บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 : ข้าคืออดีตจอมมารกับผู้ร่วมทางที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า

ตอนที่ 7

ข้าคืออดีตจอมมารกับผู้ร่วมทางที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า

บูชเชอร์ : ตามสูตรสำเร็จของหนังสือที่ข้าอ่านมาโฉมงามที่ตกลงมาจากท้องฟ้าร้อยทั้งร้อยเป็นนางเอกแน่นอน !

กิสเซลล่า : แต่ว่าคนที่ตกลงมาเป็น ผู้ชาย นะขอรับ

บูชเชอร์ : ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน...

++++++++++++++++++++++++

งานครั้งนี้คือการส่งเนื้อชั้นดีไปยังเมือง ‘เฟรย่า’ ที่อยู่ทางใต้ของซาเทีย ซึ่งเส้นทางที่ต้องผ่านนั้นจำเป็นต้องผ่านป่าเข้าไปซึ่งมีข่าวเล่าต่อกันมาว่ามีโจรซ่องสุมออกปล้นพ่อค้า และนักเดินทางอยู่เสมอสร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก การมีผู้คุ้มกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะผู้ที่จะต้องค้างคืนในพื้นที่อันตรายเช่นพวกเขายิ่งแล้วใหญ่ !

“ข้าบอกแม่แล้วแท้ ๆ ว่าไม่ต้องเป็นห่วงสุดท้ายก็วิ่งวุ่นไปรบกวนเจ้าอีกแล้ว”

บูชเชอร์บ่นเช่นนี้มาได้หลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง พ่อค้าหนุ่มก็ดูจะหัวเสียเป็นอย่างมากที่ข้างที่นั่งคนขับมีชายร่างยักษ์นั่งสงบเสงี่ยมจิบชาร้อนชื่นชมต้นไม้ต้นหญ้าเขียวชะอุ่ม

“เรื่องนี้ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกขอรับ” กิสเซลล่าเอ่ยขึ้นเมื่อได้จิบชาเขียวอุ่นเข้าไป “เพราะปกติท่านก็ทำให้ข้าลำบากเป็นปกติอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของข้าเท่าไหร่เลย”

อดีตจอมมารตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มจริงใจ ซึ่งทำให้ใบหน้าของบูชเชอ์กระตุกด้วยความหงุดหงิดกับความเถรตรงแทงใจดำโดยไม่รู้ตัวของกิสเซลล่า ที่ชายหนุ่มเดาทางไม่ถูกว่าเจ้าหน้าโฉดตัวยักษ์กำลังหลอกด่าตัวเขาอยู่หรือเปล่า

“ว่าแต่ตอนนี้รู้สึกบรรยากาศมันสงบเหลือเกินนะขอรับ” กิสเซลล่ามองไปยังรอบตัวที่เงียบสงบด้วยความรู้สึกแปลกใจ เพราะมันเงียบมากขนาดที่ว่าแม้แต่ไม่มีเสียงใบไม้ไหวเลยด้วยซ้ำ...

“สงบแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เจ้าอยากให้มีโจรโผล่ออกมาหรืออย่างไร”

กิสเซลล่าว่างถ้วยชาลงอุ่นลงกับตัก ใบหน้าคมเข้มดุดันส่ายไปมาช้า ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังไม่มีแววล้อเล่นอย่างเมื่อครู่อีกต่อไป

“ข้าเพียงกังวลว่าจะมีสิ่งที่น่ากลัวกว่าโจรโผล่ออกมาต่างหากล่ะขอรับ”

“หมายความว่า...”

แซ่ก ๆ !

เสียงของบางสิ่งที่กำลังขยับไหวไปมาอย่างเร็วท่ามกลางความเงียบสงบหยุดยั้งข้อสงสัยของบูชเชอร์ชะงัด พ่อค้าหนุ่มหยุดรถม้าลง เงยหน้าขึ้น สายตาสอดส่องหาต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงด้วยความหวั่นใจจนเผลอกุมบังเหียนในมือไว้แน่น

กิสเซลล่าเองก็ไม่รอช้า ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นมายกมือกันบูชเชอร์ทำหน้าที่คุ้มครองเพื่อนมนุษย์ด้วยสายตาระแวดระวังเต็มที่ ดวงตาคมกวาดไปยังเนินดินเหนือหัวตน ที่ตอนนี้กำลังมีสิ่งหนึ่งพุ่งดิ่งตกลงมาให้กิสเซลล่าหรี่ตาลงเพ่งจ้องมองชั่วครู่ ก่อนจะต้องเบิกตากว้าง เพราะสายตาของปีศาจเช่นเขาดีกว่ามนุษย์หลายเท่าจึงเห็นชัดว่าสิ่งที่ตกลงมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง !

“อันตราย !” กิสเซลล่าร้องคำรามเตือนออกไป อดีตจอมมารไม่คิดให้มนุษย์ผู้นั้นตกลงมาหัวโหม่งพื้นจนแหลกเละจึงรีบพุ่งเข้าไปเหยียดแขนสองข้างออกไปรับร่างของผู้ที่ตกลงมาได้อย่างเฉียดฉิว

“อ่ะ !” เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจของคนที่อยู่ในอ้อมแขน เรียกให้กิสเซลล่าก้มหน้าลงแล้วเอ่ยไถ่ถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

“เจ้า... เป็นอะไรรึเปล่า” กิสเซลล่าเผลอชะงักไปจังหวะหนึ่งยามเมื่อใบหน้าของคนที่เขาอุ้มไว้เงยขึ้น กิสเซลล่าก็พบว่าดวงตาของอีกฝ่ายนั้นปิดสนิท อีกฝ่ายเอียงคอทำหน้าสงสัยคล้ายไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้กิสเซลล่าต้องถามย้ำอีกครั้ง

“เจ้าไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”

อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบ แต่กลับยื่นมือของตัวเองมาจับแตะที่ตัวกิสเซลล่าราวกับจะสำรวจ เมื่อแตะจนพอใจเด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะคลี่ยิ้มบางส่งให้กิสเซลล่าด้วยความโล่งอก

“ท่านผู้มีพระคุณช่วยรับข้าไว้ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ?”

“ข้าแข็งแรงกว่าที่คิดเยอะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” กิสเซลล่าตอบอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยร่างกายที่เบาราวกับปุยนุ่นให้กลับมายืนที่พื้นอย่างมั่นคงอีกครั้ง ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มผู้ที่ดวงตาปิดสนิทขยับหันหน้าไปมาด้วยความลนลานเป็นอย่างมาก

“ไม้เท้าของข้า ? ท่านเห็นไม้เท้าของข้าบ้างหรือไม่ครับ ?” เด็กหนุ่มตาบอดเอ่ยถามขึ้น ทำให้กิสเซลล่าต้องช่วยตามหาสิ่งที่อีกฝ่ายถามหาอย่างช่วยไม่ได้ จนเมื่อสายตาของอดีตจอมมารเห็นอะไรบางอย่างติดอยู่บนต้นไม้ กิสเซลล่าจึงเพ่งสายตามองดี ๆ ก็เห็นว่านั่นน่าจะเป็นคทาที่เด็กหนุ่มตามหาอยู่

“ไม้เท้าที่เจ้าตามหาเป็นไม้เท้าสีน้ำตาลใช่ไหม”

“ชะ...ใช่แล้วครับ !” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างมีความหวัง

“มีอัญมณีสีชมพูติดอยู่ด้วยใช่ไหม”

“ครับ ! ถูกต้องครับ ท่านเจอมันแล้วงั้นเหรอ มันอยู่ไหนครับ” เด็กหนุ่มรีบถามหาไม้เท้าของตนเป็นการใหญ่ ทำให้กิสเซลล่าชี้นิ้วไปข้างบน แต่ลืมไปว่าอีกฝ่ายนั้นมองไม่เห็นจึงได้พูดบอกอีกฝ่ายไปว่า

“ติดอยู่บนต้นไม้ล่ะ”

“เอ๊ะ !” เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องตกใจ สีหน้าที่เคยสดใสมีความหวังกลายเป็นโศกสลดจนถึงกับเข่าทรุดลงกับพื้น “ทะ... ทำไงดีสิ่งนั้นเป็นของสำคัญด้วย”

เห็นคนลำบากตรงหน้าแล้วอดีตจอมมารก็รู้สึกสงสารขึ้นมา กิสเซลล่าเงยหน้าขึ้นมองยอดไม้ที่ไม้เท้าไปติดอยู่บนนั้นด้วยสายตาครุ่นคิดหาวิธีที่จะนำไม้เท้านั้นกลับลงมา

กิสเซลล่ากอดอกทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก ในหัวก็ผุดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้อดีตจอมมารไม่รอช้าหมุนตัวเดินไปหยุดที่หน้าต้นไม้ต้นดังกล่าว หากเขาใช้แรงกระแทกให้ต้นไม้สั่นไหวคิดว่าไม้เท้าคงตกลงได้ล่ะ อดีตจอมมารตัดสินใจใช้วิธีนั้นแล้วยกมือข้างขวาขึ้นกำเป็นหมัดไว้แน่น ดวงตาคมฉายแววจริงจัง พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวที่แฝงไอกดดันออกมา ทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างรับรู้ถึงความไม่ธรรมดาของกิสเซลล่าที่เผลอหลุดพลังของจอมมารออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ฮึบ !”

หมัดหลุน ๆ ถูกปล่อยออกไปยังเนื้อไม้เปลือกหนาอย่างไร้เสียงจนเหมือนกับเป็นเพียงแค่เอาหมัดไปแตะลงเบา ๆ เท่านั้น บูชเชอร์จ้องมองด้วยใจที่ลุ้นระทึกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ผ่านไปก็ยังไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลง พ่อค้าหนึ่งจึงส่ายหัวไปมาด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะได้เอ่ยปากแซวกิสเซลล่า เสียงเอี๊ยดอ๊าดและเสียงเสียสีของใบไม้ก็ดังขึ้น ให้บูชเชอร์หุบปากฉับ ดวงตาสีทองเบิกกว้างจนโตเป็นไข่ห่านเมื่อไม้ใหญ่ที่เคยตั้งตระหง่านกำลังเอนไหวคล้ายจะล้มลงมา... และมันดันล้มมาทางเขาเสียด้วย !

“ว้าก ! ! !”

บูชเชอร์เกือบจะกระตุกบังเหียนสั่งให้ม้าลากเกวียนหนีแทบไม่ทัน ลำต้นใหญ่โตเกือบจะล้มลงมาทับร่างเขาเพียงนิดเดียวทำให้เมื่อพอรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัยแบบหวุดหวิด บูชเชอร์ก็ตวัดสายตาอาฆาตไปที่กิสเซลล่าที่ทำหน้าเจื้อน ร่างใหญ่คล้ายจะหดเล็กลีบลงด้วยความรู้สึกผิดทันที

“ขอประทานโทษด้วยข้ากะแรงผิดไปหน่อย...”

“จะ...เจ้ามัน... !” บูชเชอร์หน้าบิดเบี้ยวอ้าปากจะด่าว่ากิสเซลล่าแต่ก็พูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่ส่งสายตาคาดโทษใส่กิสเซลล่าที่รีบกระโดดเข้าไปเก็บไม้เท้าที่มีรูปร่างงดงามกว่าจะเป็นเพียงไม้เท้าธรรมดาแล้วนำมาส่งให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของรับไป

“นี่ไม้เท้าของท่านขอรับ”

เด็กหนุ่มยื่นมือไปรับไม้เท้าที่มีความสูงขนาดเท่าตัวของเจ้าตัวคืนมา เขาเลื่อนมือสัมผัสทั่วทั้งไม้เท้าเพื่อดูว่ามีส่วนไหนของมันชำรุดเสียหายหรือไม่ แต่เมื่อใช้มือสำรวจแล้วไม่พบว่ามีอะไรแตกสลายทั้งสิ้นเด็กหนุ่มจึงคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกอีกครั้ง

“ขอบคุณนะครับ ท่านผู้มีพระคุณมากนะครับนอกจากจะช่วยชีวิตข้าแล้ว ยังนำของสำคัญกลับมาด้วย เป็นโชคดีของคนพิการเช่นข้าเหลือเกินที่ได้พบคนดีเช่นนี้... หากมีอะไรให้ข้าตอบแทนท่านได้ข้าจะทำให้ทันทีแน่นอนครับ !”

“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ เห็นคนลำบากตรงหน้าจะให้ทำเป็นไม่สนใจได้ยังไงล่ะขอรับ”

“ท่านผู้มีพระคุณ เป็นคนดีมากจริง ๆ” เด็กหนุ่มตาบอดซาซึ้งใจเป็นอย่างมากจนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา ไม่รู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้เขาไปเจออะไรมาทำให้เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากกิสเซลล่าเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายก็ดูจะชื่นชมบูชาอดีตจอมมารไปเสียแล้ว

“ว่าแต่ท่านมาเดินในป่าคนเดียวได้อย่างไรขอรับ แถวนี้มีอันตรายเพราะมีพวกโจรดักปล้นนักเดินทาง กับพ่อค้าอยู่มากยิ่งท่านเป็นเช่นนี้ยิ่งอันตรายมากเลยนะขอรับ”

กิสเซลล่าเอ่ยเตือนด้วยเสียงติดจะดุเล็กน้อย เพราะสภาพของเด็กหนุ่มที่นอกจากจะพิการทางสายตาแล้ว เนื้อตัวยังมอมแมมราวกับวิ่งหนีบางสิ่งจนถูกกิ่งไม้เกี่ยวให้ผิวขาวเนียนราวกับไม่เคยต้องแดดมีรอยแดงปืดเป็นทางยาว

“ข้ากำลังจะเดินทางไปยังเมืองซาเทียครับ แต่โชคไม่ดีดันเจอพวกโจรเข้าดักปล้นอย่างที่ท่านกล่าวมา ตะ... แต่ข้าพยายามหนีแล้วนะครับ เกือบจะหลบพ้นแล้วหากไม่ใช่ว่าดันวิ่งสะดุดล้มตกลงมาเสียก่อน” เด็กหนุ่มอธิบายด้วยเสียงละล่ำละลัก ใบหน้าดูหงอยลงเมื่อถูกกิสเซลล่าดุ แต่ก็พยายามเอ่ยแก้ตัวให้ตนเองที่ฟังยังไงก็ยิ่งดูน่าเป็นห่วงกว่าเก่าเสียอีก

“ตาบอดแล้ววิ่งได้ด้วยงั้นเหรอ ?”

เมื่อได้ยินคำพูดแสดงความเคลือบแคลงสงสัยของบูชเชอร์ ชายหนุ่มตาบอดเพียงยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ยอธิบายออกไปด้วยเสียงนุ่มนวลลื่นไหลราวกับว่าได้ตระเตรียมคำตอบมาเป็นอย่างดี

“ดวงตาของข้ามืดบอดมาได้หลายปีแล้วทำให้ประสาทส่วนอื่นไวกว่าคนปกติทั่วไป จึงทำให้ข้าหนีจากพวกโจรได้ครับ”

“แต่ก็สะดุดล้มตกลงมาเนี่ยนะ ?”

“ความสามารถของคนตาบอดย่อมมีขีดจำกัด ถึงประสาทส่วนอื่นจะดีขึ้นแต่มองไม่ก็มองไม่เห็นอยู่ดี ข้าจึงสะดุดกับรากไม้จนกลิ้งตกไม่เป็นท่าแบบนี้ไงล่ะครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มจาง ๆ ยกมือขึ้นแตะท้ายทอยแสดงท่าทีเก้อเขินออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สายตาของบูชเชอร์กลับไม่คลายความสงสัยในตัวชายคนนี้อยู่ดี

....คนตาบอดในป่าเนี่ยนะ มองยังไงก็มีแต่ความไม่ชอบมาพากลล้วน ๆ ...

“หากท่านจะไปเมืองซาเทียถ้าเช่นนั้นเดินทางไปกับพวกเราไหม ? พวกเรามาจากซาเทีย แต่ต้องแวะไปทำธุระที่เมืองเฟรย่าก่อน หากท่านไม่รีบเร่งจะเดินทางก็ไปพร้อมกับพวกเราเถอะ”

“กิสลี่ !” บูชเชอร์หันคอมามองกิสเซลล่า เผลอส่งเสียงดังออกไปด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายยอมรับคนแปลกหน้ามาอย่างง่ายดายโดยที่เขายังไม่สามารถระบุได้ว่าเจ้าตาบอดผู้นี้มาดีหรือร้ายกันแน่ แต่ครั้นจะเอ่ยปากไล่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อชายตาบอดเอ่ยปากรับข้อเสนอนั้นไปเป็นที่เรียบร้อย

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอรบกวนพวกท่านแล้ว ขอบคุณท่าน...” ชายตาบอดที่กำลังยิ้มยินดีเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง สีหน้าลำบากใจเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่รู้จะเรียกกิสเซลล่าว่าอะไรดี

“กิสเซลล่า ข้าชื่อกิสเซลล่า แต่เรียกสั้น ๆ ว่ากิสลี่ก็ได้” อดีตจอมมารขยับยิ้มกว้างแล้วเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตร แล้วยื่นมือออกไปด้วยความเคยชินลืมไปว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นก็กำลังจะชักมือกลับ แต่คนตรงหน้ากลับขยับมือขึ้นมา คว้าที่มือกิสเซลล่ามาจับแล้วเขย่าไปมาได้อย่างแม่นยำ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับท่านกิสลี่ ข้าชื่อเอวาเป็นนักเวทย์ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

จ๊อก !

ได้จับมือทักทายฝากฝังตัวได้ไม่ทันไรเสียงท้องร้องโครกครากก็ทำลายบรรยากาศลง เอวายิ้มเจื้อน ๆ ใบหน้าหวานของนักเวทย์ตาบอดขึ้นสีแดงด้วยความเขินอาย สารภาพด้วยเสียงอ้อมแอ้มออกมา

“ข้า... ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้วก็เลย... แฮะ ๆ”

“ข้ามีแซนวิชไส้ผักอยู่ ท่านกินได้ไหม ?”

“ได้ครับท่านกิสลี่ ข้าเป็นคนทานง่ายมีอะไรข้าก็ทานได้ทั้งหมดครับ !” ใบหน้าแช่มชื่นของเอวาที่พยายามแสดงว่าตนนั้นอยู่ง่ายเลี้ยงง่ายเหมือนลูกหมาตัวหนึ่งที่กลัวเจ้าของจะทิ้งถ้ามันเอาแต่ใจ ทำให้กิสเซลล่ายิ้มขบขันออก มองเด็กหนุ่มมนุษย์ด้วยความเอ็นดู

“ข้าจะแบ่งอาหารของตัวเองให้ท่านเอวาเอง ท่านบูชเชอร์ไม่ต้องห่วงว่าตัวท่านจะลำบากเลยนะขอรับ” กิสเซลล่ารีบพูดดักทางเพื่อนมนุษย์ก่อนเมื่อเห็นสายตาของพ่อค้าหนุ่มที่กำลังจ้องเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อใส่

“กิสลี่เจ้านี่มันจริง ๆ เลย” บูชเชอร์ได้แต่ส่ายหัวคร้านจะบ่นอะไรกับเพื่อนร่างยักษ์ที่ชอบทำตัวเป็นพ่อพระช่วยเหลือคนอื่นไปเรื่อย ขนาดยกอาหารของตัวเองให้คนอื่นก็ทำได้โดยไม่คิดว่าภายภาคหน้าตนจะลำบากแม้แต่น้อย จนบูชเชอร์ไม่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นเคยมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงจอมมารที่ชั่วร้ายมาก่อน

กิสเซลล่ากระโดดขึ้นไปยังเกวียนหยิบตะกร้าของกินที่ป้ามารีเตรียมมาให้ขึ้นมา แล้วเปิดตากร้าสานออกเพื่อหยิบแซนวิชส่วนแบ่งให้กับเพื่อนร่วมทางคนใหม่ได้กินประทังความหิว

แต่เมื่อมือใหญ่เปิดตะกร้าออกจากอาหารที่ควรมีอยู่เต็มตะกร้า เขากลับพบร่างกลมสมบูรณ์ของเด็กน้อยตาสีฟ้ากลมโตที่ลุกวาวขึ้นมาทันทีพร้อมชูแขนขึ้นมาเรียกร้องให้เขาอุ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาไม่รู้ความ โดยที่ใบหน้าของอดีตจอมมารซีดเผือดลงจนเหงื่อแตกพลั่กทั่วใบหน้าแล้ว

“ปา ปา !”

“มิเกลล่า ! ! !”

เสียงร้องใสดั่งแก้วของทารกน้อยที่เรียกกิสเซลล่าอย่างร่าเริง ทำให้อดีตจอมมารเผลอหลุดเสียงร้องคำรามดังลั่นสนั่นป่าจนฝูงนก และสัตว์ตัวน้อยที่อยู่ไกลแสนไกลถึงกับบินแตกกระเจิงกันคนละทิศละทาง

...และแล้วขบวนขนส่งสินค้าจึงมีสมาชิกเข้าร่วมเพิ่มขึ้นถึงสองชีวิตด้วยเหตุประการฉะนี้...

++++++++++++++++++++++

จุดพลุเปิดตัวมิเกลล่าที่เข้าร่วมตี้กันค่ะ (อะไรนะผิดคน ถถถ)

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel