บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2: ความลับของครอบครัววิฬาร์ภากร

“แกๆ นั่นใช่คุณพสิษฐ์ พี่ชายของคุณพลอยหรือเปล่าแก” เสียงเม้าท์มอยดังมาจากหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นนักแสดงสมทบในละครเรื่องล่าสุดที่ยัยพลอย น้องสาวของผมได้แสดง หลังจากที่เธอได้เห็นผมเดินลงมาจากรถยนต์คันหรูที่มีไม่ถึง 10 คันในประเทศไทยมารับน้องสาวคนสวยของผมถึงกองถ่ายละคร

“ไหน ๆ ๆ ๆ ว้ายใช่จริงๆ ด้วยแก วันนี้พวกเราโชคดีแล้วล่ะที่ได้เห็นคุณพสิษฐ์ตัวเป็นๆ อย่างนี้” นักแสดงหญิงสมทบอีกคนหนึ่งหันมองตามที่เพื่อนสาวของเธอบอก และนั่นทำให้เธอเห็นผมกำลังเดินมุ่งตรงเข้ามาในกองถ่ายหลังจากที่ผมเดินลงจากรถเรียบร้อยแล้ว

“นั่นสิแก พวกเราโชคดีจริง ๆ ปกติแล้ว ถ้าไม่ออกมารับน้องสาวอย่างคุณพลอย พวกเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าคุณพสิษฐ์หรอก”

“นั่นสิ ความหล่อระดับนี้เป็นพระเอกชื่อดังยังได้เลย แล้วยังมีฐานะร่ำรวยมหาศาลอีก น่าเสียดายที่ไม่ค่อยออกสื่อเท่าไหร่”

“น่าเสียดายจริงๆ นั่นแหละ ไม่งั้นพวกเราคงได้เห็นหน้าหล่อๆ ของคุณพสิษฐ์บ่อยขึ้น แกว่าไหม”

“ใช่ ล่าสุดก็ 3 ปีที่แล้วที่คุณพสิษฐ์ออกสัมภาษณ์และถ่ายปกนิตยสารเกี่ยวกับการทำธุรกิจส่งออก แต่ถึงจะเป็นหนังสือการทำธุรกิจส่งออกที่ไม่เกี่ยวกับแฟชั่นเลย หนังสือยังขายดีเกลี้ยงแฝงเรียกได้ว่าสั่งพิมพ์กันแทบไม่ทัน ฉันเองยังเสียดายอยู่เลยที่ซื้อหนังสือเล่มนั้นไม่ทัน”

“ใช่ฉันเองก็ด้วย ก็ได้แต่หวังว่าสักวันคุณพสิษฐ์จะรับงานบันเทิงหรือออกสัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ บ้าง พวกพ่อยกแม่ยกอย่างพวกเราจะได้หายคิดถึงสักที” สองสาวนักแสดงสมทบยังคงเม้าท์มอยกันพร้อมกับแอบยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผมเพื่อเก็บเอาไว้โชว์เพื่อนๆ ของตัวเองให้อิจฉาเล่นๆ ที่พวกเธอได้มีโอกาสเจอตัวผมที่เป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มหล่อในดวงใจของใครหลายๆ คน

ส่วนผมเองในตอนนี้กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปหาคุณกีรติ ผู้กำกับและผู้จัดละครชื่อดังทันที

“เอ๊ะ!!! คุณพสิษฐ์มารับน้องพลอยเหรอครับ” เสียงของคุณกีรติ ผู้จัดละครชื่อดังอุทานออกมาทันที หลังจากที่เขาเห็นผมเดินเข้ามาในกองถ่าย ในขณะที่พวกเขาและทีมงานกำลังช่วยกันเก็บอุปกรณ์การถ่ายทำละคร หลังจากที่ละครเรื่องนี้ได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

“สวัสดีครับคุณกีรติ ใช่แล้วครับผมมารับยัยพลอยกลับบ้านครับ” ผมยกมือไหว้และตอบคำถามของคุณกีรติ

“อ่อ ถ้างั้นคุณพสิษฐ์ ไปนั่งรอน้องพลอยตรงนั้นได้เลยครับ ตอนนี้น้องพลอยน่าจะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ คาดว่าอีกไม่นานน่าจะเสร็จ” คุณกีรติตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลเพื่อให้ผมได้ใช้นั่งรอน้องสาวของผม

“ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณคุณกีรติ ผู้กำกับละครชื่อดังอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปนั่งรอยัยพลอยอยู่นั้น จู่ๆ คุณกีรติได้ทักผมขึ้นมาอีกครั้ง

“เอ่อ...คุณพสิษฐ์ ไม่ทราบว่าวันพุธหน้าคุณพอจะมีเวลาว่างไหมครับ พอดีพวกเราจะมีงานเลี้ยงปิดกล้องกัน ผมเลยอยากจะชวนคุณมาร่วมงานด้วย” คุณกีรติยิ้มพร้อมกับมองมาที่ผม

“ผมขอตรวจสอบตารางงานก่อนนะครับ ถ้ายังไงผมจะฝากยัยพลอยหรือไม่ก็เป็นเลขาส่วนตัวของผมโทรบอกคุณกีรติอีกทีนะครับ” ผมยกยิ้มที่มุมปาก

“ได้เลยครับไม่มีปัญหา ผมหวังว่าพวกเราจะได้เจอกันนะครับ” คุณกีรติยิ้ม ก่อนจะหันหน้าไปตะโกนสั่งงานลูกน้องของเขาให้รีบเก็บของโดยเร็ว เพราะว่าเวลาใกล้จะค่ำมืดแล้วนั่นเอง

ส่วนทางด้านของผมได้เดินมานั่งรอยัยพลอยที่เก้าอี้ตัวที่คุณกีรติได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ทันที ก่อนจะเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรกลับไปหาคุณแม่ที่รออยู่ที่บ้าน

“ฮัลโหลครับ คุณแม่ ตอนนี้ผมมารอรับยัยพลอยที่กองถ่ายแล้วนะครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมยกยิ้มที่มุมปากและรีบบอกคุณแม่ทันทีว่าในตอนนี้ผมเดินทางมาถึงกองถ่ายของยัยพลอยเรียบร้อยแล้ว

“โอเคลูก ถ้ารับยัยพลอยแล้วก็ขับรถกลับบ้านกันดีๆ ล่ะ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะประสบอุบัติเหตุแม่เป็นห่วง” เสียงปลายสายจากคุณแม่ตอบกลับด้วยความเป็นห่วง

“รับทราบครับคุณแม่”

“อ่อ...พ่อพสิษฐ์ ขากลับพวกลูกๆ ไม่ต้องแวะซื้อของอะไรมาฝากแม่แล้วนะ มันเสียเวลา ส่วนที่บ้านตอนนี้เตรียมกับข้าวของโปรดให้เรากับยัยพลอยเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” เสียงคุณแม่พูดออกมาอีกครั้ง

“ได้เลยครับ”

“โอเค ถ้างั้นก็แค่นี้แหละ เดินทางปลอดภัยนะลูก”

“ได้ครับคุณแม่ เจอกันครับ” ผมยิ้มและกดวางสาย

“เอ๊ะ!!! พี่มารอนานหรือยังคะ” ยัยพลอย น้องสาวของผมทัก หลังจากที่เธอเห็นว่าผมได้มานั่งรอเธออยู่ในกองถ่ายละครแล้ว

“ไม่นานเท่าไหร่ อ่อ...พี่เพิ่งโทรคุยกับคุณแม่ว่าพี่มารับเราแล้ว ถ้างั้นพวกเรารีบไปลาคุณกีรติแล้วรีบกลับบ้านกันเถอะ”

“ได้ค่ะพี่” ยัยพลอยตอบรับเสียงใส ก่อนที่พวกเราสองคนพี่น้องจะเดินมาลาคุณกีรติ

ส่วนทางด้านของคุณกีรติเองก็ไม่วายย้ำให้ผมมาร่วมงานเลี้ยงปิดกล้องให้ได้ทำเอาผมถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

ผ่านไป 1 ชั่วโมง ในการเดินทางจากจังหวัดปทุมธานีกลับมาที่บ้านของคุณพ่อ คุณแม่และคุณปู่ที่อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ในที่สุดพวกเราทั้งสองคนก็เดินทางมาถึง 'บ้านวิฬาร์ภากร'

“สวัสดีค่ะ คุณแม่” ยัยพลอยวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่อย่างรวดเร็ว หลังจากที่พวกเราทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน และเจอคุณพ่อและคุณแม่นั่งรออยู่ด้านใน

“อ้าว สองพี่น้องกลับมาถึงกันแล้ว” คุณแม่อุทาน หลังจากที่ถูกลูกสาวสุดที่รักพุ่งตัวเข้ามากอดอย่างไม่ทันตั้งตัว

“สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่” ผมยกมือไหว้คุณพ่อที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว และคุณแม่ที่กำลังโดนยัยพลอยกอด ก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับคุณพ่อ

สำหรับคุณแม่ของผมมีชื่อว่า 'คุณหญิงพีรยา วิฬาร์ภากร' หญิงสาววัยกลางคนที่ยังคงสวยอยู่เสมอ เนื่องจากคุณแม่ชอบออกกำลังกายและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้เป็นประจำ นั่นทำให้ใบหน้าของคุณแม่ดูผ่องใสมากกว่าคนอายุเท่ากันอย่างเห็นได้ชัด

และก่อนหน้าที่คุณแม่จะมาแต่งงานกับคุณพ่อ ท่านทำธุรกิจขายอัญมณี และในปัจจุบันร้านอัญมณีคุณแม่ได้ยกให้ยัยพลอยเป็นผู้ดูแลเรียบร้อยแล้ว และตัวของคุณแม่เองได้ออกมาทำหน้าที่เป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว

ส่วนคุณพ่อของผมมีชื่อว่า 'คุณพศุตม์ วิฬาร์ภากร' เป็นชายวัยกลางคนที่มีสุขภาพแข็งแรงเช่นเดียวกันกับคุณแม่ เนื่องจากคุณแม่มักจะคุมเข้มให้คุณพ่อออกกำลังกายเป็นประจำ และยังเป็นคนดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับคุณพ่ออยู่เสมอ

ส่วนอาชีพเดิมของคุณพ่อคือประธานบริษัทวิฬาร์ภากร ซึ่งบริษัทนี้ได้รับตกทอดมาจากคุณทวด จากนั้นส่งต่อมาให้คุณปู่ และจากคุณปู่ส่งต่อมาให้คุณพ่อ และในปัจจุบันคุณพ่อได้ส่งต่อบริษัทนี้ให้ผมได้ดูแลนั่นเอง

“ยัยพลอยพาคุณแม่มานั่งได้แล้ว” ผมเรียกยัยพลอยที่กอดคุณแม่ไม่ยอมปล่อยให้มานั่งที่โต๊ะกินข้าวทันที

“ได้คร่าาา คุณพี่ชาย” ยัยพลอยตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก่อนจะพาคุณแม่มานั่งข้างๆ คุณพ่อและเธอเดินมานั่งข้างๆ ผม และนั่นทำให้คุณพ่อและคุณแม่ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ สบายดีไหมคะ” ยัยพลอยทักคุณพ่อทันที

“สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ พอได้พ่อพสิษฐ์มาทำงานที่บริษัทแทนพ่อแล้วมันก็สบายขึ้นอย่างนี้แหละ” คุณพ่อส่งยิ้มให้ยัยพลอย

“แล้วลูกล่ะเหนื่อยไหม ช่วงนี้เห็นถ่ายละครหนัก” คุณพ่อถามกลับด้วยแววตาห่วงใย

“เหนื่อยค่ะ แต่ก็ไหว สบายมากค่ะ” ยัยพลอยยิ้ม

“ได้ยินอย่างนี้พ่อก็ดีใจ แล้วพ่อพสิษฐ์ล่ะ ช่วงนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง” คุณพ่อถามผมบ้าง

“ช่วงนี้ก็เรื่อยๆ ครับ ไม่มีปัญหาอะไร” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม

“ดีแล้วล่ะ ถ้ามีอะไรก็รีบบอกพ่อได้เลย” คุณพ่อยิ้ม

“ได้เลยครับ” ผมตอบ

“คุณพ่อคะ แล้วคุณปู่ไปไหนคะ ทำไมวันนี้ไม่มากินข้าวด้วยกัน” ยัยพลอยถามทันที หลังจากที่วันนี้ตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาในบ้าน เธอยังไม่เห็นคุณปู่เลย

“อ่อ คุณพ่อออกไปเดินออกกำลังกายข้างนอกน่ะ อีกไม่นานน่าจะกลับเข้ามาแล้ว” คุณพ่อยิ้มตอบ

“คิดถึงปู่ขนาดนั้นเลยเหรอยัยพลอย” น้ำเสียงอบอุ่นดังมาจากประตูทางเข้าห้องรับแขก จนทำให้ทุกคนหันกลับไปมองยังทิศทางดังกล่าวทันที

และเมื่อพวกเราหันไปมองที่ประตู มันก็ทำให้พวกเราได้พบกับแมวบริติช ช็อตแฮร์ ตัวอ้วนกลม ขนหนานุ่มน่ากอดสีเทา กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะกินข้าวอย่างช้าๆ และเมื่อทุกคนได้เห็นแมวบริติช ช็อตแฮร์ตัวนี้แล้ว ทุกคนก็ยิ้มออกมาทันที

ส่วนแมวบริติช ช็อตแฮร์เมื่อเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวแล้ว มันก็กระโดดขึ้นมานั่งบนโต๊ะกินข้าวทันที ก่อนจะหันหน้ามามองยัยพลอยด้วยแววตาเอ็นดู

“ว่าไงยัยพลอย คิดถึงปู่มากขนาดนั้นเลยเหรอ” น้ำเสียงของชายชราดังออกมาจากปากของแมวบริติช ช็อตแฮร์ และถามย้ำกับยัยพลอยน้องสาวของผมอีกครั้ง

แต่อย่างไรก็ตามแทนที่ยัยพลอยน้องสาวของผมจะตอบคำถาม เธอกับลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปอุ้มแมวบริติช ช็อตแฮร์ขึ้นมากอดทันที

“ใช่แล้วค่ะ พลอยคิดถึงคุณปู่มากๆ เลยค่ะ” ยัยพลอยอุ้มแมวบริติช ช็อตแฮร์ขึ้นมากอดพร้อมกับตอบคำถามทันที และนั่นทำให้พวกเราที่มองดูอยู่ถึงกับยิ้มออกมาอีกครั้ง

โดยมองข้ามเรื่องที่แมวบริติช ช็อตแฮร์ตัวนี้กำลังพูดภาษาของคนออกมา ราวกับว่ามันสามารถพูดได้อย่างนี้จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel