ตอนที่ 6 : ข้าคืออดีตจอมมาร กับภารกิจคุ้มครองเกวียนขนส่งสินค้า
ตอนที่ 6
ข้าคืออดีตจอมมาร กับภารกิจคุ้มครองเกวียนขนส่งสินค้า
เจ้าเมือง : ท่านกิสลี่จะออกไปนอกเมือง เจ้าต้องปกป้องเขาให้ได้ล่ะพ่อค้า
บูชเชอร์ : ข้าจ้างกิสลี่ไปปกป้องข้านะ แล้วทำไมข้าต้องกลายเป็นฝ่ายไปปกป้องแทนด้วย !
เจ้าเมือง : ถ้าเจ้าปกป้องเขาไม่ให้ได้รับภยันตรายใด ๆ เราจะมอบของรางวัลให้เจ้าเอง
บูชเชอร์ : เฮอะ ! ไม่ว่าจะเอาอะไรมาล่อก็ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปมากกว่าชีวิตของข้าหรอกน่า !
เจ้าเมือง : ... //ยื่นตั๋วเงินที่มีจำนวนเลขศูนย์เจ็ดหลักให้//
บูชเชอร์ : ไว้ใจได้ กิสลี่ปลอดภัยหายห่วงไม่มีแม้แต่รอยยุงกัดแน่นอน ! //ยัดเงินเข้าอกเสื้ออย่างเร็ว//
++++++++++++++++++++++++++++++++++
การอาศัยอยู่ในเมืองในช่วงแรก ๆ แม้จะขลุกขลักไปนิดเพราะรูปลักษณ์ของกิสเซลล่าที่ทำให้ชาวบ้านหลายคนหวาดระแวงชายหนุ่มหน้าเถื่อนไปหลายวัน เมื่อได้รู้จักกับกิสเซลล่าดี ๆ พวกเขาจึงรู้ว่าชายผู้มาใหม่นั้นน่ากลัวเพียงแค่หน้าตาเท่านั้นแต่แท้จริงแล้วเนื้อในเป็นคนที่มีน้ำใจมากคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีชีวิตน่าสงสารโดนเมียทิ้ง(?) ให้เลี้ยงลูกเพียงลำพัง พอเห็นชายร่างยักษ์พาเด็กน้อยที่มีหน้าตาน่ารักดั่งเทวดาเดินไปเดินมาทุกวันคะแนนความสงสารจึงตีตื้นขึ้นมาในใจของทุกคนต่อกิสเซลล่าก็ทำให้อดีตจอมมารสามารถอาศัยกลมกลืนไปกับคนในเมืองได้ด้วยดี
ในวันนี้เองอดีตจอมมารจึงเริ่มใช้ชีวิตใหม่ในบ้านหลังกะทัดรัดที่ดูดีเกินคาด จนไม่น่าเชื่อว่าบูชเชอร์จะสามารถหาซื้อได้ในราคาที่ยังไม่ถึงพันเหรียญทอง เพราะกิสเซลล่าจำได้ว่าที่ดินของพวกมนุษย์นั้นมีค่ามหาศาลเขาเตรียมใจว่าจะต้องเสียเงินเก็บที่นำมาไปมากกว่าครึ่งแต่ผลลัพท์กลับไม่เป็นดังคาด
ไม่ว่าจะถามย้ำเท่าไหร่เพื่อนมนุษย์ก็ยังคงยืนกรานคำเดิมว่าบ้านหลังนี้ซื้อจากเจ้าเมืองด้วยจำนวนเงินเพียงเท่านี้จริง ๆ กิสเซลล่าจึงไม่ได้เอ่ยซักไซ้ให้บูชเชอร์รำคาญใจอีก ได้ของทั้งถูกทั้งดีมาใครบ้างจะไม่ชอบล่ะ ?
“กิสลี่อยู่ไหมจ้ะ”
“ท่านป้ามารีมีอะไรให้ข้าช่วยหรือขอรับ”กิสเซลล่าที่กำลังตกแต่งพุ่มไม้หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นถามหญิงชราผู้เป็นมารดาของบูชเชอร์
แม้จะรู้สึกว่าเสียมรรยาทไปหน่อยที่ต้องเรียกหญิงมนุษย์ที่มีอายุน้อยกว่าตนเองเป็นร้อยปีว่า ‘ป้า’ แต่กิสเซลล่าก็จำเป็นต้องเรียกเช่นนี้ถ้าไม่อยากให้เรื่องที่เขาเป็นปีศาจความแตกเสียก่อน
“กิสลี่ป้ามีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย 2-3 วันนี้พอจะมีเวลาว่างไหม ?”
“ท่านบูชเชอร์จะออกไปเมืองข้าง ๆ สินะขอรับ” ไม่รอให้ป้ามารีเอ่ยกิสเซลล่าก็สามารถเข้าใจได้จากสีหน้ากังวลของหญิงชราได้เป็นอย่างดี เพราะกิสเซลล่าสนิทกับบูชเชอร์ในระดับหนึ่ง จึงรู้จักกับป้ามารีเป็นอย่างดีในตอนที่กิสเซลล่าย้ายเข้ามา เพื่อนบ้านคนแรกที่มาทักทายแสดงความยินดีจึงเป็นหญิงชราร่างเล็กนั่นเอง
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ ครั้งนี้มีสินค้าต้องส่งไปต่างเมือง แล้วทางที่ต้องไปนั้นก็ได้ยินว่ามีโจรดักปล้นเสียด้วย ป้าเป็นห่วงเจ้าลูกหัวดื้อคนนี้เหลือเกิน” หญิงชราบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยใจระคนเป็นห่วงบูชเชอร์ไปด้วย ลูกชายเพียงคนเดียวของนางที่ต้องกลายเป็นหัวหอกเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่มดี กลับรับงานอันตรายมาโดยไม่คิดปรึกษากันก่อน ทำเอาคนเป็นแม่ที่มารู้ทีหลังเกือบจะหัวใจวาย
“ลำบากหน่อยนะขอรับท่านป้า” กิสเซลล่ายิ้มแห้ง ๆ ไม่รู้จะปลอบหญิงชราเช่นไรดี
“ถ้าเกิดปัญหาอย่างที่พ่อของบูชเชอร์เจออีกล่ะก็ หญิงแก่อย่างข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไรกัน...”
หญิงชราหน้าหมองคล้ำลง เมื่อหวนรำลึกถึงการจากไปของสามีที่สิ้นชีวิตเพราะถูกโจรร้ายฆ่าตาย เงินจากการขายสินค้าทั้งหมดถูกปล้นจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกะทันหันมากเสียจนนางตั้งรับความสูญเสียนี้ไม่ทัน ในตอนนั้นที่นางกำลังสับสน และหวาดหวั่นไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับชีวิตของตน และลูกต่อไปดี ในช่วงเวลาที่มีแต่ความทุกข์โศกกัดกินจนทำให้ทุกอย่างล้วนมืดแปดด้านนั้นเด็กหัวดื้อที่นาง และสามีคิดว่าคงหวังพึ่งไม่ได้กลับยืนหยัดขึ้นมา และแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยตัวเอง ทำให้วิกฤตครอบครัวผ่านไปได้ด้วยดีนั่นคือความภูมิใจต่อตัวลูกชายเป็นครั้งแรก และยิ่งทำให้นางยิ่งรัก และห่วงใยเด็กคนนี้ยิ่งกว่าชีวิตของตน
“กิสลี่ป้าขอร้อง ช่วยเดินทางไปเป็นเพื่อนบูชเชอร์หน่อยเถอะนะ !”
“ท่านป้า...” กิสเซลล่ามองใบหน้าเศร้าหมองของหญิงชราก็ชวนให้รู้สึกสงสารจับใจ “ข้ารู้ว่าท่านป้าเป็นห่วงท่านบูชเชอร์มาก...”
“แต่ทำไมท่านไม่จ้างวานสมาคมนักผจญภัยให้มาคุ้มครองล่ะขอรับ”
สมาคมนักผจญภัยเป็นกลุ่มคนที่มีการรับรองเป็นสมาพันธ์ที่สามารถตรวจสอบได้ งานที่แจกจ่ายไปจะมอบให้กับนักผจญภัยตามตำแหน่งดาวของพวกเขา เพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยจึงเรียกได้ว่าสูงมากจนแทบไม่มีงานใดพลาดเลย กิสเซลล่าจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดหญิงชราจึงมาขอร้องให้คนที่รู้เพียงแค่ว่ามีหน้าตาที่น่ากลัวอย่างเขาไปคุ้มครองบูชเชอร์กัน
“เพราะถ้าให้เจ้าไปด้วย ไม่เพียงแค่ทำให้คนกลัวเพียงเห็นหน้าแต่แรก แต่เราจะไม่เสียเงินแม้แต่เหรียญด้วยยังไงล่ะจ้ะ !” สงสัยได้ไม่นานคำตอบที่ได้รับก็ทำให้กิสเซลล่าร้องไห้ไม่ออก
...ช่างเป็นครอบครัวที่งกเข้าเส้นกันเสียจริง !...
ด้วยความเห็นใจหญิงชรากิสเซลล่าจึงตกปากรับคำอาสาเดินทางไปส่งสินค้ากับบูชเชอร์ที่เมืองข้าง ๆ แน่นอนว่าเส้นทางที่ไปนั้นต้องผ่านป่า และเส้นทางขรุขระที่ค่อนข้างลำบาก กิสเซลล่าย่อมไม่สามารถนำลูกชายไปลำบากด้วยได้ จึงได้ไหว้วานให้ป้ามารีช่วยเลี้ยงมิเกลล่าในช่วงที่เขาไม่อยู่ ซึ่งนางก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็วด้วยความเอ็นดูมิเกลล่าตั้งแต่แรกเห็น
เช้าของวันออกเดินทางเมื่อกิสเซลล่าเดินทางมาถึง กิสเซลล่าก็อุ้มมิเกลล่าพร้อมข้าวของเครื่องใช้จำเป็นของทารกน้อยไปที่บ้านของบูชเชอร์ เมื่ออดีตจอมมารไปถึงก็เห็นบูชเชอร์เดินออกมาจากบ้านพอดี เพียงเห็นหน้าเขาคนที่อยู่ในชุดรัดกุมเตรียมออกเดินทางก็เบิกตาโต หมุนคอไปหามารดาของตนแล้วร้องออกมาเสียงดังทันที
“แม่ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วงจะเรียกกิสลี่มาทำอะไร !”
“จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงครั้งก่อนที่เจ้าออกไปก็ได้แผลกลับมาเต็มไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะกิสลี่ออกไปตามหาเจ้ากลับมา แม่จะยังมีโอกาสได้เห็นเจ้าลูกชายหัวดื้ออีกรึ ?”
จากหญิงชราที่ดูอ่อนแอเมื่อวาน มาบัดนี้ป้ามารีกลับสามารถแผดเสียงเขกหัวลูกชายหัวดื้อ แล้วจับบิดหูสั่งสอนอย่างรุนแรง เรียกเสียงโอดครวญจากบูชเชอร์ได้เป็นอย่างดี ทำให้พ่อค้าหนุ่มหน้าบึ้งตึง ลูบหูตัวเองที่แดงก่ำแล้วเงยหน้ามามองกิสเซลล่าด้วยแววตาเคร่งเครียดจริงจัง
“เจ้านั่นรู้ว่าข้าเอาเจ้าไปข้าโดนฆ่าตายแน่...”
“บูชเชอร์บ่นอะไรของเจ้ากัน จะให้กิสลี่รออีกนานแค่ไหน !” ป้ามารีแผดเสียงดุใส่ลูกชายที่เอาแต่ยืนนิ่ง ก่อนที่นางจะเดินเข้าไปหากิสเซลล่ายกยิ้มอ่อนโยนให้กิสเซลล่าอย่างใจดี
“กิสลี่ขอบใจมากนะที่มาตามคำขอของป้า... ฝากดูแลบูชเชอร์หน่อยนะจ้ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับท่านป้า ข้าจะช่วยดูแลท่านบูชเชอร์ให้เองขอรับ” กิสเซลล่าฉีกยิ้มเป็นมิตรไปให้หญิงชราก่อนจะเขาจะยื่นส่งมิเกลล่าที่กำลังหลับปุ๋ยให้ป้ามารีรับไปดูแล โชคดีที่ลูกชายตัวน้อยกำลังหลับทำให้กิสเซลล่าไม่ต้องลำบากใจที่เห็นมิเกลล่าร้องไห้งอแง... แต่ความลำบากอาจจะตกอยู่ที่ป้ามารีแทนนี่สิ
“มิเกลล่าค่อนข้างติดข้ามาก หากลูกข้าทำให้ท่านป้าลำบากข้าต้องขอโทษด้วยนะขอรับ”
“ไม่เป็นไรจ้า ๆ ป้าต่างหากที่ไปรบกวนกิสลี่ก่อน อีกอย่างหนูมิเกลดูจะฉลาดกว่าเด็กทั่วไปป้าเชื่อว่าคงเลี้ยงไม่ยากไปกว่าเจ้าลูกชายหัวดื้อของป้าหรอก รายนั้นตอนเด็กน่ะ...”
“แม่ !” บูชเชอร์ร้องเสียงดังลั่นเมื่อมารดาคิดจะเผาเรื่องราวสมัยเขาแบะเบาะให้เพื่อนตัวใหญ่ฟัง เรื่องน่าอายตอนเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด ! “รีบไปกันเร็วเข้า เดี๋ยวมืดค่ำมันจะยิ่งเดินทางลำบาก”
“อ่ะ ! ป้าลืมเลยว่าทำของกินไว้ให้เดี๋ยวป้าไปเอาให้ก่อนนะเด็ก ๆ ” ป้ามารีส่งยิ้มให้กิสเซลล่า แล้วอุ้มเด็กน้อยที่กำลังหลับเข้าไปข้างในบ้านด้วยความรีบร้อนด้วยเป็นห่วงว่าจะทำให้การเดินทางของทั้งสองจะล่าช้า
ด้วยความรีบนางจึงวางตัวเด็กน้อยไว้บนเปลนอนเก่าที่เคยเป็นของบูชเชอร์ที่ตอนยังคงมีสภาพสมบูรณ์ดี ก่อนจะผละตัวเดินเข้าไปในครัวตั้งใจจะหยิบตะกร้าที่บรรจุอาหารมากมายไว้ไปให้ชายหนุ่มทั้งสอง แต่เมื่อนึกได้ว่าตนเองลืมหยิบผ้าห่มเผื่อให้กิสเซลล่าใช้ห่มกันกนาวตอนกลางคืน หญิงชราก็วางตะกร้าทิ้งไว้ที่พื้นใกล้กับโต๊ะทานข้าว แล้วรีบเดินไปชั้นสองเพื่อหยิบของใช้จำเป็นอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกด้วยความห่วงใย....
โดยไม่รู้เลยว่าเด็กน้อยที่ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าหลับลึกไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ลืมตาตื่นขึ้นมา และภายในดวงตาสีฟ้าที่ไร้ซึ่งแววง่วงงุนแม้แต่น้อยกำลังจ้องมองไปยังตะกร้าที่ถูกทิ้งตั้งทิ้งเอาไว้อย่างมีเป้าหมาย
“เอ้านี่จ้ะ กิสลี่ถ้าหิวก็หยิบทานได้เลยนะป้าเตรียมแซนวิสไส้ผักของโปรดเจ้าไว้เพียบเลยล่ะ” ป้ามารียกตะกร้าที่ค่อนข้างมีน้ำหนักมากส่งให้กิสเซลล่ารับไว้ อดีตจอมมารรีบรับมันจากหญิงชราด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะส่งยิ้มขอบคุณในความใส่ใจของอีกฝ่ายที่มีให้เขามากเสียจนเขาอดที่จะรู้สึกอบอุ่นไปด้วยไม่ได้จึงได้เอ่ยขอบคุณหญิงชราไปอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อได้เอ่ยล่ำลาเรียบร้อยแล้วบูชเชอร์ และกิสเซลล่าจึงกระโดดขึ้นเกวียนขนของที่บรรทุกเนื้อที่ถูกห่อพันไว้อย่างดีจนเต็มเกวียน กิสเซลล่าจึงต้องนั่งข้างบูชเชอร์ที่กุมบังเหียนม้าขึ้น และเตรียมจะสะบัดออกไปเพื่อเริ่มเคลื่อนตัวออกเดินทาง แต่ม้าของเขาเดินห่างจากบ้านไปได้ไม่ไกล เท่าไหร่บูชเชอร์ก็ต้องกระตุกบังเหียนให้ม้าของตนหยุดลงกะทันหัน ใบหน้าคมเข้มกร้านแดดที่ซีดเผือดลงเมื่อเห็นคนที่มาขวางรถม้าของตนเต็มตา
“โอ้ย ! ข้าตายแน่...” บูชเชอร์บ่นโอดครวญ ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากแรง ๆ แล้วรีบหมุนตัวหนี หลบหน้าชายใส่เสื้อคลุมขาวทันทีทันใด
“กิสลี่เจ้าลงไปซะ !”
“เอ่อ... ท่านจะไล่ข้าไม่ได้นะ ไม่งั้นท่านป้ามารีต้องโกรธท่านมาก ๆ แน่” กิสเซลล่าเตือนด้วยความหวังดี แต่กลับถูกพ่อค้าหนุ่มถลึงตาใส่ให้อย่างหงุดหงิดแทน
“ลง-ไป-ซะ ! ” บูชเชอร์กัดฟันพูดเสียงเบา “ข้าไม่ได้ทิ้งเจ้าแต่คน ๆ นั้นมาหาเจ้าไปคุยธุระกับมันให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับขึ้นมา !”
กิสเซลล่าพยักหน้าลงอย่างงงงวยเมื่อโดนเร่งยิก ๆ ให้กระโดดลงไป อดีตจอมมารจึงต้องทำตามใจเพื่อนมนุษย์เพียงคนเดียวของตน เดินเกาหัวงก ๆ เงิ่น ๆ ไปหาชายผ้าคลุมสีขาวที่ยังคงปิดหน้าปิดตาทำตัวลึกลับได้น่าสงสัยเช่นเดิม
“ท่านมีธุระอะไรกับข้ารึเปล่าขอรับ” เพราะเหมือนบูชเชอร์จะรู้จักอีกฝ่ายดี กิสเซลล่าจึงไม่ได้ชี้หน้าแล้วร้องตะโกนเรียกอีกฝ่ายว่า ‘คนโรคจิตที่จับหน้าอกข้านี่ !’ ออกไป
“เดินทางปลอดภัย”
ชายในชุดคลุมสีขาวเข้ามาอวยพรให้กิสเซลล่าสั้น ๆ พร้อมยัดถุงสีน้ำตาลใบใหญ่ใส่มือกิสเซลล่าเสร็จสรรพก็หุนหันพลันแล่นเดินจากไปทันที โดยไม่ทันให้อดีตจอมมารออกปากใด ๆ แม้แต่น้อยอีกครั้งร่างนั้นก็หายไปจากสายตาเสียแล้ว
ดวงตาคมจึงก้มลงมองถุงในมือนั้นเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย และเมื่อเปิดออกว่าภายในนั้นคืออะไรกิสเซลล่าก็ต้องตกใจเพราะสิ่งที่อยู่ในถุงนั้นคือเสบียง อุปกรณ์ยังชีพ พร้อมชุดปฐมพยาบาล !
กิสเซลล่าได้แต่ทำหน้านิ่วเพราะนึกไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเขาเคยไปทำอะไรให้ใครต้องมาตอบแทนเช่นนี้... ซาเทียไม่ใช่เมืองที่อยู่ใกล้เขตแดนปีศาจจึงไม่มีทางที่เขาจะรู้จักผู้คนของที่นี่แท้ ๆ แม้จะพยายามนึกจนสมองแทบระเบิดกิสเซลล่าก็ไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี เขาจึงเลิกคิดหาคำตอบด้วยตนเอง และตั้งใจว่าถ้าครั้งหน้าได้เจอกับชายคนนั้นอีกครั้งเขาจะถามหาคำตอบจากอีกฝ่ายให้รู้เรื่องรู้ราวอีกที...
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองเริ่มออกเดินทางกันแล้วป้ามารีจึงได้หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเข้าไปดูแลทารกน้อยต่อ แต่เมื่อหญิงชราเดินเข้ามานางก็ต้องพบกับสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ทำให้หัวคิ้วสีดอกเลาขมวดเข้าหากัน เพราะบนเปลเด็กนั้นร่างเล็กกลับมีผ้าห่มคลุมปิดทับไว้จนมิด ทำให้เธอเป็นห่วงว่าเด็กน้อยจะหายใจไม่ออกจึงได้รีบเดินเข้าไปเปิดผ้าห่มออกให้เด็กน้อยหายใจได้สะดวก
“หนูมิเกล ? !”
หญิงชรายกมือขึ้นปิดปากแน่น ดวงตาสีเทาเบิกกว้างเมื่อเปลนอนที่เคยมีทารกแสนน่ารักอยู่กลับมีหมอนอิงที่ถูกห่อขดเป็นก้อนวางไว้แทนที่ ไร้ซึ่งร่องรอยของทารกอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้หญิงชราหน้ามืดไปวูบหนึ่ง ใจเต้นระรัวด้วยความตกใจยิ่งกว่าเก่า เมื่อหางตาของนางเห็นของกินที่ควรจะอยู่ในตะกร้าส่งให้กิสเซลล่ากลับถูกซุกซ่อนไว้ใต้โต๊ะอย่างแนบเนียน !
โอ้ ! อย่าบอกนะว่าในตะกร้าที่มันหนักกว่าปกตินั่นก็เพราะ... ! ! !
