ตอนที่ 8 : ข้าคืออดีตจอมมาร และข้าเจอโจรป่า...
ตอนที่ 8
ข้าคืออดีตจอมมาร และข้าเจอโจรป่า...
บูชเชอร์ : เจ้าบอกว่าตัวเองเป็นนักเวทย์ธรรมดาแต่มองยังไงก็ไม่เห็นถึงความธรรมดา ทั้งหน้าตา กับท่าทางเจ้านี่มันดูดีเกินกว่าคำว่าธรรมดาไปไกลแล้ว !
เอวา : จะชมว่าข้าหน้าตาดีสินะครับ ขอบคุณสำหรับคำชมอ้อม ๆ นั่นนะครับบูชเชอร์ //ยิ้ม//
บูชเชอร์ : ....
+++++++++++++++++++++++++
กิสเซลล่าคิดว่าการที่มิเกลล่าซ่อนตัวในตระกร้าอาหารนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้จอมมารอยากจะร้องไห้มากกว่าคือการที่มุมปากของทารกน้อยนั้นมีเศษขนมปังติดอยู่ซึ่งเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าเด็กน้อยของเขาแอบกินอาหารในตะกร้าไปบางส่วน และแน่นอนว่ามิเกลล่าเป็นเด็กที่ไม่ชอบกินผัก แซนวิชส่วนที่หายไปจึงเป็นของบูชเชอร์นั่นเอง
“ข้าจะจับเด็กย่างกิน...” บูชเชอร์กัดฟันพูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมดวงตาที่ตวัดมองมิเกลล่าที่นอนหลับปุ๋ยดูดนิ้วตัวเองอย่างไร้พิษภัยอย่างเอาเป็นเอาตายทำให้ผู้เป็นพ่อต้องกอดลูกไว้แน่นอย่างปกป้อง
“ขะ...ข้าจะชดใช้ให้ท่านเอง โปรดอย่าทำอะไรมิเกลเลยนะ !”
เพื่อรับผิดชอบความผิดแทนบุตรชาย อดีตจอมมารจึงได้ต้องออกไปตามล่าหาอาหารให้เพื่อนมนุษย์ที่โมโหหิวเสียจนแทบจะกระโดดมากัดหัวเขาอยู่รอมร่ออย่างช่วยไม่ได้
“ท่านกิสลี่ให้ข้าไปกับท่านด้วยเถอะนะครับ” เอาวาขันอาสาขอช่วยกิสลี่อย่างมีน้ำใจ อดีตจอมมารรู้สึกลังเลเล็กน้อยเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นตาบอดจะให้ไปเดินระหกระเหินกับเขาด้วยก็รังแต่จะมีอันตรายต่อตัวเด็กหนุ่มเสียเอง
“เอวาเจ้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้าฝากเจ้าดูแลลูกชายแทนข้าก่อน อย่าให้บูชเชอร์จับเขาเผากินตอนที่ข้าไม่อยู่เชียว” กิสเซลล่าเน้นย้ำก่อนจะส่งตัวมิเกลล่าให้เอวารับไปอุ้มแทน
“ข้าจะดูแลท่านมิเกลอย่างดีวางใจได้เลยครับ” เด็กหนุ่มตาบอดไม่มีทางเลือกต้องรับหน้าที่ดูแลเด็กตามคำขอของผู้มีพระคุณ เมื่อเห็นท่าทีแข็งขันของเอาวาแล้วกิสเซลล่าก็พอจะวางใจได้ว่ามิเกลล่าจะไม่ถูกบูชเชอร์เอาคืน อดีตจอมมารจึงได้หมุนตัว และเดินเข้าป่าลึกเพื่อตามหาสัตว์ป่าสักตัวสองตัวมาทำอาหารให้กับเพื่อนมนุษย์ได้คลายความโมโหของอีกฝ่าย
หลังจากที่เดินเข้ามาในป่าได้สักพักกิสเซลล่าก็พลันนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้ว่ากลิ่นกายของปีศาจนั้นมีพลังบางอย่างที่ทำให้พวกสัตว์ธรรมดาหวาดกลัว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามเดินเข้าป่าไปให้ลึกมากแค่ไหน ต่อให้ในนี้มีเสือ หรือสัตว์ดุร้ายแค่ไหนพวกมันก็จะวิ่งหนีออกห่างจากกิสเซลล่าตามสัญชาติญาณของมันเอง
...แบบนี้เขาก็เข้ามาเสียเที่ยวน่ะสิ !...
อดีตจอมมารยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ เดินคอตกหมุนตัวเปลี่ยนจากการล่าสัตว์หาเนื้อเป็นการหาผลไม้ไปให้บูชเชอร์แทน และอาจจะแบ่งแซนวิชผักของตนให้เพื่อนมนุษ์ประทังชีวิตไปก่อนจะถึงเมือง
เขาเพียงได้แต่ภาวนาว่าบูชเชอร์จะยอมรับได้ และไม่พุ่งเข้าไปย่างมิเกลล่ากินแทนอาหารอย่างที่เจ้าตัวพูดจริง ๆ ทีเถอะ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องชกเพื่อนมนุษย์เพื่อปกป้องลูกชายซึ่งอดีตจอมมารไม่ชื่นชอบการทะเลาะกันเลยแม้แต่น้อย
เขาเคยทะเลาะกับเพื่อนจอมมารด้วยกันครั้งหนึ่งแม้จะจำไม่ได้แล้วว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรแต่สุดท้ายก็เผลอลงไม้ลงมือกันจนได้ และสุดท้ายกิสเซลล่าก็ต้องลงไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแรมเดือนทำเอางานราชการในเมืองเขาถึงกับต้องหยุดชะงัก เพราะเขาไม่สามารถแม้แต่จะกระดิกนิ้วได้ด้วยซ้ำเพราะโดนป่นกระดูกทั้งร่างจนแหลกเหลว การต้องนอนเป็นผักให้ข้ารับใช้ช่วยดูแลกิจวัตรประจำวันของเขานั้นช่างเป็นความทรงจำที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย...
อดีตจอมมารที่เผลอยิ้มเจื้อนเพราะดันคิดถึงอดีตที่ไม่ค่อยหน้าจดจำเท่าไหร่ กำลังจะแหวกพุ่มไม้เพื่อย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิมก็พลันชะงัก เมื่อตรงหน้าของเขาเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ใบหน้าดุดันประมาณสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนมีอาวุธในมือครบถ้วนดูยังไงก็เป็นพวกโจรชัด ๆ !
อีกฝั่งที่จ้องกิสเซลล่าอยู่นานด้วยความตกตะลึงไม่ต่าง เมื่อเห็นร่างใหญ่โตสีดำที่แผ่รังสีดุดันน่าหวาดผวาออกมา ร่างใหญ่โตที่สูงกว่าพวกเขาเกือบเท่าตัวขยับเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็ต่างแหกปากร้องออกมาแล้ววิ่งหนีเตลิดกันไปคนละทาง
“โจรป่า ! ! !”
“หมีป่า ! ! !”
กิสเซลล่าออกไปนานเกินไปแล้ว...
พ่อค้าหนุ่มที่กำลังเดินวนไปวนมาอย่างจิตตกพะว้าพะวงว่าจนนั่งไม่ติดที่ เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายรึเปล่า คงไม่ได้ถูกสัตว์ป่าที่ไหนคาบไปกินแล้วหรอกใช่ไหม ? แต่เฮ้ ! นั่นมันจอมมารนะ ถึงจะได้ยินมาว่าเป็นจอมมารที่กระจอกที่สุดในหมู่จอมมารแต่คงไม่ตายเพราะแค่สัตว์ป่าธรรมดาหรอกใช่ไหม ?
“บูชเชอร์เป็นห่วงท่านกิสเซลล่าเหรอครับ ?” นักเวทย์ตาบอดเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่ก็ยังหันหน้าไปยังคนที่กำลังเดินไปมาได้อย่างถูกต้อง
“เป็นห่วงเจ้านั่นน่ะเหรอ ? ข้าควรเป็นห่วงตัวเองมากกว่าที่มาติดอยู่กับคนน่าสงสัยอย่างเจ้า” บูชเชอร์ฮึดฮัดส่งเสียงตอบกลับไปกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองโดยหยิบยกความไม่ไว้วางใจในตัวตนของอีกฝ่ายมาบังหน้า
“ข้างั้นเหรอ ? ข้าเป็นแค่นักเวทย์ธรรมดาเท่านั้นครับ” เอวาตอบกลับด้วยรอยยิ้มใส่ซื่อจริงใจ
“ไม้เท้าที่เจ้านั่นถือไว้ดูสูงค่าเกินกว่าจะเป็นแค่นักเวทย์ทั่วไปไปไกลแล้วโว้ย !” บูชเชอร์ถลึงตาใส่ชี้นิ้วไปยังไม้เท้าที่ถูกตั้งไว้ข้างตัวเพราะเอวากำลังอุ้มมิเกลล่าที่หลับอยู่
ส่วนหัวของตัวไม้เท้าทำด้วยอัญมณีสีชมพูอ่อนสลักเป็นลายวิจิตรงดงามสวนเกินกว่าจะเป็นเพียงไม้เท้าธรรมดาสำหรับนักเวทย์ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งพึงมี ด้วยสายตาของพ่อค้าแม้เพียงดูจากที่ไกล ๆ เขาก็ดูออกว่านั่นคือของล้ำค่าที่มีพลังสูงส่งไม่ผิดแน่ !
“ข้าไม่ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเวทมนย์ที่ไหน จึงไม่ได้ถูกจัดวัดระดับความสามารถ ดังนั้นตามกฎของผู้ใช้เวทย์แล้วข้าเป็นเพียงนักเวทย์ทั่วไปครับ”
“นั่นไงล่ะเจ้าไม่ใช่นักเวทย์ธรรมดาจริง ๆ ด้วย !”
“เฮ้อ...” เอวาถอนหายใจออกมา คร้านจะพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจแล้วเด็กหนุ่มตาบอดจึงได้หันหน้าหนีไปอีกทางเลิกสนใจคนขี้ระแวงที่จ้องแต่จะจับผิดเขาอย่างมีอคติ
เอวาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อสัมผัสกับสายลมที่พัดแผ่วมาจาง ๆ เพื่อผ่อนคลายความร้อน แต่เมื่อจู่ ๆ สายลมก็พัดแรงออกมาปะทะหน้าวูบหนึ่งสีหน้าสบาย ๆ ของนักเวทย์ก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแทน
“มีคนกำลังมาทางนี้...”
เมื่อเอวาเอ่ยเตือนเสร็จเด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ไม้เท้าข้างตัวตวัดขึ้นมาอยู่บนมือของเด็กหนุ่มผมชมพูอ่อนเช่นเดียวกับอัญมณีบนหัวไม้เท้าหันมายืนตั้งท่าเตรียมปกป้องภยันตรายจากทิศทางที่กำลังมีคนพุ่งตรงมา
“ช่วยพวกเราด้วยคร้าบบบ !”
“เอ๊ะ ?” เอวาผงะเมื่อจู่ ๆ ชายนับสิบก็วิ่งพุ่งมาเกาะหลังเด็กหนุ่มด้วยเนื้อตัวสั่นงันงกราวกับพวกเขาไปเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัวเข้าให้จนต้องหนีเอาชีวิตรอดกัน
“ท่านนักเวทย์ขอร้องล่ะช่วยพวกเราด้วย สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ตามล่าพวกเราอยู่มันเก่งมากเสียจนฆ่าหัวหน้าพวกเราตายเพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวเท่านั้น !”
“พวกเจ้า... คือโจรที่ปล้นข้านี่ ?” เอวาเอ่ยทักเมื่อคนที่มาเกาะเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกล พวกเขาเพิ่งหนีกันได้ไม่นานก็ดันมาเจอกันอีกแล้ว
“เรื่องราวเก่า ๆ โปรดลืมไปก่อน ตอนนี้สัตว์ประหลาดกำลังมาที่นี่ ท่านต้องช่วยพวกเรานะ” โจรคนหนึ่งรีบเอ่ยแก้ตัวขึ้นก่อนที่ที่พึ่งสุดท้ายจะเฉดหัวพวกเขาทิ้งเพราะความผิดที่เคยกระทำไว้กับอีกฝ่าย แม้เอวาจะยังงง ๆ ว่าเหตุไฉนบทบาทมันถึงสลับกันจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ แต่กับพ่อค้าที่มองจากรอบนอกแล้ว ไอ้พวกนี้กำลังพาความซวยมาให้พวกเขาชัด ๆ
แซ่ก ๆ !
เสียงของใบไม้ไหวที่ดังขึ้นอีกครั้งเรียกให้ทุกคนชะงักแล้วหันกลับไปยังต้นเสียงที่กำลังมีผู้มาเยือนรายใหม่เข้ามา ซึ่งทำให้พวกโจรนั้นกลัวหนักสุดถึงกับมุดหน้าหนีไม่กล้ามองไปยังเงาตะคุ้มที่โผล่มือใหญ่ออกมาแทรกพุ่มไม้ออกกว้างแล้วยื่นใบหน้าดุดันที่ตามเนื้อตัวมีใบไม้ติดเต็มไปหมดให้อีกฝ่ายยิ่งดูหน้ากลัวราวกับเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ
“พวกเจ้า... ออกห่าง...จะ...จากเพื่อนข้าเถอะนะ” อดีตจอมมารพูดด้วยเสียงสั่นหอบเหนื่อย เมื่อเห็นโจรป่าไปมุดอยู่ด้านหลังเอาวาจับปีกฝ่ายไว้แน่นเสียจนน่ากลัวว่าร่างบาง ๆ นั้นจะหักเป็นสองท่อน
“อย่าเข้ามานะเจ้าสัตว์ประหลาด !”
“ข้าไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะขอรับ !” อดีตจอมมารอยากจะร้องไห้ มืออีกข้างก็มีร่างของชายคนหนึ่งที่สลบเหมือดอยู่ถูกลากติดมาด้วย คน ๆ นี้ก็คือหัวหน้าโจรที่พวกลูกน้องคิดว่าตายไปแล้วนั่นเอง
กิสเซลล่าที่โดนหัวหน้าโจรเอาดาบเหวี่ยงมาฟันที่คอทันทีเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหมีป่า ตกใจจนเผลอปล่อยหมัดต่อยอัดที่หน้าอีกฝ่ายเต็ม ๆ จนร่างสูงของหัวหน้าโจรที่ตัวใหญ่กว่าใครเพื่อนปลิวกระเด็นลงมานอนชักระตุกอยู่ที่พื้นแล้วแน่นิ่งไป
ชายคนนั้นยังไม่ตายเพียงแค่ช้ำในจนสลบไปเท่านั้น แต่นั่นก็สร้างความหวาดผวาให้กับลูกน้องคนที่เหลือให้ขวัญหนีดีฝ่อและติต่างคิดไปว่าหัวหน้าของตนตาย เลยวิ่งหนีเขากันจ้าละหวั่นเดือดร้อนให้กิสเซลล่าวิ่งตามพวกเขาเพื่ออธิบายให้ฟังว่าเขายังไม่ได้ฆ่าใครตายนะ แล้วโปรดเอาหัวหน้าของพวกเจ้าไปรักษาด้วยเถอะ !
“ท่านจอมเวทย์จัดการสัตว์ประหลาดเลยครับ ! จัดการมันแก้แค้นให้ลูกพี่ของเราที” โจรคนหนึ่งแหกปากตะโกนร้องแล้วเขย่าตัวเอวาไปมาอย่างหวาดผวา ซึ่งเอวาก็ไม่ได้ตอบรับอะไรอีกฝ่ายเพียงแค่ขยับก้าวเดินไปข้างหน้าให้เหล่าโจรรีบปล่อยตัวที่พึ่งหนึ่งเดียวของตนที่คงจะเข้าไปจัดการสัตว์ประหลาดนั่นเป็นแน่
“ท่านกิสลี่ท่านบาดเจ็บนี่ครับ” เอวาเดินเข้าไปหาอดีตจอมมารมือเล็กนุ่มยกขี้นแตะข้างลำคอของจอมมารด้วยสีหน้าร้อนลน เป็นห่วง สร้างความตกตะลึงให้พวกโจรมองหน้ากันด้วยความงงเป็นไก่ตาแตก
“อ่า... แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหนักหนาหรอกขอรับ” กิสลี่ลูบคอที่โดนดาบใหญ่ฟันลงมา แต่เพราะเหล็กที่ใช้ตีดาบไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่จึงมิอาจฟันเนื้อของจอมมารได้ทิ้งไว้แค่รอยแดงจาง ๆ ที่ไม่ควรเรียกว่ารอยแผลเท่าไหร่
“นี่พวกแกเป็นพวกเดียวกันงั้นเรอะ !” เสียงตะเบ็งด้วยความเดือดดาลเมื่อเห็นว่าตนถูกหลอกทำให้พวกโจรแยกเขี้ยวใส่เอวา และกิสเซลล่าด้วยความโกรธแค้น เมื่อเห็นว่าสัตว์ประหลาดที่ว่าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่มีร่างใหญ่โตกว่าคนทั่วไปเท่านั้น
“พวกแกตายซะเถอะ !” เสียงคำรามร้องหมายเอาชีวิตทำให้กิสเซลล่าตื่นตระหนก อดีตจอมมารตั้งใจจะเอาตัวเป็นโล่ปกป้องเอวา และลูกชายของตน แต่นักเวทย์บอบบางกลับยกมือขึ้นดันตัวกิสเซลล่าให้มาอยู่ข้างหลังของเขาแทน คทาในมือของเอวาถูกยกขึ้นสูงพร้อมเสียงร่ายเวทย์ที่แสนไพเราะที่ดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม
“Elwind”
สายลมสีเขียวที่ก่อตัวขึนจากข้างหลังของเอวาพุ่งเข้าใส่พวกโจรอย่างรวดเร็ว พัดให้ร่างใหญ่ปลิวกระเด็นขึ้นไปบนอากาศเรียกเสียงร้องโหยหวนทรมานของพวกโจรที่ถูกพัดวนเป็นวงกลมจนตัวกระแทกกันเองไปมา ก่อนจะร่วงตกลงสู่พื้นอย่างแรงให้ร่างใหญ่คุดคู้ตัวงอด้วยความจุกแอ้ก
“พวกสวะ...” เสียงอ่อนนุ่มที่หลุดคำเหยียดหยามออกมาทำให้กิเซลล่ากับบูชเชอร์สะดุ้ง มองนักเวทย์ตาบอดที่เดินไปยังพวกโจรที่ถูกจัดการอย่างง่ายดายไม่มีเค้าความอ่อนแอให้ต้องปกป้องด้วยสายตาสับสน
“ตอนแรกข้าอุตส่าห์หนีออกห่างเพื่อจะไว้ชีวิตพวกเจ้าแล้วแท้ ๆ แต่ในเมื่ออยากตายกันนัก ข้าก็จะสนองให้พวกเจ้าแล้วกัน” เอวายกเท้าขึ้นเหยียบกลางท้องโจรผู้โชคร้ายคนหนึ่งที่ร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่สามารถพูดร้องขชีวิตใด ๆ ได้เมื่อปลายหัวไม้เท้าชี้มาตรงหน้าเรืองแสงวาวออกมาเพื่อเตรียมใช้มนตร์ปลิดชีพให้ดับดิ้นในคราเดียว
“เอวาหยุดเถอะ” กิสเซลล่าเข้ามาจับมือของเอวาแล้วดึงหัวไม้คทาให้เบี่ยงไปอีกทาง ใบหน้าเฉยชาของเอวาจึงค่อย ๆ เปลี่ยนมาแสดงสีหน้ารู้สึกผิด พร้อมกับที่แสงชสีมพูบนหัวคทาค่อย ๆ จางหายไป
“ขอโทษนะครับท่านกิสลี่ ข้าเพียงโกรธที่พวกเขาทำให้ท่านลำบากเลยเกือบทำให้ท่านไม่พอใจเสียแล้ว” เอวาเอ่ยขอโทษออกมาที่ทำให้ผู้มีพระคุณไม่พอใจ แต่กิสเซลล่ากลับส่ายหน้าเขาไม่ได้มาหยุดเพราะไม่อยากให้เอวาฆ่าใครหรอกแต่ว่า...
“เปล่าหรอก... คือพวกเจ้าเสียงดังลูกข้าตื่นแล้ว”
“...”
อดีตจอมมารกล่าวจบก็ยื่นมือไปรับตัวมิเกลล่าที่กำลังขยี้ตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ มือเล็กป้อมยกขึ้นคว้าแขนของกิสเซลล่าแล้วเข้าไปซุกกอดผู้เป็นบิดาด้วยความคุ้นชินก่อนจะผล็อยหลับต่อเพราะเสียงที่เคยรบกวนได้เงียบลงเสียที
“ข้าจะพามิเกลล่าออกไปให้ไกลก่อน หลังจากนี้อยากจะจัดการทำอะไรที่ค้างคาเมื่อครู่ให้เสร็จก็ทำให้เรียบร้อยล่ะ” กิสเซลล่าโบกมือให้เอวากับบูชเชอร์ ก่อนจะพาทารกน้อยเดินห่างออกไปจากจุดเดิม ทิ้งให้นักเวทย์ และพ่อค้าต่างยืนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่...
