บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 นอกสถานที่ (^_^)

- น้ำอุ่น -

ผมนั่งพิมพ์งานหลังจากเดินส่งเอกสารที่แผนกบัญชีและการตลาด ผมเรียนรู้งานได้มากตลอดสองวันที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้การเข้าประชุม และรู้จักองค์กรมากขึ้น ทำให้รู้จักผู้คนมากขึ้นด้วย พวกพี่ๆ ก็ใจดีกับผม อาจจะเป็นเพราะปากดีของผมเอง หรือเรียกอีกอย่างว่าตอแหลเก่ง มันเป็นสันดานที่แก้ไม่หาย

สาวที่แผนกบัญชีและแผนกการตลาดหวังจีบผม เธอสวยและเซ็กซี่ทั้งสองคนเลย แต่สาวแผนกบัญชีถูกจริตผมมากกว่า และเธอส่งสายตาให้ผมตลอด คิดเหรอว่าผมไม่รู้ แต่ผมไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้าผมคิดไปเองแล้วจะยุ่ง

พอพิมพ์เอกสารสักพักแล้ว มันรู้สึกง่วงอย่างไงไม่รู้ทั้งที่กินกาแฟมาแล้วก็ตาม สงสัยต้องกินคาปูชิโน่หวานน้อยแก้วหนึ่ง ผมลุกขึ้นก้าวเดินไปที่ห้องกาแฟ เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องกาแฟ สูบบุหรี่ได้ไหมวะ รู้สึกอยากสูบบุหรี่มากกว่าแดกกาแฟแล้วสิ

ผมหยิบซองบุหรี่พร้อมกับไฟแช็ก ผมจึงหยิบขึ้นมวนบุหรี่ขึ้นมาจุกไฟแช็กกับมวนบุหรี่ ผมสูบและพ้นออกมาเป็นควันสีขาวๆ สูบนิโคตินให้ฉ่ำปอดกันเลยทีเดียว แม่งผ่อนคลายชิบ

“ป้านวลไปไหนนะ ว่าจะบอกเรื่องห้องน้ำหน่อย” เสียงของคนที่ผมไม่อยากได้ยินดังอยู่นอกห้องกาแฟ ผมจึงรีบทิ้งบุหรี่ลงถังขยะทันที พร้อมเทน้ำลงไปในถังขยะ ว่าแต่ผมจะแตกตื่นทำไมเนี่ย

“มึงทำเหี้ยอะไร ควันมากมายขนาดนี้ มึงแอบมาสูบบุหรี่ใช่ไหม” เสียงของไอ้เสือมันด่าผมด้วยน้ำเสียงดุดัน

“เอ่อ” ผมตอบไปตามตรง

“ไอ้เหี้ย ทำไมมึงไม่สูบที่โถงสูบบุหรี่” มันถามผม อีกทั้งมันยังเท้าเอวเอวหลวมๆ ข้างเดียว

“กูไม่รู้นี่ว่าต้องไปสูบบุหรี่ที่ไหน” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดันเถียงมัน ก็กูไม่รู้จริงๆ นี่หว่า พี่ก้องก็ไม่ได้บอกว่าสถานที่สูบบุหรี่อยู่ตรงไหน

“อยู่ที่ลานจอดรถไงไอ้เวร” มันด่าผมกลับ อีเหี้ยโกรธอะไรเบอร์นั้น แค่กูสูบบุหรี่แค่นี้ กูไม่ได้ทำให้ใครตายสักหน่อย

“ก็กูไม่รู้” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อีกสิบนาที มึงไปรอกูที่ลานจอดรถ ถ้าช้าอย่าหาว่ากูไม่เตือน” มันบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ไปไหน” ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“มึงต้องไปเป็นเลขาให้กูนอกสถานที่ ถ้าไม่เข้าใจอะไรมึงก็ไปตามไอ้โย” มันบอกผมเช่นนี้ แล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป

“พี่ใหม่ไปไม่ใช่เหรอวะ ทำไมต้องให้กูไปด้วย” ผมตะโกนถามมัน

“ข้าเลือกเจ้าแล้ว” มันบอกด้วยน้ำเสียงกวนตีน แล้วหันมายิ้มให้ผม แค่เห็นหน้ามึงปกติ กูก็หัวร้อนอยู่ แล้ว มาเห็นมึงแบบนี้แม่งหัวร้อนเป็นสิบเท่า

เย็นไว้สามหมื่นเว้ย เดือนละสามหมื่น อีกสองปี กูก็จะเป็นไทยแล้ว...

ผมเดินมาที่ลานจอดรถพร้อมกับสมุดโน๊ตและแผนรายงานที่พี่ใหม่ให้มา ซึ่งจริงๆ แล้วพี่ใหม่ต้องไปกับมัน แต่ผมก็สังเกตปฏิกิริยาของพี่ใหม่แกดูกระดี๊กระด๊าเหมือนไม่อยากไป ใครจะไปทนสันดานเอาแต่ใจของมันได้ละ

“พี่โยสวัสดีครับ” ผมเอ่ยบอกพี่โย และยกมือไหว้เขา เขาก้ยกมือรับไว้ ผมหันไปมองพี่ๆ บอดี้การ์ดหน้าตาหล่อเหลาแทบทุกคน ไม่มีคนไหนหน้าโหดเหมือนที่ผมวาดภาพไว้

“ครั้งแรกสินะที่ออกทำงานนอกสถานที่กับคุณเสือ และเป็นวันที่ห้าของการทำงาน เตรียมไอแพดกับสมุดปากกาและเทปบันทึกเสียงมาแล้วใช่ไหม” พี่โยเอ่ยถาม

“ครับ เตรียมพร้อมแล้วครับ” ผมเอ่ยบอกพี่โยด้วยรอยยิ้ม

“พร้อมแล้วก็ขึ้นรถสิวะ จะรอให้ใครมาปูผมแดงให้” เสียงของไอ้เสือดังจากด้านหลังผม ผมหันไปมองมันที่เปลี่ยนเสื้อเชิ้ตสีแดงเข้ม เป็นสีดำ แค่ไปคุยกับลูกค้าต้องเปลี่ยนเสื้อเลยเหรอวะ

“มองอะไร กูหล่อเกินไปเหรอ” มันถามผมด้วยน้ำเสียงยียวนกวนส้นตี

“มั่นหน้ามั่นโหนกชิบหาย” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน” มันบอกแล้วเดินขึ้นรถตู้สุดหรูคันสีดำ แล้วมันก็กวักมือเรียกผม ผมจึงขึ้นไปนั่งข้างๆ มัน แล้วใช้มือเลื่อนประตูรถตู้

“มึงแต่งตัวให้มันดีๆ หน่อย กูจะไปหาลูกค้า” มันบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วหยิบเข็มขัดส่งมาให้ผม ผมมองเข็มขัดตัวเองว่าไม่ดีตรงไหน

“กูแต่งตัวไม่ดีตรงไหนวะ” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“สายเข็มขัดเปื่อยขนาดนี้ มึงเลิกใส่ไปเลย เอาอันนี้ไปใส่ กูใส่แค่ครั้งเดียว” มันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วยื่นเข็มขัดให้ผม ผมรับสายเข็มขัดมา ผมจึงปลดหัวเข็มขัดออก และดึงสายเข็มขัดเส้นขาดออกมาด้วย ผมมองสายเข็มขัดที่มันเปื่อยจริงๆ นั่นแหละ เพราะมันเป็นสายเข็มขัดตั้งแต่ผมเรียนตั้งแต่มอสี่ ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว มันก็ประมาณเจ็ดปีพอดี ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมมันถึงเปื่อย ผมมองสายเข็มขัดอีกครั้ง เห็นตรงชื่อเข็มขัดผมก็หนาวแล้ว ผมรู้ว่าเข็มขัดเส้นนี้หลายหมื่นบาท และอาจเหยียบแสนเลยก็ได้ เพราะมันเป็นหนังลูกวัวแท้

“เดี๋ยวเสร็จงานแล้วคืนให้” ผมเอ่ยบอก แล้วสอดสายเข็มขัดกับตัวยึดกางเกง

“กูให้” มันบอกผม ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความสงสัย

“ไม่เอากูไม่อยากมีหนี้บุญคุณกับใคร” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“กูให้อะไรใครแล้ว กูก็ไม่อยากได้คืน มึงเอาไปใช้เถอะ บ้านกูมีอีกหลายสิบเส้น” มันบอกเสียงเรียบ หันกลับไปมองถนนที่รถกำลังเคลื่อนออกจากตึกสู่ถนนใหญ่

เข็มขัดเหลือเพียงเส้นเดียวในชีวิต แต่ก็ขอบคุณนะมึง...

เมื่อถึงที่หมายแล้ว รถตู้คันนี้ก็จอดลง ผมซึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุด เพราะไอ้เสือมันนั่งอยู่ด้านใน ในฐานะลูกน้องของมัน ผมจึงเลื่อนประตูรถออก ทันใดนั้นผมกลับพุ่งตัวหัวทิ่มลงบนพื้นซีเมนต์โดยไม่ทันตั้งตัว

“โอ๊ย!!!” ผมร้องด้วยความเจ็บ เพราะพี่จักร บอดี้การ์ดของไอ้เสือมันเปิดออกมา ผมไม่อยากลุกขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ เพราะอะไรนั้นเหรอ อีกทั้งผมยังได้ยินเสียงไอ้เสือหัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกโกรธ

“หัวเราะเหี้ยอะไร” ผมเอ่ยอย่างหัวเสียหันไปมองมัน พี่ๆ บอดี้การ์ดต่างมองผมด้วยความตกใจ มันกลับยื่นมือมาให้ผม ไม่ต้องมาทำตัวเป็นคนดี เมื่อกี้มึงยังหัวเราะกูอยู่เลย

ผมตีมือมันเสียงดังลั่น และพยุงตัวเองลุกขึ้นด้วยตัวเองมองมันเคืองๆ

“ไอ้โย ไอ้เชษฐ์ ไอ้บาส ไอ้จักร มึงตามกูมา มึงก็ด้วยไอ้อุ่น” ไอ้เสือมันสั่งลูกน้องรวมถึงผม ผมถอนหายใจยาวๆ

“ถอนหายใจแบบนี้ใครตาย” ไอ้เสือเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ถอนหายใจให้กับคนแถวนี้” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกวนตีน มันมองหน้า มองหลัง มองซ้าย มองขวา แล้วหันกลับมาหาผมอีกครั้ง

“กูก็ไม่เห็นว่ามีใครแถวนี้ตายนี่” มันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

นี่มึงโง่หรือแกล้งโง่กันแน่!

“เอ่อกูยอมแพ้” ผมเอ่ยบอกแล้วหันกลับไปหาพี่โยที่ยืนเยื้องไปด้านหลังไอ้เสือ พร้อมด้วยพี่บาส พี่จักร และพี่เชษฐ์ ที่ยืนตั้งขบวนออกรบอยู่ พวกพี่ๆ เขาหน้านิ่งมากๆ แต่ตอนนี้เขาอมยิ้ม หรือยิ้มที่ผมเถียงกับไอ้เสือ

ผมก้าวเดินเข้ามาภายในโรงแรมแกรนด์ รีสอร์ต แอนด์ กอล์ฟ คลับ เป็นโรงแรมกว้างและใหญ่โตใจกลางเมืองหลวงในเนื้อที่ห้าไร่ ที่เจ้าของซื้อไว้หลายสิบปี แล้วพึ่งสร้างโรงแรมเสร็จเมื่อสามปีก่อน และเปิดกิจการเมื่อสองปีที่แล้ว ซึ่งเป็นกิจการของบ้านไอ้เสือ เจ้านายสุดกวนตีนของผมเอง

“สวัสดีครับคุณเสือ” ชายวัยกลางคนเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และยกมือไหว้ไอ้เสือ ไอ้เสือก็ยกมือไหว้กลับเช่นกัน

“คุณพงศ์อมร ผมพาเลขาคนใหม่มาแนะนำ เขาชื่อจักรพรรณ พชรภมรมงคล ผมพาเขามาเรียนรู้งานของโรงแรม” ไอ้เสือเอ่ยบอกด้วยรอยน้ำเสียงเรียบ

“ด้วยความยินดีครับ คุณเสือเชิญทางนี้ครับ” คุณพงศ์อมรเอ่ยบอกไอ้เสือ แล้วหันมายิ้มให้ผม ผมยกมือไหว้คุณพงศอมรทันที คุณพงศอมรก็ยกมือไหว้รับ เขาก้าวเดินไปในโถงของโรงแรม ซึ่งโรงแรมนี้มีแต่กระจกใสเห็นไปยังนอกอาคาร แต่ทว่าเป็นกระจกกรองแสงทั้งตึก

หลังจากขึ้นลิฟต์มายังชั้นแปด ซึ่งลิฟต์นี้เป็นลิฟต์แก้วทั้งหมด จึงเห็นภายนอกอาคารทอดสายตาไปยังริมฝั่งโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา และผมยังเห็นตึกออฟฟิศอยู่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำอีกด้วย

เมื่อลิฟต์เปิดออกผมก็ก้าวเดินตามหลังไอ้เสือพร้อมกับพี่โยและพี่เชษฐ์ที่ตามขึ้นมาด้วย ส่วนพี่ๆ บอดี้การ์ดที่เหลือรออยู่ด้านล่าง ผมคงยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าไอ้เสือมันให้บอดี้การ์ดนั่งรถตู้อีกคันคอยคุ้มกัน เหมือนกับว่ากลัวคนจะมาตามไล่ฆ่า

................................

เรื่องนี้ไม่เน้นเนื้อหา เน้นเย็ดดุๆ เน้นกระแทกจุกๆ นะ สาววาย

อย่าลืมเข้ามาคอมเม้นท์และกด ❤️ น้อยๆ

เพื่อเป็นกำลัง ❤️ ให้ด้วยนะฮะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel