บทที่สาม
มลินธุรสก้าวลงจากรถตู้ที่ไปรับเธอมาราวกับว่าเธอเป็นนักการเมืองระดับประเทศ ที่กำลังจะเดินทางมาทำภารกิจเพื่อบ้านเมือง...
เธอถอนหายใจก่อนก้าวลงจากรถอย่างเบื่อหน่าย...ทันทีที่รองเท้าส้นสูงสีดำสนิทสูงมากกว่าสามนิ้วได้แตะลงบนพื้นหน้าคฤหาสน์หรู
ที่นานๆ..เธอจะผ่านมาสักที
“เบาๆเสียงหน่อย ฉันกำลังใช้สมาธิ” เสียงทรงอำนาจอันคุ้นหู แลดูเคร่งเครียดจนเป็นปกติ...ไม่ได้เรียกร้องความสนใจให้ผู้มาใหม่มองหา
ภาพสาวอ้วนท้วมที่สุดของสาวในบ้านกำลังยื้อแย่งขนมในมือพี่สาวอย่างสนุกสนาน ซึ่งคนโดนแย่งก็ไม่มีแรงจะสู้ไหว...เพราะอ่อนหวานอ่อนโยนจนยอมคนอื่นเขาไปหมด
“อ้าว ทำไมมาช้าจังอ่ะเจ้” รสสุคนหรือหมวยเอี่ยวเอ่ยทักทายด้วยความดีใจ เพราะเธอเฝ้ารอการมาของพี่สาวต่างมารดาใจจะขาด
ไม่ใช่อะไร...เพราะเธอขี้เกียจจะทนรัศมีความเครียดจากพี่สาวแท้ๆของตัวเอง อย่างรินรเรศ หรือ หมวยอิ๋นไม่ไหว
“อีกตั้งสิบนาทีกว่าอาม่าจะวิดีโอคอลมา...จะรีบกันไปไหน” คนว่าอย่างแสนชิลล์ทิ้งก้นงอนงามลงไปบนโซฟาแบบสบายใจ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นแบบไม่ได้สนใจที่จะเสวนากับบรรดาพี่น้อง
“เจ้เอ้อ ซาลาเปาแบรนด์ของเจ้เนี่ย โคตรอร่อยเลยอ่ะ...แป้งทั้งนิ่ม แถมไส้ก็หวานพอดี...มีไส้ครีเอทเยอะมาก...ขอกินฟรีอีกเป็นลังได้ป่ะ” หมวยอิ่มหรือธราลิน วิ่งเข้ามาออดอ้อนทั้งๆที่ในมือยังคงมีซาลาเปาที่เธอกำลังกล่าวบรรยายสรรพคุณ
“จัดไป ถ้าไม่กินเป็นลัง...เห็นทีว่าจะไม่อิ่ม” มลินธุรสว่าอย่างขำๆ ไม่จริงจัง...เธอไม่ได้สนใจว่าน้องสาวจะอ้วนแค่ไหน หากแต่...ตามใจในทุกอย่างที่น้องมีความสุข
“สนับสนุนกันขนาดนี้ แล้วเมื่อไหร่เจ้าอิ่ม...มันจะอิ่มได้สมชื่อสักที” รสสุคนว่าพร้อมส่ายหัว และยันศีรษะที่เบ้หน้าเข้าสู้ของธราลินอย่างเล่นกัน จนรินรเรศผู้เคร่งเครียดที่สุด ต้องวางเอกสารในมือลงเสียงดัง
จนเรียกร้องสายตาทุกคู่หันไปมองได้
“มีอะไรหรือเปล่าเจ้อิ๋น” ลลินลตาหรือหมวยอิง เอ่ยถามแบบตกใจกว่าใครตามประสาคนหัวอ่อน
“งานรวมญาติประจำเดือน ไม่ใช่งานที่จะให้พวกเธอทั้งหลายมาเล่นกัน เหมือนตอนเด็กๆแล้วนะ...หมวยเอ้อเธอก็อายุใกล้เลขสามแล้ว มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ได้รับรู้เลยเหรอ...ว่าอาม่าเหมยเรียกพวกเรามาทำไมในวันนี้” เสียงเข้มของรินรเรศทำเอาทุกคนเบือนหน้าหลบรังสี ยกเว้นมลินธุรส ที่หยัดตัวขึ้นสู้แบบไม่เคยเกรงกลัวมาแต่ไหน
“อายุเธอก็ใกล้เลขสามแล้วเหมือนกัน เมื่อไหร่จะหาความสุขจริงๆใส่ตัวซะบ้าง การมารวมญาติเนี่ย...มันน่าจะเป็นการสานสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัว มากกว่าพูดถึงผลกำไรของกงสี หรือแม้แต่...การยืนหยัดอยู่ของแกงค์ตระกูลฮง
เพราะถ้าเธอมัวแต่โฟกัสเอกสารในมือเพื่อนำเสนอกับอาม่าเหมยเพียงอย่างเดียว และคิดถึงแต่การอยู่รอดของแกงค์หรือธุรกิจของกงสี แล้วความสัมพันธ์ของครอบครัวเราก็จะเละเทะแบบนี้สืบไปน่ะเหรอ” เหล่าน้องๆที่เฝ้าฟังพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย แต่ไม่อาจจะแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง
ส่วนรินรเรศผู้มองข้ามความสัมพันธ์ใดๆมาตลอด ก็ไม่อาจเห็นตามในสิ่งที่มลินธุรสพูด...เธออายุเท่ากันก็จริง แต่ความคิดและจุดโฟกัสแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่มลินธุรสรักอิสระในทุกๆทาง แต่เธอกลับอยู่ในกรอบที่ถูกตีเอาไว้
“อะไรจะเละเทะฉันไม่รู้หรอกนะ แต่หน้าที่ของทายาทอย่างพวกเรา สิ่งที่ควรจะทำอย่างมากที่สุด...ก็คือการสืบทอดกิจการและแกงค์ที่บรรพบุรุษของเราสร้างมันมากับมือ ไม่ให้ล่มจมไป” แต่แล้วบทสนทนาของสองสาวก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อเสียงจากหน้าจอใหญ่กลางห้องโถงประชุมของคฤหาสน์ ได้ปรากฏการมาของผู้เป็นใหญ่ที่สุดในตระกูล
“วันประชุมใหญ่ประจำเดือนที่ไร พวกหล่อนก็ยังยืนอยู่ตำแหน่งเดิม ทำกิริยาเดิมๆ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” อาม่าเหมยหรือคุณย่าเหมยฮวง หญิงวัยชราที่ยังสาว...มาในชุดสีแดงสดจนพวกเธอรู้สึกแสบตา
บุคลิกเด็ดขาดแถมสวยสง่า...ทำให้เธอทรงพลังจนสะกดทุกสายตาของหลานๆได้
“อาม่าก็เหมือนกันนะคะ...ทั้งสวยทั้งสง่าเหมือนเดิมเลยค่ะ” ธราลินผู้เป็นน้องสุดในตระกูลเอ่ยอย่างสดใสตามแบบฉบับที่ไม่เคยเครียดอะไร ตามประสาน้องคนเล็ก
“ฉันก็สวยสง่าให้หล่อนดู แต่ทำไม...หล่อนถึงได้อ้วนท้วนจนราศีไม่มีลงไปทุกวันล่ะฮึ เจ้าหมวยอิ่ม” คำกล่าวนั้นทำเอาซาลาเปาลูกใหญ่แทบจะติดคอ ธราลินเลี่ยงจากหน้าจอออกไปให้ไกลทันที
“ความคิดเห็นไม่ตรงกันอีกแล้วล่ะสิ หมวยเอ้อ หมวยอิ๋น” คนที่รู้ใจหลานๆดีกว่าใคร เอ่ยแบบไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“อิ๋นทำสรุปยอดขายของเดือนนี้ ของสาขาทั้งหมดเอาไว้แล้ว อาม่าได้รับหรือยังคะ” คนจริงจังก็เข้าเรื่องทันที แบบไม่ได้สนใจคำค่อนแคะใดจากผู้เป็นใหญ่
“ทำได้ดี ฉันขอชื่นชม..แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด เอาจริงๆวันนี้ฉันไม่ได้จะมาคุยเรื่องธุรกิจหรือเรื่องเงินๆทองๆของตระกูลเท่าไหร่หรอกนะ”
“อ้าว แล้ว...เราจะคุยเรื่องอะไรกันละคะ เพราะปกติหัวข้อในการพบปะก็มีอยู่แค่นี้” ลลินลตาเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจแบบใสซื่อ
“ความอยู่รอดของตระกูลฮง” คำตอบชัดนั้นทำเอาทุกคนเกิดความสงสัยจนส่งเสียงฮือฮา
“ความอยู่รอดของตระกูล ไม่ใช่เรื่องเงินแล้วก็อำนาจหรอกเหรอคะ” รินรเรศแย้ง...เพราะทิศทางของการสื่อความหมายของเหมยฮวง ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเงินหรืออำนาจ
“ไม่ใช่”
“แล้ว...มันคืออะไรกันละคะอาม่า” รสสุคนเอ่ยขึ้นบ้าง ท่าทางเหมือนผู้ชายของเธอนั้น...ทำให้เธอดูห้าวจนน่าจะเป็นหลานชายมากกว่าหลานสาว
“นั่นสิ หมวยเอี่ยว...ลื้อว่ามันน่าจะเป็นอะไร”
“โถอาม่า หนูถามอาม่านะคะ...ไม่ได้ให้อาม่ามาถามหนู”
“อั้วไม่ได้ถามแค่เจ้าหมวยเอี่ยวหรอกนะ พวกหล่อนทั้งหลายลองช่วยกันคิดสิว่า...อะไรที่จะทำให้ตระกูลของเราอยู่รอดได้” รสสุคนหันไปมองหน้าเชิงปรึกษากับบุคคลที่ดูจะนิ่งที่สุดอย่างมลินธุรส
“ถ้าไม่ใช่ทั้งเงินและอำนาจ...ก็น่าจะไม่มีอะไรแล้วนะคะ” ลลินลตาแสดงความคิดเห็นเสียงอ่อย ก่อนรับซาลาเปาลูกใหญ่มาจากมือน้องสาวคนเล็กอย่างธราลิน ที่กำลังใช้กระพุ้งแก้มคิดตามด้วยการเคี้ยวตุ้ย
“ฉันให้เวลาพวกหล่อนไปนอนขบคิด...ถ้าคิดไม่ได้ภายใน3วัน ฉันจะส่งความหมายของฉันมาให้...เป็นจดหมาย นั่นหมายความว่า...ความหมายของฉันจะไม่มีสิทธิคัดค้านหรือเปลี่ยนแปลงได้โดยเด็ดขาด” เพียงเท่านั้น...หน้าจอก็ดับไปแบบไม่ยอมรอคำตอบ
ห้าชีวิตถอนหายใจอย่างเป็นทุกข์...อ้าปากค้างกันเป็นทิวแถบ
“อาม่ากำลังจะมัดมือชกอะไรพวกเราอยู่แน่ๆ ไม่งั้นไม่ตัดสัญญาณไปง่ายๆแบบนี้หรอก” รสสุคนบ่นอุบด้วยความไม่สบายใจ เธอรู้สิ...ว่าอาม่าเหมยต้องมีแผนการอะไรที่จะมาบังคับพวกเธอแน่ๆ
“ถ้าไม่อยากถูกมัดมือชก ก็หาคำตอบไปให้อาม่าให้ได้ภายในสามวันสิ” รินรเรศผู้เชื่อในมันสมองของตัวเองเอ่ยด้วยความมั่นใจ ว่าเธอจะหาคำตอบที่ดีที่สุดไปให้มาม่าให้ได้!
“แล้วคิดเหรอว่าจะมีคำตอบไหนทำให้อาม่าเขาถูกใจได้ เขาปูทางมาขนาดนี้แล้ว...ยังไงเขาก็มีเรื่องมาบังคับพวกเราอยู่ดีนั่นแหละ”
“คนขี้แพ้เท่านั้นแหละ...ที่มีความคิดพวกนี้ในหัว” ว่าแล้วรินรเรศก็สะบัดร่างจากห้องโถงไปก่อนใคร ภาพนี้ของเธอสองคนทำให้ทุกคนหวนคิดไปถึงภาพติดตามาแต่วัยเด็ก
นั่นก็คือ..ภาพแม่ของพวกเธอ ที่เป็นแฝดคนละฝาแต่ได้มาแต่งงานกับผู้ชายคนเดียวกัน ซึ่งก็คือพ่อของพวกเธอ
พ่อของพวกเธอคือมวลเมฆ...บุตรชายคนเดียวของเหมยฮวง ที่มีภรรยาถึงสองคนแถมยังเป็นฝาแฝดกัน คืออิงฝนและอิงฟ้า
คนสองคนมีหน้าละม้าย...หากแต่ไม่ได้เหมือนกันมากเหมือนคู่แฝดทั่วไป เหมือนเป็นพี่น้องกันเสียมากกว่า...
ความที่ได้มามีสามีคนเดียวกันทำให้สองพี่น้องชิงดีชิงเด่นและแข่งขันกันมาเสมอ... อิงฟ้ามีบุตรสาวสองคนคือ รินรเรศและรสสุคน รินรเรศเป็นตัวแทนของเธอได้ดีทุกอย่าง ทำตามคำสอน หากแต่รสสุคนนั้นกลับไม่ได้อยู่ในโอวาทเท่าไหร่
ส่วนอิงฝน ผู้หญิงเรียบร้อยที่ไม่เคยตอบโต้การกระทำของน้องสาวฝาแฝดเลย...ได้กำเนิดบุตรสามคน คือ มลินธุรส ลลินลตา และธราลิน เธอตอบโต้น้องสาวบ้างเมื่อมาก้าวก่ายบุตรสาวของเธอ
ทั้งสอง...หวังจะมีบุตรชายให้กับตระกูลฮง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนสุดท้าย...การที่ครอบครัวได้กระจัดกระจายอีกครั้ง
เมื่อมวลเมฆ อิงฝนและอิงฟ้า...ถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิตจากเครื่องบินตก อาม่าเหมย...จึงต้องกลับมานั่งแท่นหัวหน้าแกงค์มังกรขาวมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงอีกครั้ง ซึ่ง...แกงค์ตระกูลฮงเป็นแกงค์ย่อยฝ่ายบริหารของแกงค์มังกรขาวอีกทีและส่งหลานๆมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย...เพื่อปกป้องจากอันตรายและให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระภายใต้ขอบเขต
และแน่นอนว่า...อีกความหวังหนึ่งที่เธอยังไม่อาจทิ้งไปได้ คือการได้มีทายาทชาย ไว้สืบตระกูลฮง
