บท
ตั้งค่า

บทที่สอง

“ไงจ้ะอีหมวย กูคิดว่ามึงจะไม่มาซะแระ” เสียงทักทายของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในชีวิต เอ่ยต้อนรับการมาของเธอด้วยใบหน้าแสนเซ็ง

“อ้าวเหรอ รู้งี้ไม่มาดีกว่า” คนไม่เดือดร้อนกวักมือเรียกบริกรชายเพื่อสั่งเครื่องดื่มอย่างสบายใจ ก่อนสะบัดผมหยักที่สยายอย่างเซ็กซี่มาพอเป็นพิธี

เรือนร่างที่เต็มไปด้วยเนื้อนมไข่นั้น...ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อสายเดี่ยวสีขาวพอดีตัว รับกับกางเกงยีนส์ขายาวสีซีดมีสไตล์ แต่เพียงแค่นี้...เธอก็สามารถเรียกการมองมาจากสายตาหนุ่มๆได้ทั้งร้าน

หมวยเอ้อ...หรือมลินธุรสเหมือนมีพรสวรรค์ด้านนี้โดยเฉพาะ เรือนร่างที่ลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติของเธอ...หาจับยากในประเทศ!

“ที่มาช้าขนาดนี้เนี่ย อย่าบอกนะ...ว่าไปแวะกินอาหารมื้อหลักมา” เพื่อนที่รู้ใจแดกดันพร้อมเบ้ปาก ก่อนกระดกเครื่องดื่มในมือหมดในพรวดเดียว

“เอาคอสโมโพลิแทนแก้วหนึ่งค่ะ” เธอหันไปสั่งเครื่องดื่มอย่างเซ็กซี่

“สั่งเบาขนาดนี้...อิ่มมาเยอะล่ะสิ” มลินธุรสส่ายหน้าเบาๆให้กับการค่อนไม่หยุดของเพื่อนสาว ก่อนเริ่มเข้าเรื่อง...

“หงุดหงิดขนาดนี้...ผัวไม่ทำการบ้านเหรอ” แล้วใบหน้าเซ็กซี่ไม่ได้มาแบบจัดจ้านนัก ก็หันไปสบตากับหนุ่มรายหนึ่งที่มองมาในร้าน...

เธอพยักหน้าทักทายเมื่อเขายิ้มให้

“นี่! ได้โปรดสนใจกันก่อนอย่าเพิ่งแรด!”

“เออน่า ฉันฟังอยู่” แล้วคนจอมกวนอยู่ในทีเสมอ ก็ไม่ได้ละสายตาไปจากชายหนุ่มผู้นั้น...เธอเป็นแบบนี้เสมอ เธอรักสนุกกับการเล่นหูเล่นตาไปเรื่อย...แบบไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากความพึงพอใจของตัวเอง

“ก็แฟนฉันน่ะสิ...แม่ง มันโกรธเว่ยที่ฉันไปภูเก็ตกับพวกไอ้พร้าว คือแบบไปกันตั้ง7คนป่ะ มันจะหึงบ้าอะไร!” บ๋อยหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนก้มหน้าขอโทษ...กับการถูกตะโกนใส่ของคนมีดีกรีพอสมควรแล้ว

“เบาได้เบา...ดื่มไปกี่แก้วเนี่ย” มลินธุรสแย่งบรั่นดีสีชาออกจากมือเพื่อนรักอย่างห้ามปราม เพ็ญยุพาหรือเพ็ญเพื่อนรัก เรียกเธอมาปรับทุกข์ฟังเรื่องราวแบบนี้ออกบ่อย...จนเธอไม่ได้ตื่นเต้นกับการออกมาพบเพื่อนเท่าไหร่นัก

“คือแบบ...คบกันมาตั้ง5ปีแล้วป่ะ แม่งมันเหมือนไม่รู้จักฉันเลยอ่ะ คือทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆซ้ำซาก...แล้วจะคบกันไปเพื่ออะไรวะ!” แล้วมือที่สาวหาแก้วก็คว้าบรั่นดีไปเทพรวดเดียวลงคอได้สำเร็จ

ปัญหาที่เพื่อนกำลังระบายอยู่นั้น...เป็นสิ่งที่มลินธุรสรู้ซึ้งดี รู้มาแต่ไหน...และนั่นคงเป็นเหตุผลที่เธอ

ยอมมีชีวิตสนุกไปวันๆ...ดีกว่ามีปลอกคอมาสวมเหมือนหมาตัวหนึ่ง!

“นั่นดิ พูดแล้วทำไม่ได้...ขี้เกียจจะฟังว่ะ” แล้วใบหน้าเกรี้ยวกราดด้วยแรงอารมณ์ก็ผ่อนกำลังลง พร้อมเบ้หน้า...เปลี่ยนสีไปในโทนเศร้าตามฤทธิ์แอลกอฮอล์

“ก็ฉันเลิกกับมันไม่ได้! แกก็รู้ว่าฉันรักมันมากแค่ไหน...ฉันขาดมันไม่ได้ ฮือ...” แล้วมือไม่อยู่สุขก็กำลังจะคว้ามายังเครื่องดื่มเบาๆของเพื่อนรัก ที่ยังไม่ได้รับการแตะต้อง

“ของฉัน” มลินธุรสแย่งแก้วมาจากมือคนเมามายได้ทัน ก่อนยกขึ้นจิบบ้างอย่างใจเย็น...และไม่ลืมที่จะปรายตาไปมองชายหนุ่มที่ไม่เลิกจดจ้อง ก่อนชูแก้วในมือทักทายอย่างพองาม

“หรือว่าฉันจะทำตัวแรดไปวันๆแบบแกดีวะ...แม่งจะได้ไม่ต้องคิดอะไร”

“จะทำได้เหรอ การแรดเนี่ย...ถ้าไม่ใจรักจริงๆทำไม่ได้นะเว้ย” แล้วเพ็ญยุพาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับท่าทีไม่เคยเดือดร้อนอะไรของเพื่อนรักนั้น

“นั่นดิ...เพราะว่ารักมันไง รักจนไม่อาจไปรักใครได้! แต่ดูสิ่งที่มันพูดออกมาดิ...แม่งมันไม่ได้รู้เลยอ่ะ ว่ากูรักมันมากแค่ไหน!” แล้วแววตาหมองก็ร่ำไห้คิดถึงใบหน้าคนรัก จนมลินธุรสต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง

“ไม่รู้จะพูดยังไงนะเว้ย...แม่งไม่ได้รักใครมานานแล้วว่ะ” แล้วฝ่ามือบางก็เอื้อมไปแตะไหล่เพื่อนรักเป็นเชิงปลอบ

“กูโคตรอยากจะเป็นมึงเลย แม่ง...อย่างเท่ห์อ่ะ หิวก็มีกิน เหงาก็มีคนพาไปนั่นไปนี่ และมีผู้ชายพร้อมเข้าหาตลอดเวลา แถมไปต้องมานั่งใส่ปลอกนิ้ว...และไปไหนมาไหนก็มีขีดจำกัดด้วย” คนพร่ำหันมองนิ้วในมือที่มีแหวนวงเล็กสวมอยู่ มันเป็นแหวนวันครบรอบ...ของเธอและเขา

ความเสียใจทำให้เธออยากจะเขวี้ยงมันทิ้ง!

“เบาได้เบา...ก่อนจะทำอะไรลงไปเนี่ย แน่ใจเหรอ...ว่าถอดออกมาแล้วจะกล้าขว้าง ถึงกล้าขว้าง...มึงก็วิ่งไปหาให้วุ่นวายอีก” คำตักเตือนเรียบๆนั้น...ทำเอามือขวาที่กำลังจะถอดแหวนชะงัก พร้อมเอาใบหน้าซบลงกับมือพร้อมหลั่งน้ำตาอีกหน

“กูเข้าใจเว้ย...วงการเนี้ยเข้าแล้วออกโคตรยาก กูเลยไม่อยากเข้าไปไง” มือเรียวบางแตะไหล่เพื่อนอีกหน และหวนย้อนไปถึงสมัยที่ตัวเองเคยตกอยู่ในสภาพนี้...

เธอเป็นสาวเกินวัยมาแต่ไหน...การมีแฟนคนแรกตั้งแต่ ป.6 จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ความสวยที่โดดเด่นนำพาให้เธอมีแฟนคนแล้วคนเล่าอย่างง่ายดาย

หากแต่...มันกลับไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขอย่างจริงจังสักที

มลินธุรสเข้าใจว่าเพื่อนรู้สึกยังไง...เพราะกว่าที่เธอจะถอยออกมาจากความสัมพันธ์ชนิดนี้ได้ ก็ทำเอาเจ็บปางตายมาไม่รู้กี่ครั้ง...

เธอไม่ได้เก่งพอที่จะห้ามใจไม่ให้มีความรัก...หากแต่หัวใจเองต่างหาก ที่มันไม่มีพื้นที่พอที่จะเสียใจ...

ใช่! ความรัก...มันต้องมาคู่กับความเสียใจเสมอ อย่างไม่อาจที่จะจับมันแยกออกจากกันได้

“กูต้องทำยังไง กูถึงจะออกไปจากวงการนี้ได้วะ...กูไม่อยากอยู่แล้วอ่ะ”

“มึงแน่ใจเหรอ ว่าประโยคนี้...มึงถามกูเป็นครั้งแรก” แล้วแก้วเครื่องดื่มสวยๆก็ถูกเธอยกขึ้นมองเล่นๆพอให้เป็นเสน่ห์ให้กับสายตาหลายคู่ที่รอการหันไปสบของเธอ

“เออ กูรู้น่า...ว่ากูทำไม่ได้ แต่กูขอแอบคิดนิดนึงไม่ได้เหรอ!”

“ตามใจมึงเลย” แล้วเครื่องดื่มนั้นก็ถูกยกขึ้นดื่มพรวดเดียวแบบเท่ห์ๆ พร้อมสะบัดผมไปด้วย

“เห้ย อีเอ้อ! นั่นมัน...อาหารจานหลักของมึงป่ะวะ” แล้วคนฟูมฟายก็ตาสว่างขึ้นทันที...ที่เห็นร่างสูงกำยำที่เดินเข้ามาในร้าน พร้อมสาวเซ็กซี่ข้างกาย

“เรื่องชาวบ้านนี่มันมหัศจรรย์ดีเนอะ...ทำเอาคนลืมเรื่องของตัวเองได้อย่างง่ายดาย” คนที่ไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อน พร้อมกระดิกนิ้วเรียกพนักงานมารับออเดอร์นั้น ทำเอาคนตั้งใจจ้องผู้มาใหม่หงุดหงิด

“หยุดแซะแปบนึง...นี่มันต้องหิวแค่ไหนวะ เพิ่งกินมากับมึงหมาดๆ แต่แม่งแบบ...ควงอาหารจานใหม่มาได้แบบไม่รู้จักอิ่ม” มลินธุรสปลายตาไปยังทิศที่เพื่อนรักกำลังจดจ้องบ้าง หากแต่เพียงผ่านเท่านั้น...

“คนไม่ค่อยได้กินแบบมึง...ได้คำตอบไปก็ไม่เข้าใจหรอก”

“โอ้โห...นี่มันความสัมพันธ์แบบไหนวะ? นั่งมองคนที่เพิ่งกินกับตัวเองมา...กำลังควงอาหารจานใหม่มากินได้หน้าตาเฉย”

“ความสัมพันธ์แบบว่า...ไปต้องมานั่งฟูมฟายเพราะถูกหึงหวงไม่เข้าเรื่องไง” เมื่อโดนตอกกลับนิ่มๆแบบนั้น ทำเอาคนลืมเรื่องตัวเองไปชั่วขณะ...สะอึก

“กูถามจริงๆเถอะ มึงไม่รู้สึกอะไรจริงๆเหรอ? กับการเห็นอะไรแบบนี้ ถามจริงจริ๊งเลย” แต่ก็นั่นแหละ...เรื่องชาวบ้านต้องสำคัญกว่า เรื่องตัวเองก็ไม่อาจจะดึงความสนใจจากเรื่องชาวบ้านได้!

“ต้องรู้สึกอะไรอ่ะ...เขาก็แค่ควงสาวมาเฝ้าฉันเท่ห์ๆไปงั้นแหละ”

“หืม...ขยายหน่อยไม่ทันจริงๆว่ะ”

“ฉันบอกหมอนั่นว่า...ฉันจะมาหาแกที่นี่น่ะ” แล้วเครื่องดื่มแก้วใหม่ ก็มาวางตรงหน้าได้ทันเวลา...เธอยกมันขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนหันไปมองยังจุดที่นั่งของสองหนุ่มสาวที่กำลังมองมาที่เธอพอดีเหมือนกัน

“หมายความว่า...อีตาคมสันตั้งใจตามแกมาอย่างนั้นเหรอ!”

“จริงๆแล้ว...เขาก็บอกฉันตรงๆเหมือนกัน ว่าจะพาสาวมาดื่มที่นี่” เพ็ญยุพาหน้าเหวออีกหน...

“เดี๋ยวก่อน...คือฉันรู้เว่ย ว่าพวกแกกินกันแบบไม่ผูกมัดมานาน แต่เดี๋ยวนี้พัฒนาไปถึงขั้นเล่าให้กันฟังยิ่งกว่าผัวเมียอีกเหรอ?”

“ผัวมึงเคยเล่าให้ฟังเหรอ...ว่าควงสาวไปดื่มเหล้าที่ไหน” แล้วต่อมเผือกก็ต้องสะดุด...เมื่อได้โดนเข้าเรื่องตัวเองบ้าง

“ไม่เคยดิ หรือว่า...มันจะแอบมาทำตลอดเวลาที่ฉันไปต่างจังหวัดวะ”

“ข้อดีอย่างหนึ่งของความสัมพันธ์ประเภทคู่ขาเนี่ย...มันดีตรง เราทั้งคู่ยินดีกับโอกาสใหม่ๆของกันและกัน เมื่อไหร่ที่เราเจอสิ่งใหม่ๆที่ชอบมากกว่า...เราก็ไม่ขัดที่จะให้เขาไปสนุกกับมันอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมานั่งหึงหรือว่าหวาดระแวง...ชิวสมใจฉันที่สุดละ”

“เออว่ะ...แค่จินตนาการว่าแฟนพาหญิงอื่นมาเที่ยวกูก็ร้อนรนไปหมดละ แต่...กูก็ต้องเชื่อใจแฟนป่ะวะ ไม่งั้นมันจะมีความสุขได้ยังไง”

“ใช่มึงต้องไว้ใจ...ในขณะที่มึงกำลังถูกไม่ไว้ใจอยู่นั่นแหละ ความสัมพันธ์ประเภทที่มึงกำลังเอาพันร่างตัวเองไว้เนี่ย... แม่งโคตรประหลาดนะเว้ย คือมึงจะไม่มีวันรู้เลยว่าสิ่งที่มึงกำลังให้ไปเนี่ย...มึงจะได้ตอบกลับมาเท่ากันหรือเปล่า

ก็จริง...ที่มึงจะบอกว่าความรักคือการให้ ให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แต่...ความรักแบบนั้นมันไม่มีจริง และมันก็ลวงโลกมากๆอ่ะ...มันเหมือนมึงกำลังเล่นเกมส์ ที่ใครปกปิดได้เก่งก็ชนะไป...มึงก็รู้สันดานผู้ชาย มันมีเซ็กส์ได้กับผู้หญิงทุกคน มึงเลิกหวังไปได้เลย...ว่าจะเจอเทพบุตรรักเดียว กูผ่านผู้ชายมาเป็นร้อย...เทพบุตรรักเดียวไม่มีจริง!” แล้วเครื่องดื่มที่ถูกเขย่าไปมา...พร้อมสะท้อนแววตาคนพูดไปด้วย ถูกกระดกพรวดเดียวแบบสาแก่ใจ!

“มึงเมาแล้วใช่ป่ะ...กูนึกว่านักเทศน์มาเทศน์ให้ฟัง” คนคว้ามือตามแก้วเหล้าเพื่อนไม่ทัน กลืนน้ำลายแบบบาดคอแทน..ลืมภาพตัวเองกำลังดื่มพรวดพราดจนหมดสิ้น

แบบมนุษย์ผู้อินกับความรู้สึกชาวบ้าน...มากกว่าความรู้สึกของตัวเอง!

“เปล่าอ่ะ...กูแค่เล่นบทมึงให้มึงดู ว่าเวลาที่มึงระบายมันเป็นยังไง”

“เหรอออ...กูว่ามึงแค่หวนนึกถึงตัวเองในอดีตมากกว่า”

“หึ...กูในอดีตเหรอ ตายไปนานละ”

ท่ามกลางแสงไฟยามราตรีในค่ำคืนที่มีคนเหงา...คนรักสนุกมาเจอกัน พร้อมเสียงดนตรีเย้ายวนไม่ได้ทำให้ร่างสูงแววตาพราวเสน่ห์รู้สึกไปกับมันได้...

ร่างบางในชุดเซ็กซี่...เรียบๆที่กำลังกระดกแก้วเหล้าในมืออย่างไม่รู้สึกรู้สานั่นต่างหากที่เขากำลังให้ความสนใจ

“แหม...ถ้าแค่จะชวนมาเป็นเครื่องประดับ ก็ไม่ต้องชวนมาก็ได้มั้งคะ” สาวเซ็กซี่ข้างๆนั่งซบลำแขนแกร่งพร้อมลูบไล้ไปด้วยอย่างชอบใจในเรือนร่างของเขา

“จะกลับก็ได้นะ”

“หืม...คนอุตส่าห์พูดเรียกร้องความสนใจ ไม่ได้ให้ขับไล่ซะหน่อย”

“อยากไปต่อที่อื่นมั้ย” แววตาเชิงอ้อนประกายระยับขึ้นทันที เพราะไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยชวน

“พูดจริงเหรอคะ?”

“ไม่จริงก็ได้”

“ไปค่ะ ไปๆ” แล้วคนดีใจก็เบียดร่างเซ็กซี่เข้าหาเขาอย่างเริงร่า เธอรอโอกาสแบบนี้มานาน...การได้เข้าถึงผู้ชายอย่างเขา มันคือสุดยอดปรารถนา

“เดี๋ยวๆ ไหนแกบอกว่าเขาควงสาวมาคุมแกเท่ห์ๆไง...ไหงควงกันออกจากร้านไปซะแบบนั้น” ใบหน้าที่เหมือนจะสร่างเมาและลืมเรื่องราวของตัวเองชั่วขณะ รีบชักชวนให้คนถือแก้วแอลกอฮอล์ในมือชะงักเล็กน้อย...

หันไปมองตามเชื่องช้า

“ก็ทำเป็นเข้าข้างตัวเองเท่ห์ๆไปแบบนั้นแหละ” ท่าทางไม่ยี่หระของเพื่อน ทำเอาเพ็ญยุพาแปลกใจ...

“เออ ความสัมพันธ์อะไรวะเนี่ย...หึงก็ไม่ได้ หวงก็ไม่ได้ ฉันว่าผัวฉันหึงฉันก็ดีละ...อย่างน้อยมันก็แคร์ฉัน ไม่ใช่ไม่แคร์กันเหมือนคู่ขาแบบแก”

“เออ คราวหน้า...อย่ามาดราม่าแล้วเรียกฉันออกมานั่งฟังแกพร่ำอีกล่ะ” เพ็ญยุพาถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่เพื่อนบอกหรือเปล่า

“เห้อ ยิ่งคุยยิ่งเครียดว่ะ...” แล้วเธอก็หันไปกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟอีกหน เห็นทีว่าเธอจะต้องเริ่มเมาอีกสักรอบ...

แววตาดำขลับฉายอารมณ์บางอย่าง..เมื่อลอบมองตามประตูทางออก ที่มีคนสองร่างโอบกันออกไปก่อนหน้า... เธอเมินมันก่อนหันไปส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ผู้ชายที่ไม่ยอมละสายตาจากเธอไปไหน

กลิ่นความรู้สึกไม่พึงใจโชยมา...เห็นทีว่าเธอต้องหาอะไรดับกลิ่นมันเสียหน่อย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel