ตอนที่ 4 ข้าคืออดีตจอมมาร และข้าต้องกลายเป็นคุณพ่อจำเป็น
ตอนที่ 4
ข้าคืออดีตจอมมาร และข้าต้องกลายเป็นคุณพ่อจำเป็น
กิสเซลล่า : โสดมา 500 ปี ผู้หญิงยังไม่เคยแตะต้องแม้แต่ปลายเส้นผม แต่ตอนนี้ข้ากลับต้องกลายเป็นพ่อคนเนี่ยนะ ?
ซาราสะ : หมับ ! // จับมือกิสเซลล่ามาแตะตัวเอง//
ซาราสะ : ฝากเลี้ยงลูกด้วยนะคุณพ่อ
กิสเซลล่า : ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ใครจะไปคาดคิดว่าการเข้าเมืองในรอบสามเดือนของกิสเซลล่าจะนำพาความซวยมาให้อดีตจอมมารด้วย กิสเซลล่าที่อยู่ในสภาพเละเทะไม่เหลือชิ้นดี เมื่อผมสีดำที่เคยมัดรวบครึ่งหัวอยู่ใต้ผ้าโพกหัวเพื่อปิดรอยแผลเป็นกลางหน้าผากของตัวเองในตอนนี้กลับมีสภาพกระเซอะกระเซิง ทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
กิสเซลล่ายืนกอดทารกน้อยไว้แนบอก มองโจรลักพาตัวเด็กตัวจริงที่โดนทหารจับกุมร่างที่บาดเจ็บที่หันมามองกิสเซลล่าเป็นระยะ ๆ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดจิต ทำให้กิสเซลล่าโดนเข้าใจผิดอีกระลอกว่าตนกลายเป็นผู้ทำร้ายหญิงสาวผู้นั้นจนเลือดตกยางออก
“พวกเจ้า ! เลิกซุบซิบนินทาว่าเพื่อนข้ากันได้แล้ว มีงานมีการก็กลับไปทำซะไป !”
บูชเชอร์ไล่ตะเพิดชาวเมืองที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าของพ่อค้าหนุ่มจ้องมองใส่ทุกคนด้วยแววตาถมึงทึงราวกับจะกล่าวว่าทำให้ทุกคนต้องยอมแยกย้ายออกไปเพราะไม่อยากหาเรื่องกับบูชเชอร์ เมื่อไม่มีสายตาของใครมาจับจ้องให้อึดอัดใจอีก กิสเซลล่าจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมายาวพรืดทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ?”
“ตกใจมากเลยสินะกิสลี่” บูชเชอร์เดินเข้ามาหาอดีตจอมมารพลางตบบ่าร่างที่สูงกว่าตนด้วยความเห็นใจ
“ข้ากำลังจะเตือนเจ้าอยู่พอดีว่าช่วงนี้มีพวกโจรลักพาตัวเด็กเพ่นพ่านอยู่ทั่วเมือง ให้ระวังเด็กของเจ้าให้ดี แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเจ้าก็หนีไปซะก่อน ถ้าไม่ใช่ว่าข้าสังหรณ์ใจขึ้นมาล่ะก็เจ้าได้ลงไปนอนเล่นในคุกใต้ดินแน่กิสลี่เอ๋ย ”
กิสเซลล่ารับฟังเรื่องราวจากบูชเชอร์ด้วยความรู้สึกทั้งตกใจ และโล่งใจ โชคดีที่มีคนช่วยเด็กน้อยให้ปลอดภัย รวมถึงชีวิตของเขาจากน้ำมือผู้กล้าอีกด้วย แม้เขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้จัดการโจรสาวจนเลือดตกยางออกก็ตาม
“ปลอดภัยแล้วนะพ่อหนูก้อน !” กิสเซลล่าชูเด็กน้อยตัวขาวขึ้นมาฉีกยิ้มกว้าง ให้ทารกที่ถูกยกตัวขึ้นร้องอ้อแอ้ ชูมือมาหากิสเซลล่าราวกับกำลังรับรู้ถึงความดีใจของอดีตจอมมารเป็นอย่างดี
“เดี๋ยวนะกิสลี่ นี่เจ้าตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่าเจ้าก้อนจริง ๆ เหรอเนี่ย ?”
“ข้าเปล่าตั้งนะขอรับ” กิสเซลล่ารีบส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน “แม่ของเด็กเป็นคนตั้งให้ต่างหาก”
บูชเชอร์มีสีหน้าพิลึกทันทีเมื่อได้ยินว่าผู้ที่ตั้งชื่อไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้เป็นมารดาของเด็ก ใจของพ่อค้าหนุ่มก็นิยามว่ามารดาของเด็กน้อยเป็นหญิงไร้ความรับผิดชอบไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหากชายหนุ่มมารู้ทีหลังว่าหญิงสาวที่เขาประณามว่าในใจนั้นเป็นผู้กล้าที่ตนชื่นชมบูชา บูชเชอร์คงอยากจะแหกปากร้อง ทึ้งหัวตัวเองไปมาเป็นการลงโทษเป็นแน่
“ยังไงก็เถอะ เจ้ารีบหาชื่อดี ๆ ให้เด็กคนนี้เสียเถอะ เกิดเจอพวกโจรทำแบบนี้อีก หากไม่ข้ามาช่วยไม่เจ้าโดนจับเข้าคุก ส่วนเด็กคนนี้ก็คงโดนส่งไปขายเป็นทาสแน่นอน”
“ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะขอรับ ข้าจะลองเกลี่ยกล่อมแม่เด็กให้คิดชื่อพ่อหนูใหม่อีกที”
กิสเซลล่าซาบซึ้งในความเป็นห่วงของบูชเชอร์เป็นอย่างมากจนสายตาที่มองอีกฝ่ายนั้นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาในชั่วอึดใจต่อมา
“ข้าก็ช่วยเจ้าขนาดนี้แล้ว เจ้าคงไม่ใจร้ายใจดำปล่อยให้ข้าลำบากเหมือนกันใช่ไหมกิสลี่ ?”
“...”
...สุดท้ายเขาก็ไม่รอดต้องควักเงินซื้อเนื้อพวกนั้นกลับบ้านจนได้...
แม้จะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแต่ในที่สุดกิสเซลล่าก็พาทารกน้อยกลับมาได้อย่างปลอดภัย เมื่ออดีตจอมมารกลับเข้ามาในบ้าน เจ้าตัวก็วางข้าวของลงบนโต๊ะ ก่อนจะต่อเวทมนตร์สื่อสารติดต่อซาราสะเพื่อหารือเรื่องชื่อของพ่อหนูน้อยอย่างจริงจัง
กระจกวารีถูกเรียกออกมากลางอากาศที่ว่างเปล่า ผิวกระจกที่สะท้อนเป็นระลอกคลื่นเริ่มแสดงภาพของผู้กล้าสาวผู้ฝากฝังลกน้อยให้อดีตจอมมารเลี้ยงอย่างมัดมือชกออกมาซึ่งนางก็มองเขากลับด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“ติดต่อมามีปัญหาอะไรกิสลี่”
“ซาราสะข้าต้องการให้เจ้าช่วยตั้งชื่อให้พ่อหนู” กิสเซลล่าเข้าประเด็นในทันที พร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซาราสะฟังด้วยความสะเทือนใจไม่น้อย
“ดูหัวข้านี้ถึงกับล้านเป็นวงเลยนะ ! เจ้าช่วยตั้งชื่อดี ๆ ให้ลูกก่อนที่หัวข้าจะโล้นเตียนซะทีเถอะ !” อดีตจอมมารโวยพร้อมชี้วงล้านบนหัวของตัวเองที่โดนดึงทึ้งอย่างอำมหิตให้ซาราสะขำพรืดออกมา
“ขอโทษนะกิสลี่ แต่ว่าข้าหยุดไม่ได้จริง ๆ แค่คิดว่าเจ้าโดนมนุษย์กระโดดขึ้นจิกหัวแล้วมันก็... หึ ๆ”
... เอ่อ ๆ หัวเราะไปเถอะ ไม่มาเป็นเขาไม่รู้หรอก...
กิสเซลล่ามองตาขวางใส่เงาในกระจกวารี ที่ในที่สุดก็ยอมหยุดหัวเราะแต่โดยดี สีหน้าของซาราสะเปลี่ยนเป็นจริงจัง คล้ายว่ากำลังหลบหลีกบางสิ่งอยู่และเขาดันมาติดต่อในเวลาที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“รอก่อนนะกิสลี่...” ซาราสะพูดด้วยเสียงกระซิบ ดวงตาฉายประกายสังหารออกมาเมื่อรับรู้ถึงบางสิ่งที่เข้าใกล้ และเพียงไม่ถึงเสี้ยววิ มือเล็กก็คว้าคอผู้ที่เข้ามาใกล้ก่อนจะจับบิดคอหมุนทหารเทพในกำมือเพียงครั้งเดียวจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นหักเต็มสองรูหู ที่ทำเอากิสเซลล่าอยากจะกรี๊ดลั่นเพราะเขาเกือบจะปิดตาพ่อหนูจากการสังหารโหดแทบไม่ทัน !
...ซาราสะ ! ช่วยระวังเรื่องความรุนแรงให้ลูกเจ้าเห็นทีเถอะ !...
“ขอโทษนะกิสเซลล่าแต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถตั้งใจคิดชื่อใหม่ให้เจ้าก้อนได้หรอก”
“ซาราสะนี่เจ้าอยู่ที่ไหน”
“แดนเทพ”
...เยี่ยม ! ทำไมเจ้าถึงตัดสินใจทำอะไรรวดเร็วแบบนี้ !...
“ข้าไปเค้นคอชารอนมา เขาส่งชารูนกลับมาที่แดนเทพ ข้าก็แค่มาตามคนของข้ากลับ”
“เอาล่ะ... ข้าจะไม่พูดว่าอะไรเจ้าอีก อยากจะช่วยใครก็ตามใจเจ้าแต่ช่วยบอกหน่อยเถอะว่าเมื่อไหร่เจ้าจะตั้งชื่อลูกใหม่” ได้โปรดอย่าให้เขาต้องรอนานกว่านี้เลย เห็นแก่เส้นผมที่น่าสงสารของเขาหน่อยเถอะ
“เจ้าเป็นพ่อบุญธรรมของเขา ข้าให้สิทธิตั้งชื่อเจ้าก้อนแก่เจ้าแล้วกัน”
“ห๊า !” กิสเซลล่าร้องเสียงหลงเมื่อโดนโบ้ยหน้าที่พ่อบุญธรรมมาอย่างงง ๆ “ให้ข้าตั้งชื่อลูกเจ้า ?”
“ใช่ ตั้งเลยตอนนี้แหละ” กลายเป็นฝ่ายคะยั้นคะยอถูกกดดันแทน กิสเซลล่าถึงกับมึนไปชั่วขณะเมื่อหน้าที่ตั้งชื่อถูกโยนมาที่เขาแทนเสียอย่างนั้น
“มิเกลล่า”
“ชื่อเทวทูตงั้นเหรอ ? ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ชอบขี้หน้าพวกเทพซะอีก” ซาราสะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อกิสเซลล่าพึมพำชื่อหนึ่งออกมา ชื่อที่มาจากหนึ่งในสี่เทวทูตของเผ่าเทพ ดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชื่อที่จอมมารตั้งให้ได้เลย
กิสเซลล่ายิ้มจาง ๆ ออกมา อดีตจอมมารอุ้มทารกน้อยให้หันมามองตนเองก่อนที่จะรำลึกไปถึงเจ้าของชื่อที่ชวนให้หวนระลึกถึงอยู่เสมอแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด
“มิเกลล่าเป็นชื่อเพื่อนมนุษย์คนแรกของข้า... เขาคือคนที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้” และเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตของเขาตลอดกาล และแล้วเด็กน้อยที่เคยถูกตั้งชื่อส่ง ๆ ก็มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘มิเกลล่า’ ในที่สุด
“ยังไงก็ตั้งชื่อให้แล้วข้าฝากเจ้าเลี้ยงมิเกลล่าแบบไม่มีกำหนดเลยแล้วกันนะ”
“ห๊ะ !”
กิสเซลล่าหน้าเหวอเมื่อจู่ ๆ ซาราสะก็ถูกตัดสัญญาณติดต่อทิ้ง ให้อดีตจอมมารไม่ได้รับโอกาสมีสิทธิมีเสียงในการโต้แย้งใด ๆ แม้แต่น้อย ร่างสูงใหญ่จึงได้แต่ยืนเอ๋ออยู่กับที่โดยที่ในมือนั้นมีทารกน้อยที่เอียงคอมองด้วยความสงสัยที่จู่ ๆ ภาพของมารดาก็หายไป
...จ๊อก...
เสียงท้องร้องของมิเกลล่าดังออกมาให้ทารกน้อยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืนวานหน้ามุ่ย มือเล็กพยายามสะกิดเรียกกิสเซลล่าให้รับรู้ถึงความหิวโหยของเขา แต่เหมือนร่างใหญ่จะยังตกใจไม่หายทำให้เด็กน้อยไม่มีทางเลือกทำตามสัญชาติญาณอ้าปากออกกว้างแล้วกัดลงที่หน้าอกของกิสเซลล่าเต็มแรง
ง่ำ !
“จ้าก !”
เสียงร้องโหยหวนของอดีตจอมมารที่ดังสนั่นจนเหล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยตื่นตระหนกจนวิ่งไปหาที่หลบภัยเป็นทิวแถว ในขณะที่คนแหกปากร้องออกมากำลังเอามือกุมหน้าอกตัวเองไว้แน่นด้วยใบหน้าแดงก่ำด้วยความอดกลั้นความเจ็บปวดที่กำลังทำให้น้ำใส ๆ ซึมดวงตาเฉียงคม ที่ก้มมองผิวใต้ร่มผ้าของตัวเองที่มีรอยฟันเด่นเป็นสง่ารอบลานนมของเขา
“อ้ะ ๆ”
“มิเกลล่าข้าไม่มีนมให้เจ้ากินหรอกนะ” กิสเซลล่าต้องดันทารกน้อยที่พยายามเอื้อมมือมาหาเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงดูดนมไม่ได้ และพยายามจะเข้ามาลองอีกครั้งจนอดีตจอมมารอยากจะร้องไห้ออกมา
“หิวแล้วสินะ ข้าจะหานมให้เจ้ากินแล้วใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ” กิสเซลล่าได้แต่ปลงตกอุ้มเด็กน้อยพาดบ่าเพื่อไม่ให้มิเกลล่าโมโหหิวจนกัดเขาได้อีก แล้วก้มลงค้นหาของที่จะช่วยให้เด็กน้อยหายหิวได้ แต่ไม่ว่าจะค้นเท่าไหร่กิสเซลล่าก็ไม่เจอเสียที่ทำให้อดีตจอมมารหน้าถอดสีลง
...นมที่เขาซื้อมาหายไปไหน ?...
หลังจากล่อหลอกให้กิสเซลล่าซื้อเนื้อได้สำเร็จ เนื้อจำนวนมากก็ถูกลากเกวียนขนส่งมาให้ลูกค้าเจ้าประจำ ด้วยรอยยิ้มระรื่นของพ่อค้าหนุ่มที่ฮัมเพลงอย่างมีความสุขล้นปรี่ที่วันนี้เขาระบายสินค้าได้สำเร็จด้วยดี ต้องขอขอบคุณพ่อผ้าขี้ริ้วห่อทองของเขาจริง ๆ !
บูชเชอร์ชักบังเหียนให้ม้าหยุดเดินเมื่อมาถึงบ้านไม้หลังเล็กน่าพักอาศัย เขาก็กระโดดลงมาจากเกวียนแล้วเดินไปเคาะประตูเรียกเจ้าของบ้านให้ออกมารับสินค้าของตน
ก๊อก ๆ ๆ
“กิสลี่ข้ามาแล้ว มาเอาเนื้อเจ้าไปเร็ว”
ทันทีที่เสียงเรียกร่าเริงของพ่อค้าหนุ่มจบลง ประตูไม้ก็ถูกกระชากเปิดออกด้วยฝีมือของเจ้าของบ้านที่ใบหน้าดุดันกำลังหน้าเสีย ริมฝีปากหนาอ้าพะงาบ ๆ ไปมา ดวงตาเรียวคมดุดันคลอหน่วยด้วยน้ำตาให้บูชเชอร์ทำหน้าพิลึกออกมาเพราะรู้สึกรับไม่ได้กับความเถื่อนเสียของของกิสลี่
“ท่านบูชเชอร์ นมข้าหายไป !”
“นมเจ้า ?” บูชเชอร์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมองที่กล้ามอกแน่นของกิสเซลล่า “ก็อยู่กับตัวนี่”
“ไม่ใช่ ! ข้าหมายถึงนมของเด็กน้อยคนนี้ต่างหากล่ะ !” กิสเซลล่าโวยวาย ยกมือขึ้นปิดหน้าอกของตนที่ถูกจ้องเขม็งจนเหมือนถูกลวนลามก็ไม่ปาน
“อ๋อ... ” บูชเชอร์ส่งเสียงร้องอ๋อออกมายาว ๆ ก่อนจะยกยิ้มเผล่ออกมา “ถ้าหมายถึงนมนั่นล่ะก็อยู่นี่แล้ว !”
“ขอบคุณนะท่านบูชเชอร์ท่านคือผู้ช่วยชีวิตของข้าจริง ๆ !”กิสเซลล่าตาโต โผเข้ากอดบูชเชอร์แน่นเมื่อเห็นกระบอกใส่นมในมือของบูชเชอร์
“ยี๊ ! ถอยออกไปเลย ถูกผู้ชายตัวใหญ่อย่างเจ้ากอดไม่ได้ทำให้ข้าพิศวาสนักหรอกนะ !” บูชเชอร์พยายามฝืนตัวดันร่างใหญ่ของกิสเซลล่าออกด้วยความขนลุกขนพองแล้วส่งกระบอกนมที่กิสเซลล่าทำตกไว้คืนสู่เจ้าของตัวจริง
ที่รีบเอานมเทใส่ขวดนมที่ใส่จุกยางขนาดพอเหมาะต่อปากของทารกมาจ่อที่ปากของมิเกลล่าที่มองอย่างฉงนเล็กน้อย แต่ทารกน้อยก็อ้าปากงับจุกยางแล้วออกแรงดูดจ๊วบ ๆ อย่างน่ารักน่าชัง
“อ่า... มิเกลล่าทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้นะ” กิสเซลล่ามองทารกในอ้อมแขนด้วยความเอ็นดู ยิ่งเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มกำลังทำหน้าเคลิบเคลิ้มก็ยิ่งทำให้กิสเซลล่ายิ่งรู้สึกรัก และหลงในความน่ารักของมิเกลล่าจนอยากจะตามใจให้มากกว่านี้
“หาชื่อให้เด็กคนนี้ได้แล้วเหรอ”
“ขอรับ เด็กคนนี้ชื่อมิเกลล่าครับ”
“เป็นชื่อที่ดีนะ” บูชเชอร์มองเด็กน้อยที่มีหน้าตาน่ารักดั่งเทวดาแล้วก็รู้สึกเห็นดีเห็นชอบกับชื่อที่กิสเซลล่าตั้งให้
“เนื้อที่เจ้าซื้อไว้ข้าขนมาให้แล้วนะ เดี๋ยวข้าเอาไปเก็บที่เดิมให้เจ้าดูแลเด็กไปเถอะ”
“ขอบคุณนะขอรับท่านบูชเชอร์ คงต้องขอรบกวนท่านอีกแล้ว” กิสเซลล่าโค้งศีรษะให้ด้วยความซาบซึ้ง ต่อน้ำใจของพ่อค้าหนุ่มที่หยิบยื่นมาให้โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอแต่อย่างใด
“ท่านบูชเชอร์ก่อนกลับให้ข้าเลี้ยงข้าวท่านสักมื้อได้ไหมขอรับ ถือว่าขอบคุณที่ท่านได้ช่วยเหลือข้าไว้หลายเรื่องด้วย”
“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง !” ของฟรีใครกันเล่าจะปฏิเสธ !
“งื้อ...”
เสียงร้องอู้อี้ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจของมิเกลล่าที่ถูกวางไว้ทิ้งไว้บนเปล เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองคนหนึ่งกำลังอยู่ในครัวส่วนอีกคนก็เอาเนื้อไปเก็บในโรงเก็บเนื้อที่กิสเซลล่าสร้างไว้โดยเฉพาะให้สัตว์เลี้ยงของตน
จนไม่มีใครเฝ้าเห็นความเปลี่ยนแปลงของทารกที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น เพราะนมในขวดนมนั้นว่างเปล่าเสียแล้ว และมันยังไม่สามารถเติมเต็มแม้ครึ่งกระเพาะของเด็กน้อยด้วยซ้ำ ทำให้เด็กน้อยที่มีความคิดเกินวัยไปไกลโขหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
มิเกลล่าพยายามชะเง้อหน้าเพื่อเรียกกิสเซลล่าที่เดินออกมาจากครัวพร้อมจานใหญ่ที่ใส่เนื้อย่างชิ้นหนา ย่างด้วยไฟจากเตาถ่านให้สุกกำลังพอดี เรียกน้ำลายจากปากมิเกลล่าให้จ้องจานในมือของกิสเซลล่าตาเป็นมัน
“อ่ะ... ลืมทำมันฝรั่งทอด” กิสเซลล่าอุทานออกมาเมื่อลืมของทานเล่นคู่กันกับเนื้อย่าง ทำให้อดีตจอมมารวิ่งกลับไปเข้าครัว โดยไม่รู้เลยว่าเนื้อที่ถูกวางทิ้งไว้นั้นจะกำลังถูกโจรตัวน้อยหมายตาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มิเกลล่าพลิกตัวอยู่ในท่าคลานสี่ขา ปีกสีขาวขนาดพอดีตัวงอกออกมาจากแผ่นหลังเล็ก แล้วเริ่มขยับปีกช้า ๆ พยุงร่างเล็กให้ลอยขึ้นออกจากเปลนอน แล้วข้ามจนถึงบนโต๊ะ มิเกลล่าก็เก็บหลักฐานที่พาตนขึ้นมาอย่างรู้ความ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายแวววาวเมื่อเห็นชิ้นเนื้อสีน้ำตาลเกรียมกำลังพอดีอยู่ตรงหน้า มือเล็กก็เอื้อมหยิบชิ้นเนื้อจากจานออกมา แล้วอ้าปากเล็ก ๆ งับชิ้นเนื้อติดมันลงไปเต็มปากเต็มคำทันที
“กิสลี่ ! ลูกเจ้าปีนโต๊ะขึ้นไปกินเนื้อแล้ว ! ! !”
“มิเกลล่า !”
