CLOSE FRIEND 4
CLOSE FRIEND 4
วันต่อมา
หลังจากที่เมื่อคืนซัดเบียร์กับรามไปคนละสี่ขวดวันนี้เลยตื่นอีกทีก็ตอนที่ไอ้ยักษ์มารัวประตูเคาะห้อง ฉันเดินงัวเงียไปเปิดประตูให้มัน ร่างสูงมองสภาพฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหัว ฉันไม่สนใจสายตาเหนื่อยใจของเพื่อน แล้วเดินเกาหัวแกรกๆ กลับมาทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกรอบ
รามกลับไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่มันไม่ได้ปลุกฉัน ก็คง… จะไปรับน้องเหมยนั่นแหละ เพราะนี่ก็ฟ้ามืดแล้ว ไอ้ยักษ์คงจะเป็นคนที่เพื่อนคนอื่นส่งมาลากฉันให้ไปคอนโดเจินด้วยกัน
“เมาข้ามวันข้ามคืนเลยสิมึง ลุกไปแต่งตัวได้แล้ว”
“ขอนอนอีกแป๊บได้มะ?” ฉันซุกหน้าลงบนหมอนโดยไม่สนใจคำครหา ฉันมันได้ฉายาน้องขี้เมาประจำแก๊งอยู่แล้ว แม้จะเป็นผู้หญิงแค่คนเดียวในกลุ่มก็ตาม
“ไม่ได้ไอ้สัส… เดี๋ยวรถติด”
“อือ”
และสุดท้ายฉันก็ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวจนได้เพราะไอ้เพื่อนเวรเอาแต่ใช้เท้าสะกิดเรียกไม่หยุด ถึงจะบอกว่าแต่งตัว แต่เพราะขี้เกียจมากซ้ำยังไปแค่คอนโดเจิน ฉันเลยไม่แต่งหน้า แต่ใส่คอนแท็กต์เลนส์แทนแว่นกรอบบางที่ถูกวางทิ้งไว้ เสื้อผ้าก็เป็นแค่เสื้อสายเดี่ยวเอวลอยกับกางเกงขายาวเอวต่ำเพื่อความคล่องตัว
เวลาวิ่งไปอ้วกจะได้ไม่ต้องระแวงว่าจะนมหกหวอออกเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
นะ… ขอโทษที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่ TT_____TT
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
มาถึงคอนโดเจินก็ปาไปห้าทุ่มเข้าไปแล้ว คนอื่นๆ มาถึงกันหมดแล้ว ฉันเดินหาวหวอดๆ ตามหลังร่างสูงของไอ้ยักษ์เข้าไป ดูเหมือนจะไม่มีใครรอ เพราะทุกคนกำลังกระดกแก้วเหล้ากันอยู่หลังจากฉันได้ยินเสียงใครสักคนตะโกนว่า ‘หมดแก้ว’ นั่นแหละ
“กว่าแม่งจะตื่น” ไอ้ยักษ์รีบฟ้องเพื่อนทันทีที่ทุกคนหันมามองเรา
“มันมาได้ก็บุญแล้ว ดูสภาพ” เสียงที่จำได้ว่าเป็นเจินพูดกลั้วหัวเราะ
ฉันไม่สนใจพวกมันแล้วรีบเดินไปร่วมวงตรงโซฟาหนังเข้าชุดกันที่อาจจะต้องนั่งเบียดๆ กันหน่อยเพราะจำนวนคน มันมีที่ว่างเหลืออยู่แค่ข้างๆ ครามเท่านั้น และก่อนที่มันจะทำเป็นยกขาขึ้นเพื่อไม่ให้ฉันเข้าไปนั่งเบียดก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะฉันไวกว่ารีบวิ่งเข้าไปแทรกก้นลงข้างๆ มันทันที คนอื่นๆ พากันหัวเราะ ในขณะที่คนโดนแย่งพื้นที่ทำหน้าเซ็ง
“ครามจ๋า” ฉันยิ้มกว้างทำเป็นออเซาะคนข้างๆ ที่ยกมือมาดันหัวเอาไว้อย่างรู้ทัน
“พอเลยไอ้สัสขนลุก”
อะนะ… ดูสิ… ความพิศวาสระหว่างชายหญิงเหรอ? บอกเลยว่าไม่มี… =_____=
ฉันไม่สนใจแต่เอียงคอซบบ่ามันเอาไว้ ยกขาสองข้างขึ้นพาดกับที่วางแขนข้างๆ ตัว และก็เพิ่งได้สังเกตว่าคนอื่นนั่งตรงไหนกันบ้าง ยักษ์เพิ่งจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นเพราะไม่มีที่ให้ลง โซฟาอีกตัวมีเจินกับน้องอ้ายแฟนมันนั่งกกกันอยู่ซึ่งภาพนี้ฉันเห็นจนชินแล้ว ส่วนอีกตัวจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากราม… กับน้องเหมย
ฉันยิ้มให้ผู้หญิงอีกสองคนที่มาถึงก่อน น้องอ้ายเป็นแฟนเจินได้หลายเดือนแล้ว ร่างเล็กหุ่นอ้อนแอ้นอรชรอยู่ในเสื้อยืดของเจิน ใบหน้าสวยดูดื้อๆ แต่ก็เป็นคนยิ้มเก่ง ขี้อ้อน แถมยังตลก สร้างรอยยิ้มให้ทุกคนได้เสมอ พวกฉันเอ็นดูน้องมันมากเพราะเด็กนี่น่ารัก แค่เวลาไม่นานเท่าไหร่ก็มัดใจเสือผู้หญิงแบบไอ้เจินได้ นับถือจริงๆ
ส่วนอีกคนเหรอ… ฉันแค่รู้จักเหมยเพราะว่ารามเคยจีบน้องมัน เราเคยคุยกันบ้างนิดหน่อย แต่ไม่ได้สนิทอะไรกันหรอก น้องมันก็น่ารักดี หน้าตาสวย ตัวเล็กๆ ดูเป็นผู้หญิงแบบที่รามชอบนั่นแหละ ก็ค่อนข้างจะต่างกับฉันหน่อยๆ ถึงฉันจะเป็นคนหุ่นดีผอมบางนมตู้มแต่ก็เป็นคนตัวสูง แม้จะยังเตี้ยกว่าเพื่อนอยู่มาก แต่ก็เรียกได้ว่าสูงกว่าผู้หญิงด้วยกันเอง
ก็ดู… ไม่น่าทะนุถนอมเท่าไหร่หรอก
เลื่อนสายตาไปมองราม ก็พบว่ามันกำลังมองมาอยู่ก่อนแล้ว แต่พอเราสบตากันมันก็เบนสายตาหนีไป ฉันผุดตัวลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะไปหยิบแก้วมาเพิ่ม น้องอ้ายที่นั่งอยู่กับเจินรีบผุดตัวลุกเดินตามมาทันที
“เฮียรามพาใครมาอะเจ๊?”
“หืม?”
ฉันหันไปเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กที่เดินมากระแซะกอดแขน คนถูกถามทำหน้าบึ้งนิดหน่อยก่อนจะป้องปากบอก
“ก็มากับเฮียรามแท้ๆ แต่มองเฮียเจินไม่หยุดเลยเนี่ย”
“…”
ฉันเลิกคิ้วนิดๆ แล้วหันกลับไปมองยังวงเหล้าตรงห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายเมตร น้องอ้ายรีบพยักพเยิดให้ดูสิ่งที่ตัวเองบอก ฉันเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่ามันเป็นจริงอย่างที่น้องมันบอก แต่ไม่ใช่แค่เจินหรอกที่กำลังถูกมอง แต่เป็นทุกคนเลยต่างหาก…
“เห็นไหมล่ะเจ๊! เค้าบอกแล้ว” คนข้างพ่นลมหายใจเสียงดัง ฉันหัวเราะเบาๆ แล้วกอดคอน้องมันอย่างสนิทสนม
“ไม่มีอะไรหรอกน่า สงสัยตื่นเต้น คนหล่อเยอะไปหน่อย”
“หืม… แต่แค่เฮียรามก็คือหล่อไม่ไหวแล้วไหมล่ะ”
“…” มันก็… จริง…
ฉันพยายามปลอบใจน้องอ้ายว่าคงไม่มีอะไร แต่ก็คือสัญญาว่าจะช่วยดูให้ น้องมันก็เป็นงี้แหละค่อนข้างขี้หวงไอ้เจิน แต่ก็ปกติ… ผัวใครใครก็หวงไหมล่ะ…
ก็คงมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่ค่อยมีผู้หญิงคนไหนมาหึงมาหวงเพราะเป็นเพื่อนกับพวกมันมานาน เจอหน้าพวกมันก็คือเจอหน้าฉันด้วยน่ะแหละ… ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเพื่อนกัน…
ฉันยืนรินเหล้าให้ตัวเองเงียบๆ ในขณะเดียวกันเจินก็เดินไปหาไพ่มาให้เล่นกันเหมือนทุกที ไอ้ยักษ์รีบยื่นขวดส่งต่อมาให้ฉัน ทำหน้าเหยเกเพราะตัวเองเพิ่งถูกคนอื่นๆ สั่งให้ยกขวดสิบวิฯ
“มึงต้องยี่สิบวิฯ นะไอ้พริก ทำให้กูมาสายไปด้วยเนี่ย” มันทำหน้าบอกบุญไม่รับ ฉันหัวเราะแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร รีบคว้าขวดมาแล้วยืนกระดกอย่างไม่เกรงกลัว
“มึงจะไปยุมันทำไมเดี๋ยวก็อ้วกแตกอีก” เสียงไอ้ครามดังสอดขึ้น
“เรื่องไรกูต้องยอมแดกคนเดียว” นี่ก็เป็นเสียงของคนไม่รู้จักโตเถียงขึ้น
“…” ฉันกระดกขวดอึกๆๆๆ โดยไม่ต้องมีใครนับเวลาให้ เพราะรีบไปหน่อยทำให้เหล้าหกออกมาเลอะข้างปาก ฉันกลืนอึกสุดท้ายลงคอก่อนจะกระแทกขวดเหล้าที่พร่องลงไปเยอะวางลงบนโต๊ะ ยกแขนป้ายขอบปาก แล้วหันไปยักคิ้วให้ไอ้ยักษ์อย่างกวนๆ
ระหว่างที่ไอ้ครามกำลังบ่นกระปอดกระแปดเพราะขี้เกียจดูแล สายตาฉันก็หันไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีเข้มของรามที่กำลังมองมาอยู่ก่อนแล้ว แต่เพราะไม่อยากจะสบตามันฉันเลยละสายตากลับมาแล้วเดินไปนั่งเบียดอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับครามเหมือนเดิม
เจินเดินกลับมาแล้วพร้อมสำรับไพ่ที่เราใช้เล่นกันเป็นประจำ ทุกคนก็พากันเล่นไพ่นับแต้ม ดื่มเหล้า พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนเคยนั่นแหละ น้องเหมยเองก็ดูสนุกไม่แพ้คนอื่นๆ เพราะมีไอ้ยักษ์กับรามชวนคุย โดยที่ฉันไม่ต้องออกหน้าให้เหมือนที่มันขอเมื่อวาน
ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะแค่เห็นว่ารามมองน้องมัน ฉันก็รู้สึกอยากจะกระดกเหล้าให้หมดขวดเสียทุกครั้งไป ฉันมันก็เป็นคนขี้อิจฉาคนนึงนั่นแหละ คนที่ตัวเองชอบเสือกเป็นเพื่อนกัน… มันจะไปทำอะไรได้มากไปกว่าอิจฉาผู้หญิงพวกนั้นกัน…
“เมาแล้วมึงเนี่ย” เสียงรำคาญของไอ้ครามร้องขึ้นเมื่อฉันพยายามจะกอดแขนมันนอน
“กูไม่ได้เมา กูแค่พักสายตา” ฉันบอกโดยไม่ลืมตาขึ้นมอง
“มึงเมาก็ไปนอน” เสียงเจินบอกมาอีกคน ฉันปรือตาขึ้นนิดๆ ยกยิ้มกว้าง
“แหม…มึงไม่ได้จะเก็บห้องไว้นอนกับน้องอ้ายเหรอ?”
“ไอ้สัส!” คนโดนแซวปาไพ่ที่ตัวเองถืออยู่ใส่ฉันอย่างขัดเขิน คนในอ้อมแขนมันกลับยิ้มกว้าง
“อะๆ มาๆ แดกต่อ”
ฉันผุดตัวลุกขึ้น เปลี่ยนเป็นลงไปนั่งขัดสมาธิบนพื้นข้างๆ ไอ้ยักษ์ที่ก็ดูเมามากแล้วเหมือนกันสังเกตได้จากใบหน้าหล่อที่กำลังขึ้นสีแดงจัด นอกจากฉันที่แพ้ยับแล้วก็มีมันนี่แหละที่ช่วยแบ่งเบาเทพเจ้าแห่งความซวยไปบ้าง
“กูเบื่อแล้วเปิดเพลงดีกว่า” ไอ้คนหน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เสยผมอย่างหงุดหงิด
“กูเห็นด้วย อยากเต้น” แต่ครั้งนี้ฉันสนับสนุนมัน
“กูอีกแล้วสินะ” ไอ้เจินผู้เดินไปเดินมาเป็นรอบที่สิบเกาหัวแกรกๆ อย่างเซ็งๆ แต่ถึงงั้นมันก็ยอมผละลุกไปอีกรอบ ขายาวๆ เดินกลับมาพร้อมกับลำโพง และบูทดีเจขนาดกะทัดรัดที่พวกเราเอาไว้เปิดเพลงอีดีเอ็มเวลามาปาร์ตี้กันแบบส่วนตัวที่ห้อง
ร่างสูงของไอ้ยักษ์ลุกขึ้นยืน เดินเซไปเซมาไปเอาไฟผับมากดสวิทช์เปิด ก่อนจะเดินไปปิดไฟ ห้องทั้งห้องกลายเป็นผับขนาดย่อมไปในทันที เสียงเพลงที่มิกซ์มาแล้วดังกระหึ่มขึ้นก่อนที่จะหรี่เบาลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนห้องอื่นๆ แต่ถึงงั้นผ่านมาแล้วสี่ปีก็ไม่เคยมีใครมายุ่งวุ่นวายอะไร เพราะชั้นนี้ทั้งชั้นแทบจะไม่มีคนอยู่เลย
เสียงดนตรีอัดบีทหนัก รวมทั้งแสงไฟแบบไร้ทิศทางยิ่งทำให้ฉันเมาหนักเข้าไปใหญ่ และเพราะอยากจะสนุกอย่างเต็มที่ฉันเลยคว้าขวดเหล้ามากระดกอีกรอบ จนครามที่บังเอิญเห็นต้องมาดึงแย่งจนหลุดจากมือไป มันคงกลัวว่าต้องมานั่งตามเก็บอ้วกฉันเหมือนครั้งก่อนๆ นั่นแหละ
ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มโยกตัวนิดๆ อย่างฮึกเหิม ส่งเสียงเรียกน้องอ้ายให้มาเต้นด้วยกัน เด็กนั่นก็รีบดีดตัวลุกขึ้นมาหา พร้อมทั้งเอาเหล้าขวดใหม่มาส่งให้อย่างรู้งาน ฉันแทบจะสำลักเหล้าตายเพราะเห็นสายตาหงุดหงิดของไอ้ครามที่ตอนนี้ยึดโซฟาไปครองคนเดียวนอนพาดขาไว้บนพนักพักแขน แต่ถึงงั้นมันก็ไม่ได้มาแย่งเหล้าไปอีกรอบ ราวกับรำคาญที่จะขัดแล้ว
เจินเดินกลับมานั่งลงที่เดิมพร้อมทั้งหัวเราะเมื่อเห็นว่าฉันกับเมียมันกำลังกอดคอกันเต้นอยู่ เต้นแบบกะโหลกกะลา ไม่ใช่เซ็กซี่อะไรหรอก พวกฉันมันสายฮา ยิ่งอยู่ท่ามกลางผู้ชายเป็นโขยงแบบนี้จะให้เซ็กซี่ก็ยังไงอยู่ ไอ้ยักษ์เดินไปเอาหมอนออกมาจากห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงบนพื้น ก่อนจะนอนเลื่อนมือถือเล่นโดยไม่ได้หันมาสนใจคนอื่นๆ อีก
จริงๆ ฉันก็อยากเรียกเหมยให้มาเต้นด้วยกันอยู่หรอก แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องแล้ว เพราะว่ารามกำลังชวนน้องมันคุยกันสองคนเงียบๆ ระยะห่างเมื่อกี้แคบลงไปอีก ยิ่งไฟมืดๆ แบบนี้แล้วด้วย…
ฉันไม่อยากเห็นเลยต้องหันหลังให้ภาพนั้น แล้วหันมาสนุกกับอ้ายแทน
แต่มันก็ยาก… มันก็ยากแทบทุกครั้งนั่นแหละเวลาที่ต้องเห็นอะไรแบบนี้ ฉันไม่ได้รู้สึกกับมันมากจนจะเป็นจะตาย… แต่ก็มากพอที่จะทำให้หน่วงหัวใจ และก็จบด้วยการที่ฉันเมาเป็นหมาเหมือนเดิม
หลังจากที่เต้นจนหอบ ฉันก็นั่งพักเพราะไอ้ครามเดินออกไปสูบบุหรี่ โซฟาที่ว่างอยู่เลยตกเป็นของฉันในบัดดล น้องอ้ายเดินไปอ้อนไอ้เจิน ในขณะที่ไอ้ยักษ์ยังคงนอนกระดิกเท้าอยู่บนพื้นหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับหน้าจอมือถือ
ฉันไม่รู้ว่าอีกสองคนกำลังทำอะไร…
และไม่อยากจะมองด้วย แต่ร่างกายก็ไม่ค่อยจะฟังกันสักเท่าไหร่ เพราะสายตาฉันก็เหลือบไปมองพวกมันอยู่ดี แต่ที่แปลกคือรามกำลังมองมาที่ฉัน ถึงแม้ว่ามันจะตัวติดอยู่กับน้องเหมยก็ตาม เด็กนั่นนอนซบบ่ากว้างของเพื่อนฉันทำเหมือนเคลิ้มๆ จะหลับ
ครามเดินกลับเข้ามาพอดีฉันเลยละสายตากลับมาแล้วกระโดดลุกขึ้นยืนคืนที่ให้เพื่อนนั่งแทน ก่อนจะแอบหิ้วขวดเหล้ามากอดไว้โดยไม่ทันได้มีใครสังเกตเห็น เดินออกไปนอกระเบียงกว้าง ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เข้าชุดกันจัดเอาไว้เพื่อให้บรรดาสิงห์นักสูบทั้งหลายมานั่งสูบนี่แหละ
แต่ตอนนี้ฉันจอง
นั่งกระดกเหล้าเพลินๆ มองฟ้าสีดำทะมึน ไม่เห็นดาวสักดวงเพราะแสงใจกลางเมืองมันเยอะ ห้องของเจินอยู่สูงถึงชั้นที่ 23 ขนาดนั่งอยู่นอกระเบียงยังแทบไม่ได้ยินเสียงเพลงทะลุออกมาเลย คอนโดคนรวยก็งี้… ระบบเก็บเสียงดี ถ้าเป็นหอฉันคงไม่ได้ฟีลนี้หรอก
ฉันนั่งเมาๆ อยู่ไม่นานก็มีใครสักคนเลื่อนประตูเปิดออก ร่างสูงของรามเดินออกมาพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปาก มันชำเลืองมองมาโดยไม่ได้พูดอะไรเดินไปเกาะขอบระเบียงจุดบุหรี่พ่นควันเงียบๆ
ฉันทำเป็นหลับตาเพราะขี้เกียจคุยกับมัน แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อสัมผัสเย็นๆ เตะเข้าที่ข้างขาซึ่งกำลังเหยียดยาวพาดไว้บนโต๊ะ รามใช้เท้าสะกิดเรียก มันพยักพเยิดเข้าไปข้างใน
“มานอนทำห่าอะไรตรงนี้ ไปนอนไป”
“กูยังไม่ได้หลับ แค่พักสายตา”
“เดี๋ยวก็ไม่สบาย”
“อืม… ขอพักแป๊บ”
“ลุกขึ้น”
“อืม… แป๊บนึง”
ตัวฉันที่หลับตาลงอีกรอบ ถูกคู่สนทนาหิ้วปีกลุกขึ้นยืน ร่างกายซวนเซจะล้มเพราะยืนกะทันหันเลยต้องลืมตาเกาะบ่ามันเอาไว้ กลิ่นบุหรี่ลอยอยู่ข้างแก้มนี่เอง ใบหน้าหล่อจัดของมันหันมาขมวดคิ้วมองสภาพเมาๆ ของฉันแล้วส่ายหัว
“เมาแล้วเรื้อนตลอดเลยมึงเนี่ย”
“…”
ฉันไม่ตอบมันแต่ยืนเกาะบ่าคนตัวสูงโยกตัวไปมาเหมือนเด็กๆ ขวดเหล้าถูกกระดกเข้าปากอีกครั้งเพราะความขี้เมา ก่อนจะถูกรามแย่งไปวางกระแทกไว้บนโต๊ะ มันตั้งท่าจะพาฉันเข้าไปนอน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันยังอยากอยู่ตรงนี้อยากใกล้ชิดกับมันนานกว่านี้…
“พริกยืนนิ่งๆ สิวะ”
“อืม… ยืนไม่ไหว”
“…”
คนตรงหน้าพ่นลมหายใจอย่างรำคาญ แต่ถึงงั้นมันก็คว้าเอวเปลือยของฉันไว้ แล้วกระเตงลากฉันกลับเข้ามาในห้อง ได้ยินเสียงคนอื่นๆ บ่นว่าฉันเมาเป็นหมาอีกแล้ว
“พามันไปนอนเลย” เสียงเจินเอ่ยบอกมา “เดี๋ยววันนี้กูนอนข้างนอกก็ได้ ให้พวกผู้หญิงนอนในห้องไปเลย”
“รีบพามันไปนอนเลยเดี๋ยวอ้วกแตกอีก”
“ไล่กูกันจริงๆ”
ฉันหัวเราะเบาๆ พูดอ้อแอ้ไม่เต็มเสียง มองไปเห็นพวกมันกำลังพากันส่ายหน้ากับสภาพผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่เมาเละเทะเหมือนเคย ตัวฉันถูกลากไปยังห้องนอนของเจิน เสียงประตูปิดลง พร้อมเสียงเพลงที่ลดระดับลงเพราะมีกำแพงห้องกั้น
“ยืนนิ่งๆ” เสียงรำคาญใจของรามดังขึ้นเหนือหัว มันพยายามจะลากฉันเดินไปที่เตียง
และแค่อึดใจเดียวร่างฉันก็ถูกยกไปไว้ที่เตียงได้สำเร็จ ไฟในห้องไม่ได้เปิด ฉันมองไม่เห็นหน้าราม รู้แค่ว่ามันกำลังยืนเท้าสะเอวมองเงียบๆ อาจจะเพราะเมามากฉันเลยควบคุมสติตัวเองไม่ค่อยได้เท่าไหร่
แขนสองข้างยกขึ้นกวักมือเรียกร่างสูง
“อะไร?”
มันโน้มตัวลงมาหาตะแคงคอฟังเสียงอ้อแอ้พูดแทบไม่รู้เรื่องของฉัน
“นอนด้วยกัน… กูเหงา…”
