CLOSE FRIEND 3
CLOSE FRIEND 3
หลังจากที่เคลียร์ห้องเสร็จฉันก็ยืนปาดเหงื่ออย่างหมดแรง แค่เก็บห้องแค่นี้กินเวลาไปเป็นชั่วโมง คนที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้หลับไปแล้ว รามนอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้ม แต่มือถือข้างๆ ตัวยังคงมีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาไม่หยุด ฉันไม่ได้หันไปสนใจมันอีก เดินไปหยิบเสื้อในตู้มาเปลี่ยนเพราะตัวเก่ามันชื้นเหงื่อ และเพราะเห็นว่าเพื่อนนอนหลับอยู่ซ้ำยังหันหน้าไปอีกทางฉันก็เลยเปลี่ยนมันง่ายๆ ตรงนี้ไปเลย
ทั้งเสื้อ ทั้งบรา ถูกโยนใส่ตะกร้าที่วางอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเปลี่ยนตัวใหม่ใส่แทนโดยที่มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ฉันไม่ค่อยมีเสื้อยืดหรืออะไรที่เรียบร้อยเท่าไหร่ พอใส่เสร็จก็ว่าจะเดินไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย แต่กลับต้องชะงักเท้าลงเพราะคนที่กำลังหลับอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้มันตื่นแล้ว สายตานิ่งๆ มองมาเงียบๆ
“กูก็ผู้ชายไหมล่ะ?” รามเอ่ยทันทีที่เราสบตากัน มันส่ายหัวอย่างเอือมระอากับนิสัยที่ไม่ค่อยจะระมัดระวังตัวของฉัน
“มึงก็ทำเป็นมองไม่เห็นดิ” ถึงจะเขินจนแก้มร้อนฉ่าที่มันดันมาเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉัน แต่แน่นอนว่าฉันไม่อยากทำให้บรรยากาศระหว่างเรามันแปลกเลยเถียงสวนขึ้นทันควัน
“…”
มันไม่ตอบแต่ลากสายตามองเรือนร่างฉันแทน ก่อนที่จะเบนสายตาไปทางอื่นโดยไม่มีคำพูดใดๆ อีก ฉันเลยสบโอกาสรีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปสงบสติอารมณ์ที่แตกตื่นอย่างหนักของตัวเอง
กระจกเงาที่สะท้อนกลับมาทำให้รู้ว่า แก้มสองข้างของฉันตอนนี้ก็คือแดงไม่ไหวแล้ว… อยากจะบ้าตาย! แล้วฉันจะทำยังไงให้ตัวเองหายหน้าแดงกับเพื่อนตัวเองล่ะเนี่ย!
หลังจากทำใจอยู่นาน ใช้น้ำล้างหน้าร้อนระอุของตัวเองอยู่หลายรอบ ฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ รามไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว มันกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงของห้อง ฉันเลยเดินไปทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง
ไม่นานร่างสูงก็เดินกลับเข้ามา สายตานิ่งๆ มองมาที่ฉันเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กัน เราต่างคนต่างเล่นโทรศัพท์ จนกระทั่งมันผุดตัวลุกขึ้นนั่งนั่นแหละฉันถึงได้หันไปมอง
“คันหูว่ะ” มันทำท่าเอานิ้วแยงเข้าไปในรูหู สีหน้าดูหงุดหงิด “กูไปร้านให้เขาแคะหูให้ดีกว่า”
“ถามจริง?” ฉันเลิกคิ้วใส่มันแล้วหัวเราะเบาๆ “จะไปเสียตังทำไมเดี๋ยวกูแคะให้”
ฉันไม่พูดเปล่าแต่รีบดีดตัวลุกขึ้นเดินไปเอาไม้แคะหูใหม่เอี่ยมยังไม่เคยผ่านการใช้งานออกมาจากลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง หันกลับไปมองพบว่ารามยังคงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด และใช้นิ้วแยงรูหูตัวเองอยู่อย่างนั้น
“อะ! มา! กูทำให้ฟรีไม่คิดตัง”
“…”
ฉันนั่งขัดสมาธิ ตบหน้าตักตัวเองเพื่อบอกให้มันนอนลงมา คนตัวโตพ่นลมหายใจเสียงดังหงุดหงิดไม่เลิกกับอีแค่คันหู ฉันเลยคว้าคอมันลงมานอนบนตักเพื่อตัดรำคาญ
“มึงจะทำแรงเปล่าเนี่ย…” มันมองสบตาฉันตั้งท่าจะยกหัวขึ้นอย่างหวาดระแวง
“นอนเฉยๆ”
“เบาๆ นะเว้ย!”
ฉันไม่สนใจเสียงตีโพยตีพายของเพื่อน แต่กดหัวมันไว้บนตักพร้อมทั้งดันหน้ามันให้หันออกไปเพื่อที่จะได้แคะหูให้
หึ้ย!! มันคันไม้คันมือเหมือนคันหูเองเลยเนี่ย!
แล้ววินาทีต่อมาฉันก็ทำการแคะหูให้มันเงียบๆ โดยมีเสียงเพื่อนร้องครางเบาๆ ประกอบฉาก รามหลับตาแน่น และทุกครั้งที่ฉันแหย่ไม้เข้าไปในหูมันจะเกร็งไปจนถึงเท้า
“อ๊า…”
“เสียวเหรอ?” ฉันหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ในขณะที่มันผุดยิ้มขึ้นมาทั้งยังหลับตาอยู่นั่นแหละ
“ไอ้สัส…” รามยกมือขึ้นมาจับแขนฉันไว้พร้อมลืมตามอง “เดี๋ยวกูจะแคะให้มึงบ้าง ลองดูว่าจะร้องยิ่งกว่ากูไหม?”
“ได้จ้า กูไม่ร้องเป็นเด็กแบบมึงแน่ๆ” ฉันบิดยิ้มอย่างมั่นใจ คนตัวโตหัวเราะเสียงดัง แล้วเปลี่ยนข้างให้ฉันแคะ
แต่คราวนี้ฉันก็ต้องยิ้มไม่ออกเพราะว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ ของมันอยู่ห่างจากส่วนนั้นของฉันไม่ถึงคืบ ซ้ำฉันยังใส่กางเกงสั้นมาก และดูเหมือนตัวมันเองก็จะหุบยิ้มลงเหมือนกัน นัยน์ตาสีเข้มชำเลืองขึ้นมามองหน้ากันเงียบๆ บรรยากาศชวนอึดอัด ฉันก็เลยต้องทำเป็นไม่สนใจแล้วตะปบหูอีกข้างของมันไว้ แล้วตั้งหน้าตั้งตาแคะต่อ
ในขณะเดียวกันก็แอบเห็นว่าลูกกระเดือกของมันกำลังขยับเหมือนกำลังกลืนน้ำลาย ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอก แต่สายตาของมันจับนิ่งอยู่ที่เป้ากางเกงตัวเล็กของฉันจริงๆ
หะ… ให้ตายสิ… TT_____TT
“อะ! เสร็จแล้ว!”
“…”
ฉันปาดขี้หูแห้งๆ ลงบนหน้าท้องของมันอย่างลนลาน คนตัวโตเองก็รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว โชคยังดีที่มันฉลาดพอที่จะใช้ทิชชู่โกยขี้หูของตัวเองเอาไว้ไม่ให้หกลงบนที่นอน
เอ่อ… ถึงจะทุเรศไปหน่อยก็ทนอ่านหน่อยนะ TT^TTT
“ตากู!” คนตรงหน้าคำรามเสียงดัง บิดยิ้มเหี้ยมเกรียม
หลังจากนั้นมันก็หันมาคว้าคอฉันให้นอนลงบนตักมันบ้าง กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรไปรับคำท้าก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะว่าตอนนี้ใบหน้าของฉันหนุนอยู่บนตักมัน รามเหมือนจะไม่ได้สนใจอาการลนลานหนักของฉัน มันดูเหมือนอยากจะแก้แค้นกันมากกว่ารีบหันไปคว้าเอาไม้แคะหูอันใหม่ พร้อมทั้งจับจ้องใบหูของฉันอย่างตั้งอกตั้งใจ
“มึงโดนแน่” ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะด้วยน้ำเสียงโรคจิต ฉันยกมือฟาดแขนมันไปหนึ่งทีอย่างหงุดหงิด
“อย่าแกล้งนะ ทำเบาๆ”
“เออน่า”
รามใช้มือข้างหนึ่งประคองหัวฉันเอาไว้ ก้มหน้าลงมาใกล้ จนได้ยินเสียงหายใจ มันเม้มปากแน่น ดูตั้งอกตั้งใจยิ่งกว่าตอนเรียนสักร้อยเท่าเห็นจะได้ ความรู้สึกอะไรบางอย่างแกว่งอยู่ในหูฉันทำให้ต้องยกมือขึ้นมาจับแขนมันไว้ พยายามเม้มปากกลั้นเสียง คนตัวโตมองมาขำๆ
“อย่ากลั้นดิ”
“ยะ… อย่า…” ฉันร้องครางออกมาเบาๆ จนได้เพราะไอ้เพื่อนเวรแกล้งไม่เลิก
“ร้องดังกว่ากูอีก” มันทำหน้าเป็นต่อ พร้อมทั้งป้ายขี้หูลงบนเสื้อฉันเพื่อเอาคืน
“พอแล้ว”
“เดี๋ยว! อีกข้าง”
ไม่พูดเปล่ามันจับคอฉันตะแคงเข้าหาหน้าตักตัวเอง และฉันก็เพิ่งรู้ตอนนี้นี่เองว่าเมื่อกี้รามมันรู้สึกยังไง...
บ็อกเซอร์ของคนตัวโตดูเหมือนจะแน่นไปหน่อยตรงเป้า เพราะลำขนาดใหญ่เห็นได้ชัดแม้จะมองจากภายนอก ฉันทำเป็นมองไม่เห็นแล้วหลับตาลงซะ มันใกล้ชนิดที่ว่าอีกแค่ไม่กี่เซนติเมตรจมูกฉันก็แทบจะสัมผัสส่วนนั้นของมันได้อยู่แล้ว!!! ถ้าเลือดกำเดาอีพริกไหลออกมาตอนนี้จะมองหน้ามันยังไง!!
“เสร็จแล้ว”
และพอมันดึงที่แคะหูออกจากหู ฉันก็เลยรีบเงยหน้ามองทันที รอยยิ้มขบขันของคนตรงหน้าดูสนุกเอามากๆ ที่แกล้งกันได้ ฉันผุดตัวลุกขึ้นนั่ง เรือนผมที่มัดอยู่กลางหัวหลุดลุ่ยไปหมด
บรรยากาศระหว่างเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม รามทิ้งตัวนอนกระดิกเท้าอย่างสบายใจเฉิบ ในขณะที่ฉันเองก็หมุนตัวนอนหันหลังให้มัน เหมือนความใกล้ชิดเมื่อกี้นี้ไม่มีอะไรที่มากเกินกว่าคำว่าเพื่อนกัน
นอกจากฉันจะเป็นคนขี้เมาแล้ว ฉันก็เป็นคนขี้เซามากด้วย หลังจากนอนเล่นมือถือได้ไม่นานก็ต้องโยนมันทิ้งไปแล้วพึมพำบอกเพื่อนที่กำลังนอนตอบแชตเสียงดัง 'แต๊ก แต๊ก แต๊ก’ อยู่ข้างหลัง ก่อนที่จะหลับตาลงเพราะความง่วงงุน
“กูง่วงนอนแป๊บ ถ้าจะไปก็ปลุก”
“เออ”
23.00 น.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฉันนอนหลับยาวตั้งแต่บ่ายยันดึก โดยที่ไม่ได้รับการปลุกใดๆ จากรามเลย พอลืมตาตื่นขึ้นมาฟ้าก็มืดแล้ว ในห้องไม่มีใคร แต่ก็เดาได้ว่ารามยังไม่กลับอาจจะลงไปซื้ออะไรมากิน เพราะซองบุหรี่ แหวน นาฬิกา รวมถึงกางเกงยีนราคาแพงของมันยังวางพาดอยู่บนเก้าอี้
ฉันนอนขยี้ตาอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ผ้าห่มวางกองอยู่ที่คอ ทั้งๆ ที่ก่อนนอนฉันไม่ได้ห่มผ้าด้วยซ้ำ ก็คงเป็นรามนั่นแหละที่ห่มให้เพราะมันมักจะด่าฉันประจำเรื่องที่ไม่ค่อยระวังตัว หลังจากที่นอนสะลึมสะลืออยู่สักพัก บานประตูห้องก็เปิดออกพร้อมร่างสูงเดินกลับเข้ามา มือสองข้างของมันหิ้วถุงข้าวพร้อมกับถุงใส่เบียร์เอาไว้
“แดกเบียร์กัน” ขายาวๆ ก้าวผ่านหน้าฉันไปเอาเบียร์หลายขวดแช่ตู้เย็นไว้ ก่อนจะหันมาพยักหน้าเรียก “แต่แดกข้าวก่อน”
“อืม… ไม่หิวเลย” ฉันผุดตัวลุกขึ้นนั่ง มองมันผ่านสายตาเบลอๆ เพราะแว่นถูกถอดออกไป
คนตัวโตเดินเข้ามาหิ้วปีกฉันลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะยัดแว่นกรอบบางสวมลงบนดั้งจมูกฉัน ฉันถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปนั่งกินข้าวกับมัน สภาพก็คือคนเพิ่งตื่น หัวยุ่งเหยิงไปหมด ขี้ตายังเกรอะกรังติดขอบตาอยู่เลย
“มึงไม่กลับบ้านเหรอ?” ฉันเคี้ยวข้าวกร้วมๆ เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลับง่ายๆ ยิ่งหิ้วเบียร์มาแบบนี้ด้วยแล้วบอกเลยว่ายาก
“แม่กูอยู่… ขี้เกียจกลับ”
“เด็กเลว”
ฉันด่ามันซึ่งๆ หน้า และหน้าหนาๆ แบบมันคงไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่งั้นคงไม่ลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้หรอก และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันมานอนกับฉันสองคนสักหน่อย
และใช่… ฉันเคยนอนแบบสองต่อสองกับเพื่อนทุกคนมาแล้ว และมันก็… ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น…
“ตอนมึงหลับ… ไอ้เจินโทรมาบอกว่าให้พรุ่งนี้ไปแดกเหล้าที่คอนโดมัน” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้น โดยไม่มองหน้ากัน
“อือฮึ… กูต้องไปไหม?” ฉันถอนหายใจเบาๆ ถ้ากินเหล้ากันที่ห้องทีไรก็คือเละเป็นขี้นั่นแหละ
“ไปดิ น้องเหมยจะได้มีเพื่อนคุยด้วย”
“…” ฉันชำเลืองมองหน้ามันเงียบๆ รู้สึกเจ็บนิดๆ เหมือนมดกัด “มึงจะเอาน้องมันไปด้วย?”
“อืม… ก็ถ้าพวกมึงโอเค”
“ตามใจมึงสิ ใครเขาจะห้าม”
“งั้นมึงก็ต้องชวนน้องมันคุยด้วย เพราะมึงเป็นผู้หญิงคนเดียว” รามยื่นหน้าข้ามโต๊ะมา มันออกจะเป็นประโยคบังคับมากกว่าจะร้องขอ
“เออ” ฉันพยักหน้าส่งๆ คนตรงหน้าเอื้อมมือมาขยี้ผมที่ยุ่งอยู่แล้วให้ฟูหนักเข้าไปใหญ่
มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกอีกนั่นแหละ ที่พวกมันจะพาผู้หญิงมากินเหล้าด้วย แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นนอกจากครามที่ไม่ค่อยจะสนใจพวกผู้หญิงแล้ว รามก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยจะชวนผู้หญิงมากินเหล้าด้วยกันเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่มันพามา ฉันก็ต้องรู้สึกหดหู่ทุกครั้งที่จะต้องทนมองภาพบาดตา
ครั้งนี้ก็คงจะเหมือนๆ กัน
