บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 : ข้าคืออดีตจอมมาร ที่เห่อลูกเป็นอย่างมาก (2)

เช้าวันต่อมาอดีตจอมมารที่ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วจึงเก็บข้าวของที่ไม่ได้มากมายของตนเดินทางเข้าย้ายไปอยู่ในตัวเมืองด้วยความมุ่งมั่น โดยไม่ลืมแวะไปหาพ้อค้าหนุ่มเพื่อนรักเพื่อบอกการตัดสินใจของตน

“ท่านบูชเชอร์ข้าตั้งใจจะย้ายมาอยู่ในเมืองแล้วขอรับ !”

“มีที่อยู่ในเมืองแล้วงั้นเหรอ ?”

คำถามที่สวนกลับมาให้อดีตจอมมารที่หอบของมาพรุงพะรังพร้อมลูกน้อยที่ถูกผูกติดกับหลังถึงกับยิ้มค้าง ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นยิ้มเจื้อน ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองแล้วหัวเราะแห้ง ๆ กับความเลินเล่อของตน

“รบกวนช่วยหาที่ดินกับบ้านเล็ก ๆ ให้ข้าสักหลังได้ไหมขอรับ”

“...”

บูชเชอร์กลอกตามองบนใส่กิสเซลล่า ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในตัวของร่างสูงที่เวลาตัดสินใจได้ก็ดันรวดเร็วเกินเหตุ จนพ่อค้าหนุ่มต้องไล่ให้กิสเซลล่าออกไปเดินเล่นทำความคุ้นเคยกับเมืองซาเทียที่อดีตจอมมารที่อาศัยอยู่ในแดนมนุษย์มา 5 ปี แล้วก็ไม่เคยคิดจะสำรวจความงามของเมืองแม้แต่น้อย

“ข้าจะไม่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นโจรลักพาตัวอีกใช่ไหม ?”

กิสเซลล่าถามด้วยความขยาดจากประสบการณ์ครั้งก่อนที่ทำให้กระจุกผมกลางหัวเขาโดนถอนไปจนโล้นเป็นจุดให้เขาต้องเลื่อนผ้าโพกหัวที่ไว้ใช้สำหรับลดความเถื่อนของใบหน้าของตนขึ้นมาปิดกลางหัวด้วยความอายเป็นที่สุด

“เพราะเรื่องของเจ้าเจ้าเมืองเลยมีคำสั่งกวาดล้างพวกโจรลักพาตัว กับพวกต้มตุ๋นจนหมดสิ้น ทำเอาพวกคนชั่วกลัวหัวหด ตอนนี้ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาวุ่นวายในเมืองหรอกหากไม่อยากถูกจับไปสอบสวน”

เมื่อได้รับการยืนยันให้สบายใจ ข้าวของที่ขนมจึงถูกทิ้งไว้ที่บ้านของบูชเชอร์ก่อนชั่วคราว หากจัดการหาที่อยู่ให้กิสเซลล่าเสร็จเมื่อไหร่ก็ค่อยขนย้ายอีกทีนึง

ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของกิสเซลล่าจึงมีเพียงมิเกลล่าที่เกาะติดอยู่กับหลัง กำลังหันมองซ้ายขวาไปมาจนทั่วด้วยความสนใจ จนเมื่อดวงตากลมโตเห็นเนื้อย่างที่กำลังถูกหมุนย่างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมามือเล็กก็ตบลงบนหลังของกิสเซลล่าส่งเสียงร้องเรียกให้อดีตจอมมารที่กำลังดื่มด่ำกับทัศนียภาพรอบตัวหันมามอง

“อ้ำ ๆ !” มิเกลล่าชี้มือไปยังเป้าหมาย ส่งสายตาอ้อนไปให้ร่างใหญ่ใจอ่อน

“มิเกลล่าไม่ได้นะ ลูกยังไม่มีฟันจะกินของพวกนั้นไม่ได้นะ” กิสเซลล่าส่ายหน้า หวนนึกถึงตอนที่เด็กน้อยงับเนื้อบนโต๊ะกินข้าวเมื่อครั้งก่อนอย่างดุดันก็ยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย โชคดีที่มิเกลล่าฟันไม่คมพอจะกัดเนื้อให้ขาดได้ในทีเดียวกิสเซลล่าจังสามารถแยกเนื้อกับเด็กน้อยออกจากกันได้ทัน ขืนกินเนื้อเหนียวนั่นเข้าไปลำไส้ของเด็กน้อยได้เน่าเพราะย่อยไม่ได้กันพอดี

“งื้อ !” มิเกลล่าร้องออกมาด้วยความขัดใจเมื่อเห็นท่าทางปฏิเสธของกิสเซลล่า ปากเล็กก็เบ้ลง ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาให้กิสเซลล่ามองด้วยใจสั่นไหวเล็กน้อย

“ไม่ได้ ๆ ยังไงก็ไม่ได้ ! ถ้าลูกหิวล่ะก็เดี๋ยวพอจะหาซื้อนมให้แล้วกันนะ” กิสเซลล่าพยายามหว่านล้อมสุดฤทธิ์ แต่มิเกลล่าคลายจะไม่พอใจในข้อต่อรองนี้ ปากเล็กอ้ากว้างแล้วงับลงที่ไหล่ของกิสเซลล่าให้ร่างใหญ่สะดุ้ง แทบจะดึงมิเกลล่าออกมาจากไหล่ไม่ทัน ที่ไหล่ของเขามีเลือดซิบออกมาให้รู้สึกแสบเล็กน้อย

“มิเกล ! อย่ากัดกันสิมันเจ็บนะ !” กิสเซลล่าดุเด็กน้อย ตั้งใจเพียงจะสั่งสอนให้อีกฝ่ายรู้ว่าบางอย่างก็ไม่ควรทำ แต่ดูเหมือนการดุของเขาจะเบาไปหน่อยจึงทำให้ไม่เพียงมิเกลล่าไม่กลัวกลับร้องอ้อแอ้คล้ายจะเถียงกลับ

“แอ้ ๆ ๆ !” ทารกน้อยร้องใส่กิสเซลล่าอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะทำแก้มพองลมสะบัดหน้าหนีไปอีกทางให้กิสเซลล่าหนักใจกับนิสัยเสียของมิเกลล่าที่เขาเพิ่งค้นพบเป็นครั้งแรกที่ทำให้กิสเซลล่าเหงื่อตก

ไม่ได้การแล้ว ! ปล่อยให้มีนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้มิเกลล่าได้โตมาเป็นซาราสะหมายเลข 2 แน่ ถึงครานั้นโลกนี้คงต้องถึงคราวอวสานแน่นอน !

กิสเซลล่าอยากจะพูดพร่ำสอน แต่เมื่อนึกได้ว่ามิเกลล่ายังเป็นทารกน้อยไม่ประสา ต่อให้พูดปากเปียกปากแฉะมิเกลล่าคงไม่เข้าใจ พ่อจำเป็นจึงได้ถอนหายใจออกมาย้ายตัวมิเกลล่ามาอุ้มไว้แนบอกแทน

“โอ๋ ๆ ข้าไม่ว่าเจ้าแล้วนะ เลิกเคืองเถอะนะมิเกล” กิสเซลล่าใช้มือใหญ่ตบที่หลังของมิเกลล่าอย่างเบามือ ใช้เสียงนุ่มที่สุดเพื่อสื่อให้ทารกน้อยรับรู้ว่าตนเป็นห่วงมากแค่ไหน และดูเหมือนมันจะได้ผล เพราะทารกน้อยเลิกทำแก้มป่อง เปลี่ยนมาซุกหน้าลงไถกับอกของกิสเซลล่าแทนเป็นการคืนดีกัน...

งั่ม !

“จ้าก !” ซะเมื่อไหร่เล่า !

นิสัยกัดไปทั่วเป็นอีกนิสัยเสียหนึ่งที่อดีตจอมมารค้นพบ และตั้งใจว่าเขาจะต้องแก้ไขให้จงได้ ไม่อย่างนั้นทั้งอกเขาได้มีรอยกัดพร้อยจนเนื้อต้องหลุดเข้าสักวันแน่ !

ปึ้ก !

กิสเซลล่าที่รีบดึงตัวของมิเกลล่าออกห่างเร็วไปหน่อยเผลอถอยหลังไปชนกับคนอื่นเข้า เมื่ออดีตจอมมารหันไปก็เห็นชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเขาโดนชนลงไปกองกับพื้น

“ขอโทษนะขอรับ ท่านได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า !” เขารู้ตัวดีว่าตนเองร่างใหญ่เทอะทะเกินไปที่ชนเมื่อครู่คงทำให้มนุษย์ผู้นี้เจ็บไม่น้อยถึงได้ลุกไม่ขึ้น กิสเซลล่าจึงรีบก้มตัวลงยื่นมือไปให้ชายหนุ่มที่เขาไม่เห็นหน้าค่าตาเพราะเจ้าตัวสวมผ้าคลุมหัวปิดหน้าตัวเองไว้อยู่ก็ยื่นมือมาแต่ไม่ได้ยื่นมาจับมือกิสเซลล่าเนี่ยสิ...

หมับ !

“เอ๊ะ ?” อดีตจอมมารตัวแข็งทื่อ เมื่อมือที่สวมใส่ถุงมือหนังสีขาวเมินผ่านมือของเขาไป แล้ววางแปะลงบนหน้าอกเขาแล้วออกแรงกดลงเต็มไม้เต็มมือ !

นี่คือการลวมลาม ? ไม่สิ เขาไม่ใช่หญิงสาวนะจะโดนลวนลามได้ยังไง ? หรือว่านี่คือวัฒนธรรมของมนุษย์งั้นเหรอ... มะ... ไม่ใช่หรอกมั้ง ขนาดบูชเชอร์ยังไม่เคยทำแบบนี้เลย นี่มันแค่การลวนลามกันชัด ๆ !

“แอ้ !”

กิสเซลล่าที่ตกลงสู่ความตกตะลึงจนเผลอปล่อยให้ร่างกายของตนถูกลวนลามตามใจชอบสะดุ้งรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของมิเกลล่าที่แผดร้องเรียกเขาดังลั่นกับแรงฟาดเรียกสติที่ทำให้กิสเซลล่ารีบขยับตัวถอยห่างออกจากมนุษย์ประหลาดที่ย้ายมือจากอกมาจับที่ไหล่เขาแทน

วูบหนึ่งใบหน้าของทารกน้อยแสดงสีหน้าทะมึงถึง จ้องชายผ้าคลุมสีขาวอย่างอาฆาตแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะยังต้องแสดงท่าทีบอบบางไร้พิษสงของเด็กทารกไม่ให้บิดาบุญธรรมตกใจกับนิสัยที่แท้จริงของทารกน้อยที่ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่ใครเข้าใจ

“ทะ.... ท่านทำอะไรน่ะขอรับถึงข้าจะชนท่าน แต่นั่นไม่ใช่ความตั้งใจท่านไม่ควรแสดงท่าทีคุกคามเช่นนี้นะขอรับมันไม่ถูกต้อง !”

“...”

ชายหนุ่มที่ถูกชนลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง ริมฝีปากหยักสวยที่ใต้มุมปากซ้ายมีไฝเม็ดเล็กโผล่พ้นออกมายังคงเรียบเป็นเส้นตรงไม่ได้ขยับเพื่อพูดโต้ตอบกิสเซลล่าที่กำลังตัวสั่นเพราะหวาดกลัวกับการถูกลวนลามครั้งแรกในชีวิตจนทำอะไรไม่ถูกแต่อย่างใด

“ท่านจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอขอรับ !” ขอโทษเขาหน่อยก็ยังดี แล้วเขาจะได้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ! อย่าให้เขาต้องฟ้องร้องว่าตัวเองโดนลวนลามโดยผู้ชายเลย !

“เราขอตัว...” ชายปริศนาตอบกลับด้วยประโยคที่กิสเซลล่าคาดไม่ถึง เมื่อพูดจบก็หมุนตัวเดินแทรกเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็วให้กิสเซลล่าเบิกตาโต ส่งเสียงละล่ำละลักรั้งอีกฝ่ายไว้ไม่ทัน

“ดะ... เดี๋ยวก่อน !” กิสเซลล่าสอดสายตาตามหาชายในชุดคลุมแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ อีกฝ่ายหายไปเร็วเกินไปราวกับภูตผี ทำเอาอดีตจอมมารถึงกับหน้าซีดเผือด ขนลุกซู่เมื่อเขาได้ทำพลาดมหันต์ปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้เสียแล้ว !... ไหนบูชเชอร์บอกว่าเมืองนี้ปลอดภัยดีแล้วไง แล้วเหตุใดถึงยังมีโจรราคะเดินลอยชายได้กัน !

เมืองมนุษย์ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ! นี่เขาคิดผิดคิดถูกที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กันแน่เนี่ย ? !

กิสเซลล่ายกมือขึ้นลูบอกตัวเองที่เต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ใจหายวาบกับเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วเจ้าตัวก็ชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดในตัวที่ทำให้เขาต้องลูบอก กับไหล่ที่ถูกชายคนนั้นแตะต้องเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกฉงน

“ไม่เจ็บแล้วแฮะ...” ไม่เพียงแค่ความเจ็บปวดเท่านั้น แม้แต่รอยที่ถูกมิเกลล่ากัดก็หายไปด้วย... หรือว่าชายที่เขาชนด้วยเมื่อครู่จะเป็นคนรักษาให้ ? กิสเซลล่านึกสงสัยในใจถึงความเป็นไปได้นี้ แต่ก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้อยู่ดีเพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงคนในเมืองนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว !

อีกทางด้านหนึ่ง...

ชายหนุ่มในชุดผ้าคลุมสีขาวที่หลบเลี่ยงสายตาของอดีตจอมมารได้อย่างอัศจรรย์ หลบซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอยหนึ่ง รอให้กิสเซลล่าเดินจากไปแล้วเขาจึงค่อยเดินออกไปอีกครั้ง แต่แล้วที่ปากทางออกกลับมีคน ๆ หนึ่งเดินมาขวางไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกไป

ชายในชุดคลุมสีขาวจึงค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเย็นชา ที่ในดวงตานั้นกำลังเต้นเร่าด้วยความโกรธเคืองเป็นอย่างมากของพ่อค้าหนุ่มนามบูชเชอร์ ที่ควรจะไปจัดการหาที่พักให้กับอดีตจอมมารอย่างที่ควรจะเป็น

“อย่าเข้าใกล้กิสลี่แบบนั้นอีก”

“ริษยาที่เราได้เข้าใกล้เขางั้นเหรอ ?” คำถามจากเจ้าของริมฝีปากคู่สวยเอ่ยยอกย้อนถามกลับไปให้บูชเชอร์ชักสีหน้าใส่ชายตรงหน้าที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร บูชเชอร์ก็ไม่สามารถมองอีกฝ่ายว่าเป็นมิตรได้เสียที !

“หน้าที่ข้าคือดูแลเจ้านั่น ส่วนเจ้าก็ทำหน้าที่ดูแลเมืองให้ดีเสียเถอะ ‘เจ้าเมือง’ !”

ชายหนุ่มผู้มีผ้าคลุมปิดใบหน้าเพียงยกยิ้มเหยียดขึ้น ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธบูชเชอร์แต่อย่างใด เพราะชายหนุ่มเข้าใจถึงหน้าที่ของตนได้รับมอบหมายมาอย่างเต็มใจดี... แค่เพียงว่าเขาอดที่จะข้ามเส้นที่ถูกแบ่งอย่างชัดเจนเพื่อได้เห็น ‘ท่านผู้นั้น’ ชัด ๆ อีกครั้งไม่ได้จริง ๆ

“แค่เราเข้าใกล้เขาเจ้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ... หาก ‘เจ้าชาย’ ‘อัศวิน’ ‘นักบวช’ และ ‘จอมเวทย์’ เดินทางมาถึงที่นี่เจ้าไม่ยิ่งต้องอกแตกตายงั้นหรือ ?”

“คนพวกนั้นไม่บ้าคลั่งอย่างเจ้า !” บูชเชอร์อยากจะเถียง และเอ่ยต่อว่าอีกหลายคำ แต่พ่อค้าหนุ่มรู้ดีว่าป่วยการที่จะพูดกับอีกฝ่ายที่มีความคิดเป็นของตัวเองสูงเกินกว่าจะยอมรับฟังคำพูดที่สาธยายนิสัยที่ ‘มากล้น’ เกินกว่าที่คนปกติพึงมี ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหลักให้หน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของกิสเซลล่าตกเป็นของบูชเชอร์ที่อาศัยในเมืองนี้นานพอ ๆ กับชายผู้มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าเมืองซาเทีย

“ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าที่ที่เราได้รับมา เมืองนี้เป็นของเรา และมันจะปลอดภัยสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย” เจ้าเมืองเอ่ยขึ้นทอดสายตามองเมืองอันรื่นรมย์ของตนดั่งผลงานชิ้นโบว์แดงที่เขาทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตเพื่อจัดระเบียบมัน

เพื่อสร้างเมืองที่ ‘ท่านผู้นั้น’ เข้ามาอาศัยต้องสมบูรณ์แบบ นั่นคือสิ่งที่เขาใช้เวลานับ 10 ปีวางแผนมาแต่แรก และมันจะต้องไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นเด็ดขาด

...เพราะหากเกิดความผิดพลาดใดขึ้นเขาก็เพียง ‘กำจัด’ มันทิ้งเสียก็เท่านั้นเอง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel