บท
ตั้งค่า

CHANGE YOU PART 1 (3/3) มิตรภาพจากคู่กัด

ไม่ถึง 10 นาที พี่เอกที่บ้านอยู่ห่างจากสถานที่ที่ฉันอยู่อย่างไกลโพ้น ก็มาปรากฏกายตรงหน้า

ฉันโผเข้ากอดเขาด้วยร่างกายที่ยังอยู่ในอาการสั่นเทา ทั้งๆ ที่เคลื่อนย้ายตัวเองให้ออกมานั่งอยู่ในจุดปลอดภัยแล้วแท้ๆ

“ตายแล้วคุณน้องอิม! เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมตัวสั่นหน้าซีดขนาดนี้?”

บุคคลที่บึ่งรถมาหาฉัน โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมาก รู้เพียงแค่ว่าตอนนั้นเสียงฉันสั่น และมันมีแต่ความหวาดกลัวเจืออยู่เต็มไปหมด เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล

“อิมโดนปล้นทรัพย์ค่ะ”

ฉันยังคงไม่ยอมคลายอ้อมแขน ที่รัดรอบเอวของคนซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้า พี่เอกเองก็ทำอะไรไม่ถูก เขาเพียงแต่ลูบผมฉันไปมาเบาๆ อย่างปลอบประโลม

“แล้วน้องอิมบาดเจ็บตรงไหนไหม ได้รับอันตรายหรือเปล่าคะ?”

ร่างสูงพยายามดันฉันออก ก่อนจับเอียงไปเอียงมาเพื่อดูรอบๆ ร่างกาย สายตากังวลกวาดมองเรือนร่างฉันจนทั่ว และเมื่อเห็นว่าไม่มีแม้ร่องรอยขีดข่วน ก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“อิมไม่เป็นอะไรค่ะ มันได้เงินแล้วก็หนีไป ไม่ได้ทำอะไรอิม”

“แล้วน้องอิมแจ้งการ์ด หรือแจ้งตำรวจหรือยังคะเนี่ย?”

“ยังค่ะ อิมยังไม่ได้แจ้งใครเลย ตอนนั้นอิมกำลังกลัว คิดอะไรไม่ออก”

“ป่านนี้มันก็คงหนีเตลิดไปไหนต่อไหนแล้วล่ะค่ะ ดีนะคะเนี่ยยังนึกได้ว่าต้องโทรหาพี่”

“...”

“แล้วน้องอิมพอจะจำหน้ามันได้ไหมล่ะคะ? เราจะได้ไปแจ้งความกันถูก” เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่นิ่งเงียบมองมือตัวเอง พี่เอกจึงถามต่อ

“จำได้ค่ะ แต่อิมว่าอิมจะไม่แจ้งความ”

เพราะไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวาย บวกกับไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งนั้นในตอนนี้ ฉันจึงเลือกที่จะไม่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จบเงียบๆ แหละดีที่สุดแล้ว

“เอ้า! ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ จะปล่อยมันไปทำไม?”

“อิมไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายค่ะ ไม่อยากไปโรงพัก ตอนนี้อิมอยากกลับบ้าน” ฉันเงยหน้าทำสายตาอ้อนวอนอย่างร้องขอให้เขาเข้าใจ และยอมโอนอ่อนตามความต้องการของฉัน และดูเหมือนมันจะสำเร็จ

“โอ๊ย! พี่เอกกี้ล่ะปวดหัวกับคุณน้องอิมจังเลย”

“ถือว่าทำบุญฟาดเคราะห์ครั้งใหญ่ไปละกันค่ะ อีกอย่างอิมไม่ได้บาดเจ็บด้วย ช่างมันเถอะ”

“ตามสะดวกเลยค่ะคุณน้อง ป่ะ! กลับบ้านกันเถอะ”

ฝ่ามือหนาจับเรียวแขนของฉัน และค่อยๆ ยกประคองให้ยืนขึ้น พี่เอกกี้พาฉันเดินไปยังรถยนต์ของตน ซึ่งจอดขวางอยู่ด้านหน้าทางเข้าไนต์คลับแบบไม่เรียบร้อย ดูออกได้ในทันทีว่าเขารีบมามาก

ไม่คิดเลยว่าคนที่กัดกับฉันทุกครั้งที่เจอหน้า ทะเลาะกันเหมือนคนที่เกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ดูยังไงๆ ก็ญาติดีกันไม่ได้แน่ๆ ในชาตินี้ กลับเป็นคนที่ฉันคิดถึงยามประสบกับเหตุการณ์เสี่ยงตาย แถมยังพึ่งพาได้ยามลำบากแทบจะในทันที

ต่อจากนี้ฉันคงจะต้องทำตัวดีๆ กับเขาบ้างแล้วแหละ มิตรภาพดีๆ แบบนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ

ใช้เวลาไม่นานพี่เอกก็พาฉันมาถึงที่บ้าน เขาไม่เพียงแค่มาจอดรถส่ง แต่กลับประคองฉันเข้าไปถึงด้านในห้องนอน สัมภาระของฉันที่พกไปด้วยทุกอย่าง พี่เอกกี้จัดวางไว้ให้อย่างเป็นระเบียบตามโซนของมัน

แม้กระทั่งรองเท้ารัดน่อง เขาปลดมันออกจากเรียวขาให้อย่างไม่ถือตัว ในขณะที่ฉันนอนเป็นผักไร้วิญญาณอยู่บนเตียงเฉยๆ

“อาการมันเป็นยังไงคะน้องอิม นี่คุณน้องพกสติสตังกลับมาด้วยหรือเปล่า?”

ร่างหนาทรุดกายนั่งลงบนพื้นที่ว่างตรงขอบเตียง พร้อมยกชายผ้านวมที่กองอยู่ช่วงเอวฉันขึ้นมาคลุมกายให้ ความอบอุ่นอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำให้ฉันเผลอร้องไห้ออกมา และเมื่อพี่เอกกี้เห็นว่าฉันสะอื้นเขาก็ร้องอย่างตกใจ

“ว๊ายตายแล้ว! คุณน้องอิมร้องไห้ทำไมคะ ยังกลัวอยู่เหรอ?”

ท่าทีลนลานตาเหลือกตาปลิ้นนั่นทำฉันหลุดหัวเราะ ทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย ฉันกำลังทั้งหัวเราะและร้องไห้ จนคนที่อยู่ตรงหน้าตามอารมณ์ไม่ทัน

“ขอบคุณพี่เอกมากนะคะสำหรับวันนี้ คงจะลำบากแย่ขับรถมาตั้งไกล”

“เฮ้อ~ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณน้องอิมปลอดภัยก็ดีแล้ว”

เรียวนิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกให้ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น อย่างที่ฉันไม่เคยได้รับจากใครนอกจากคุณอร

“อิมดีใจนะคะที่เห็นหน้าพี่ ถ้าไม่ได้พี่อิมคงทำอะไรไม่ถูก พี่เอกอยากได้อะไรตอบแทนสำหรับความดีในวันนี้ไหมคะ อิมจะให้ทุกอย่าง”

“ไม่ต้องตอบแทนอะไรให้พี่ทั้งนั้นแหละค่ะคุณน้อง”

“ทำไมล่ะคะ?”

“อย่างแรกเลยมันเป็นเพราะหน้าที่ พี่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเรา พี่ย่อมมีหน้าที่ต้องดูแลเราอยู่แล้ว”

“…”

“อย่างที่ 2 ที่สำคัญมากๆ เลยนะคะ พี่เป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจ ถ้าคุณน้องอิมเดือดร้อนพี่ก็ต้องช่วย คนสวยไม่ใจร้ายหรอกค่ะ”

พูดจบพี่เอกก็ยกมือปัดผมสั้นๆ ที่ระต้นคอของตัวเองอย่างเชิ่ดๆ นี่ถ้าเป็นเวลาปกติ ฉันคงด่าเขาว่า ‘มั่นหน้า’ ไปแล้ว แต่นี่พึ่งจะผ่านช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานมา แล้วเขาก็พึ่งเป็นฮีโร่ขับ BMW สีขาวมาช่วยฉันเอาไว้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ฉันจะเออออห่อหมกตามไปก่อน

“ค่ะ พี่เอกกี้สวยมาก สวยที่สุดใน 3 โลกเลยค่ะ แต่ถ้าในแดนนรกน่าจะสวยที่สุด” แต่สุดท้ายฉันก็อดที่จะแอบจิกกัดเขาไม่ได้อยู่ดี

“แหม~ พูดดีกับพี่ได้ไม่กี่ประโยคเองนะคะ กัดกันซะละ” เขามองค้อนใส่ฉันอย่างงอนๆ เรียกรอยยิ้มให้ฉันได้มากเลยทีเดียวกับท่าทางนั้น

“สรุปไม่เอารางวัลจริงๆ ใช่ไหมคะ?”

ฉันถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาอยากเปลี่ยนใจ ฉันไม่โกรธหรือมองไม่ดีหรอกหากเขาเรียกร้องอะไร มันเป็นสิ่งที่ฉันเต็มใจจะให้เขาอยู่แล้ว

“ก็ถ้าจะให้รางวัลสำหรับความดีของพี่ในครั้งนี้จริงๆ พี่ขอแค่ให้คุณน้องอิมเป็นเด็กดี หัดเชื่อฟังในสิ่งที่พี่บอกหรือขอให้ทำ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะค่ะ”

ไม่คิดเลยจริงๆ นะ ว่าสิ่งที่เขาจะขอจากฉันจะเป็นเรื่องนี้ มันเกินที่คาดเอาไว้มาก และดูเหมือนมันจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับฉันเสียด้วยสิ

ก็ฉันมันดื้ออ่ะ!

“เอ่อ...เปลี่ยนเป็น HERMES BIRKIN รุ่นลิมิเต็ดที่อยู่ในตู้กระเป๋าอิมแทนละกันนะคะ”

“กรี๊ด!! จริงเหรอคะคุณน้องอิม?”

และดูเหมือนพี่เอกจะถูกใจข้อเสนอใหม่ที่ฉันยื่นให้ นางรีบลุกพรวดและวิ่งเข้าไปในห้องเก็บกระเป๋าทันที ก่อนจะถือเดินหมุนตัวออกมาด้วยหน้าตาที่ดูมีความสุขสุดๆ

แน่นอนสิ มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากสำหรับฉัน กว่าจะได้กระเป๋าใบนี้มาเลือดตาแทบกระเด็น ออกอีเว้นท์รอบโลก 3 อาทิตย์ติด ไม่ได้หลับได้นอนขอบตาดำปี๋

ซึ่งก่อนที่จะอ้าปากเอ่ยออกมานั้น ฉันก็คิดหนักอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเป็นเด็กดี ฉันยอมเสียเบอร์กิ้นรุ่นลิมิเต็ดดีกว่า

ดื้อเสมอต้นเสมอปลายค่ะ จบนะ?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel