณ์หงุดหงิด โดยที่มีร่างเย้ายวนวิ่งตามไปแบบหงุดหงิดไม่แพ้
เพ็ญยุพาผู้ลุ้นแสนลุ้นสะกิดเพื่อนรักเบาๆให้มองตามการออกจากร้านไปของคู่ขาหนุ่มของเพื่อนรัก...
“คุณเอ้อนี่...ตลกดีนะครับ” ชายหนุ่มสุภาพที่มีแววตาแสนซน ชงเครื่องดื่มที่คิดว่าจะทำให้เธอเร่าร้อนได้...ยื่นให้แบบมีนัยยะ
ผู้หญิงฉลาดอย่างมลินธุรสส่งแววตาหวานให้พร้อมรับแก้วนั้นขึ้นมาจิบแบบเหมือนไม่คุ้นนัก...
“เครื่องดื่มแรงขนาดนี้ เอ้อคุยไม่รู้เรื่องแล้วล่ะค่ะ” ตาปรือสื่ออย่างเย้าๆ ก่อนมองไปยังเพื่อนรักที่เหมือนกำลังห้ามปราม
“ถ้าไม่คุย...แล้วจะทำอะไรกันดีละครับ”
“นั่นน่ะสิคะ...คุณแม็กซ์มีอะไรดีๆมานำเสนอ เอ้อหรือเปล่า” เธอเอื้อมมือไปสัมผัสต้นขาเขาอย่างแผ่วเบาแบบไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งๆที่ตั้งใจสุดๆ!
“ไปนั่งรถเล่นกันดีไหมครับ..ฟังเพลงชิลล์ๆ ผ่อนคลายดีออก”
“แหม...คุณแม็กซ์นี่โรแมนติกดีนะคะ เอ้อไม่เคยเจอผู้ชายแบบนี้มาก่อนเลย” เพ็ญยุพาผู้รู้สึกร้อนระอุไปหมด...สะกิดเพื่อนอีกหนเป็นเชิงถามความแน่ใจ
“คุณเพ็ญสนใจไปด้วยกันไหมครับ...ไปหลายๆคนสนุกดีนะครับ”
“ปะ...”
“อย่าเลยดีกว่าค่ะ ยัยเพ็ญผัวมันขี้หึง..ปล่อยให้กลับบ้านไปกล่อมผัวนอนน่ะดีแล้วค่ะ” เธอรีบตัดบทเพื่อนรักผู้ที่เธอเชื่อว่า อยากจะไปกันท่าด้วยแน่ๆ
“เอ่อคุณแม็กซ์คะ...เพ็ญขออนุญาตคุยเป็นการส่วนตัวกับยัยเอ้อแป๊ปหนึ่งนะคะ”
“อ๋อได้ครับ เดี๋ยวงั้นผมไปเตรียมรถรอคุณเอ้อนะครับ” หลังจากที่หนุ่มสุภาพบุรุษได้เดินจากไป เพ็ญยุพาก็จะใส่เพื่อนสาวทันที
หากแต่...คนที่เหมือนจะสร่างเมาทันที ก็หันไปยกมือห้ามเพื่อนทันใด
“อย่าตื่นตูมไป...แกก็รู้จักฉันดี”
“อะไรของแกวะ แกจะยอมไปกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักสองต่อสองเนี่ยนะ!”
“แกพูดเหมือนแกไม่ได้เป็นเพื่อนรักของฉันมาสิบกว่าปีเลยนะ”
“ฉันรู้ว่าแกเก่ง! แต่...นั่นมันผู้ชายนะเว้ย แกจะเอาอะไรไปสู้มัน ถ้ามันจะเอาแกจริงๆขึ้นมา”
“เปล่าเลย...ฉันไม่ได้เก่งเลย แต่แกลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเป็นทายาทตระกูลฮง ฉันเคยไปไหนมาไหนได้แบบอิสระด้วยเหรอ?” แล้วเพ็ญยุพาก็ถึงกับบางอ้อ เธอลืมความจริงข้อที่ว่า...เพื่อนรักมีบอดี้การ์ดห่างๆคุ้มกันมาเสมอ มาในรูปแบบที่ไม่รู้เลยว่าเป็นบอดี้การ์ด จนทำให้เธอลืมไปเสียสิ้น
“เออว่ะ...ฉันขอทายได้ไหมว่าคนไหนคือบอดี้การ์ดของแก”
“คนที่แกคาดไม่ถึงไง” แล้วมลินธุรสก็ยกแก้วดื่มแก้วสุดท้ายขึ้นดื่มพรวดเดียว ก่อนลุกขึ้นอย่างสง่า...เดินออกไปหาสารถีในค่ำคืนที่เธอเชื่อว่า ต้องมีเจ้าชายขี่ม้าขาวขับรถตามสารถีเธอไปแน่ๆ
ส่วนเพ็ญยุพาก็ทำได้เพียง...ปล่อยให้เพื่อนรักได้ทำตามความต้องการ โดยไม่อาจขัด
และเชื่อมั่นแบบแอบกังวลว่า...ด่านของเพื่อนคืออะไรต่อไปกันแน่!
ทันทีที่รถคันหรูสีดำเปิดประทุนของสุภาพบุรุษ ได้มีตุ๊กตาหน้ารถที่แสนจะเซ็กซี่นั่งไปด้วยนั้น แววตาคมกริบเดาอารมณ์ยากคู่หนึ่ง...ได้มองตามไปด้วยความไม่พอใจ
และเท้าที่แตะคันเร่งก็รีบตามไปทันที
“คุณเอ้อจะให้ผมไปส่งที่ไหนเหรอครับ” สารถีหนุ่มที่เหมือนเจ้าชาย ได้กลายร่างเป็นบอดี้การ์ดหนุ่มผู้แสนจะนอบน้อม
“โรงแรมม่านรูด”
“มันจะดีเหรอครับ” น้ำเสียงสั่นพูดด้วยความรู้สึกเกร็งๆ
“แล้วคิดอะไรที่มันไม่ดีหรือเปล่าล่ะ”
“ปะเปล่าครับ..ผมกลัวว่ามันจะไม่เหมาะ”
“รักษามาดหน่อย...เป้าหมายขับตามมาละ” คนหวั่นเหลือบมองไปยังกระจกข้างรถ...ที่มีรถหรูคันหนึ่งตามมาติดๆ
“ผมจะไม่ถูกฆ่าใช่ไหม” ท่าทางขี้ขลาดของคนของอาม่าทำเอาเธอต้องส่ายหัว
“ฉันเพิ่งรู้นะว่าตระกูลฮง...รับลูกน้องขี้ขลาดเข้ามาทำงานด้วย”
“คือว่า..ผมเพิ่งมารับงานใหม่น่ะครับก็เลยยังไม่คล่องเท่าไหร่”
“แล้วไม่รู้เหรอ...ว่าฉันกำลังทดสอบนายอยู่”
“ทราบครับ” เขาตอบกลับหนักแน่นแต่แอบสั่น
“แล้วทราบหรือเปล่า...ว่าฉันกำลังจะไม่ให้นายผ่าน” ยิ่งกว่าการถูกตีคู่มาของรถหรูที่เหมือนคนขับจะกำลังเดือดดาลนั้น แรงฮึดสู้ของบอดี้การ์ดหน้าใหม่ก็รีบบึ่งรถขึ้นทันใด เพราะกลัวจะไม่ผ่านงาน!
“บ้าชิบ...มันจะพายัยหมวยเอ้อไปไหน” แววตาคม...เหยียบคันเร่งจนมิด เริ่มโมโห...ที่ขับแซงไม่ได้
“เยี่ยม...ฉันจะพิจารณาผลประเมินของนายอีกครั้ง”
“ขอบคุณครับ” แล้วเขาก็ตั้งใจขับมุ่งหน้าไปยังม่านรูดที่เคยมาใช้บริการ
“เดี๋ยว...นายขับรถหรูขนาดนี้จะแวะเข้าม่านรูดราคาถูกเนี่ย มันจะดูไม่เนียนเอานะ” คนไม่มั่นใจระคนหวาดกลัวจำต้องชะลอรถที่จะเลี้ยวให้ชะงักลงเพื่อเปลี่ยนใจ กำลังถูกขับแซงตีตื้นขึ้นมาได้แบบไม่รู้ตัว
“ก็ผมไม่รู้จักม่านรูดราคาแพงนี่ครับ”
“ฉันขอโทษนะ ที่มั่นใจว่านายจะรอบรู้ให้มากกว่านี้” มลินธุรสถอนหายใจพร้อมกันไปมองรถหรูที่ขึ้นแซงได้ด้วยความตกใจมากขึ้น
“ระวัง!” เธอตะโกนลั่น..เมื่อบอดี้การ์ดผู้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่เก่ง แทบจะคุมรถไม่อยู่กับการถูกเบียดตัดหน้าให้จอดนั่น
“โอ้โห...นี่เขากะเอาถึงตายไหมครับเนี่ย”
“ปรับสีหน้านายให้เอาเรื่องเดี๋ยวนี้ และลงไปกับฉัน” เธอส่ายหัวให้กับความไม่ได้ดั่งใจ หลังจากรถได้จอดลงได้ทันก่อนการปะทะโครมใหญ่
“นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณ!” เสียงเข้มของสุภาพบุรุษที่ปรับสีหน้าได้ทันนั้น ทำเอามลินธุรสอยากจะส่งเขาไปเป็นดารามากกว่าบอดี้การ์ด
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับยัยนี่”
“คุณเอ้อรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอครับ?”
“อ๋อ เขาเป็นเพื่อนเอ้อน่ะค่ะ..เดี๋ยวคุณแม็กซ์รอในรถสักครู่นะคะ” คนแสดงเก่งมีท่าทีเหมือนไม่อยากจะยอม...แต่ก็ต้องจำยอมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งรอแต่โดยดี
เธอจะให้เขาผ่าน...เพราะการแสดงยอดเยี่ยมนี่แหละ
“เปลี่ยนใจ...จะมาร่วมแจมด้วยเหรอ?” เธอถามอย่างอารมณ์ดี
“เปล่า แค่ทำตามเกมส์ให้”
“หือ...เกมส์อะไรกัน”
“เกมส์ที่เธอสร้างขึ้นอยู่นี่ไง”
“ถ้านายคิดว่านี่คือเกมส์...ฉันขอกดพอร์ซเอาไว้ก่อนนะ เพราะว่าฉันไม่มีเล่นเกมส์กับนาย...และหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายจะยอมรับความจริงได้” เธอแสร้งว่าอย่างจริงจัง พร้อมจะหันหลังให้...หากแต่ฝ่ามือแกร่งก็คว้าแขนเธอเอาไว้เสียก่อน
“เกมส์นี้มันเดิมพันด้วยเวลาซะด้วย...ฉันก็เลยให้เธอกดพอร์ซไม่ได้” แรงกระชากจากฝ่ามือหนา...ทำเอาคนบางคนแอบยิ้มอย่างพอใจ
บทรักร้อนแรง...กำลังจะมาเยือนแล้วสินะ!
เธอลอบคิดอย่างพึงใจ...ก่อนส่งสายตาให้บอดี้การ์ดหนุ่มวิ่งตามลงมา แต่เหมือนว่าเขาจะฉลาดไม่พอที่จะเข้าใจ
“นี่ปล่อยนะ! นายกำลังก้าวล้ำ...มากกว่าการเป็นคู่ขาอยู่นะ”
“ช่างหัวมันสิ”
“ปล่อย!” คนถูกลากจูงขึ้นรถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่ช่างช้าไป...บอดี้การ์ดหนุ่มที่เธอตัดสินใจว่าจะไม่ให้ผ่าน ได้วิ่งลงจากรถมาในเวลาที่เธอได้มาอยู่บนรถที่ล็อคแน่นหนาเสียแล้ว
“ไปบอกคนของเธอด้วยนะ...ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่” แล้วเธอก็ต้องหันไปมองหน้าเขาแบบขัดใจ...สมแล้วที่เขาเป็นคู่ขาที่รู้ใจเธอยิ่งกว่าใคร
เขาไม่เคยมองเธอไม่ออก!
