บทที่ 3
กริ๊งง กริ๊งง
ไม่ผิดจากที่คิดเมื่อชื่อของเพื่อนสนิทปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือ
“มาพบฉันที่เดิม ฉันให้เวลานายไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
“จะบ้าหรือไง ฉันอยู่แอลเอจะไปหานายที่นิวยอร์กทันได้ยังไงในครึ่งชั่วโมง”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้นายอยู่นิวยอร์ก อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่เดิม ถ้านายไม่มาคงรู้นะว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้น”
ลูฟมองหน้าจอมือถือที่ถูกตัดสายไปแล้ว เป็นอย่างที่คิดไว้ว่าหากแอชตันรู้เรื่องงานแต่งงานของตัวเองกับแพรวาจะต้องรีบโทรหาเขาแน่นอน แต่ที่เกินคาดเดาคือหมอนั่นดันรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่นิวยอร์กไม่ใช่ลอสแอนเจลิส ร่างสูงใหญ่จึงขยับลุกจากเก้าอี้คว้ากุญแจรถซูเปอร์คาร์คู่ใจแล้วรีบออกไปพบบุคคลสำคัญที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่ค้าทางธุรกิจตามเวลาและสถานที่นัดหมาย
ยี่สิบห้านาทีสำหรับการขับรถมายังที่นัดหมาย ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้มพับแขนขึ้นเหนือข้อศอกกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งสลัดคราบนักธุรกิจหมื่นล้านเหลือเพียงชายหนุ่มในลุคสบายๆ กับแว่นตาสีดำปิดบังใบหน้า หักเลี้ยวรถสปอร์ตคันหรูสัญลักษณ์กระทิงดุเข้าช่องจอดโดยไม่ทันสังเกตรถยนต์คันเล็กที่เปิดไฟขอทางอยู่ก่อนหน้าเพื่อถอยเข้าช่องจอด
“นี่คุณ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังถอยรถจะเข้าจอดช่องนี้ ไม่มีมารยาท”
ร่างสูงเพรียวในชุดรัดรูปสีดำอวดเน้นรูปร่างจนเห็นสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจนลงมาจากรถคันเล็กเพื่อต่อว่าเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูที่จอดรถตัดหน้าเธอทั้งๆ ที่เธอมาก่อน
“ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงจากรถเพื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ทำให้ใจเต้นผิดจังหวะ ผมสีน้ำตาลเข้มบวกกับเครื่องหน้าแบบคนเอเชียทำให้ชายหนุ่มสนใจเธอเป็นพิเศษ สัดส่วนโค้งเว้าพร้อมกับเรียวขาสวยที่โผล่พ้นชายกระโปรงที่แหวกขึ้นจากข้อเท้าจนเห็นขาอ่อน ทำให้ชายหนุ่มมัวแต่จ้องอีกฝ่ายจนไม่ได้ยินเสียงของร่างบางที่กำลังต่อว่าเขาอยู่ในขณะนี้
“นี่คุณ ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่นะ ได้ยินไหม ไม่มีมารยาทแล้วยังหูตึงอีก คนแก่ก็แบบเนี้ย”
แก่!!เขานี่นะแก่ หนุ่มฮ็อตอันดับหนึ่งของแอลเอที่สาวๆ รุมล้อมจนต้องเรียงคิวเข้าหาและเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมที่ถูกจัดอันดับให้เป็นผู้ชายน่ากอดที่สุดในโลก แต่กลับถูกผู้หญิงคนนี้กล่าวหาว่าเป็นคนแก่หูตึง มันน่าจับหอมแก้มเป็นการลงโทษสักทีสองที
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่ทันเห็นว่าคุณกำลังถอยรถเข้าที่จอดรถตรงนี้อยู่”
“ไม่ทันเห็นหรือตั้งใจกันแน่ รถทั้งคันนะไม่ใช่มดที่จะมองไม่เห็นหน้าตาก็ดีขับรถก็หรู แต่นิสัยใช้ไม่ได้ นี่แหละเค้าถึงว่าเงินซื้อจิตสำนึกดีๆ ไม่ได้”
พูดจบร่างบางก็สะบัดตัวกลับขึ้นรถแล้วขับวนออกไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมจางๆ ให้ชายหนุ่มได้สูดหายใจเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนจะเดินเข้าไปพบคนที่นัดหมายเอาไว้ในสถานบันเทิงแห่งนี้
“พีช ใจเย็นๆ เราวนรถหาที่จอดใหม่ก็ได้อย่าลงไปพูดให้เสียเวลาเลย” มิเกลเอ่ยกับเพื่อนรักเมื่อพีชญากลับเข้ามาในรถ
“ตาบอดหรือเปล่าไม่รู้ดันบอกว่ามองไม่เห็นรถทั้งคัน คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่ไม่มีมารยาท”
“เอาน่าๆ เดี๋ยวงานกร่อยนะขากลับให้คาลสันขับก็แล้วกัน” วารีก้าเอ่ยขึ้นบ้างเมื่อเห็นพีชญายังคงโมโหชายหนุ่มคนนั้นแล้วขับวนหาที่จอดรถด้วยความโมโหจนเธอต้องเกร็งตัวไปทั้งร่าง
กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็กินเวลาไปกว่ายี่สิบนาทีเพราะสถานบันเทิงแห่งนี้มักเต็มไปด้วยผู้คนเข้ามาใช้บริการกันอย่างหนาแน่น แค่นั้นไม่พอกว่าจะเบียดฝูงชนเข้าไปในร้านได้ก็ทำเอาแต่ละคนเหงื่อตกไปตามๆ กัน จนไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่เลือกร้านนี้
“คนเยอะไม่ใช่เล่นนะเนี้ย” มิเกลเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาด้านในสุดของร้าน
“คนเยอะสิดี จะได้สนุกสั่งเครื่องดื่มแล้วออกไปเต้นกันเถอะ” พีชญาบอกกับทุกคนก่อนที่คาลสันจะรับหน้าที่เดินไปสั่งเครื่องดื่มแล้วกลับมายื่นให้กับทุกคน
